ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 345 ข่าวร้าย
บทที่ 345
ข่าวร้าย
พายุในเมืองหลงเจียงได้ถูกกำจัดลงไปแล้ว แต่สถานการณ์ในย่านริมชายฝั่งทะเลนั้นยังคงตึงเครียดอยู่ นับตั้งแต่ที่พวกลิ่งหูหยวนได้ออกจากเมืองเสียหยางไปยังเมืองหลิวเยว่นั้น จงเทียนหลินก็ได้ส่งการช่วยเหลือของเขามายังเมืองโม่ไห่ บรรยากาศทั่วทั้งย่านริมชายฝั่งทะเลนั้นเงียบสงบอย่างมากราวกับช่วงเวลาก่อนพายุเข้า
แต่ทว่าความสงบสุขนี้ก็ได้ถูกทำลายลงด้วยข่าวใหญ่ แม้แต่เย่เย่นั้นยังเกือบล้มทั้งยืนและสีหน้าซีดเผือดหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้
“อะไรนะ? เจ้าบอกว่ามีมือสังหารถูกฆ่าตายคาที่ตอนที่ไปลอบสังหารเว่ยเหยียนอย่างนั้นรึ แล้วมือสังหารคนนั้นก็ยังเป็นยอดฝีมือในระดับสูงสุดราชันย์เทพอีกด้วย?”
เย่เย่นั้นแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองตอนที่ได้ยินรายงานมาจากสายลับของจวนเจ้าเมือง เขาได้คว้าแขนอีกฝ่ายและถามย้ำด้วยความกระวนกระวาย
แล้วภาพของเหยียนลี่หยางก่อนที่จะจากไปนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา แล้วสีหน้าของเขาก็ได้มืดมนอย่างสุดๆทันที
“รายงานท่านรองเจ้าเมือง เป็นความจริงครับที่มือสังหารที่อยู่ในระดับสูงสุดราชันย์เทพคนนั้นถูกเว่ยเหยียนฆ่าตายคาที่! และข่าวลือยังบอกด้วยว่ามือสังหารคนนั้นยังมีพลังต่อสู้ที่เทียบกันได้กับยอดฝีมือที่เพิ่งขึ้นระจักรพรรดิเทพเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็ถูกเว่ยเหยียนสังหาร!”
สายลับของจวนเจ้าเมืองนั้นไม่รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเย่เย่ ตัวเขานั้นคิดว่าเย่เย่นั้นคงจะตกใจกับความแข็งแกร่งของเว่ยเหยียน จึงได้ตอบเย่เย่กลับไปอีกหน
มีเพียงซ่างกวานจ้งที่รู้สึกได้ว่าเย่เย่นั้นมีท่าทีที่ผิดปกติ เขาจึงได้ถามเย่เย่ด้วยความเป็นห่วง “เย่เย่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลังจากที่ได้ยินที่ซ่างกวานจ้งถาม จงเจิ้งหมิงกับคนอื่นๆในห้องนั้นก็ได้หันไปมองเย่เย่ด้วยความเป็นห่วงกลัวกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในช่วงเวลาที่วิกฤติเช่นนี้
อย่างไรเสีย ในเวลานี้เย่เย่นั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองโบราณโม่ไห่นอกจากซ่างกวานจ้ง ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเย่เย่ อิทธิพลของเขาในหมู่รุ่นเยาว์ของเมืองโม่ไห่นั้นก็ยังเหนือกว่าซ่างกวานจ้งเสียอีก ถ้าหากเย่เย่นั้นเกิดมีปัญหาขึ้นมาในเวลานี้ ถ้าเย่เย่นั้นเกิดมีปัญหาขึ้นมาในเวลานี้ ผลกระทบที่มีต่อเมืองโม่ไห่นั้นคงจะประเมินค่าไม่ได้
“ไม่มีอะไร แค่ไม่นึกว่าความแข็งแกร่งของเว่ยเหยียนนั้นจะแข็งแกร่งมากถึงขนาดนั้น!”
เย่เย่ก็ได้รีบตอบกลับไปและรีบเก็บกดอารมณ์ของเขาที่กำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา และส่ายหัวให้ผู้คนอย่างใจเย็น
แต่หัวใจของเย่เย่นั้นยังคงหวั่นไหวในระดับที่คนภายนอกนั้นก็ไม่อาจคาดคิดได้ มีแววตาสูญเสียปรากฏในดวงตาของเขา ราวกับว่าตัวเขาได้สูญเสียผู้ช่วยที่สำคัญที่สุดของเขาไป
ในช่วงที่ผ่านมานี้วรยุทธ์ของเหยียนลี่หยางนั้นได้นำหน้าเย่เย่ ตัวเขาจึงได้คอยช่วยเหลือในช่วงเวลาที่เย่เย่กำลังพัฒนา หลังจากที่เย่เย่ได้มอบกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพที่เขาซื้อมาจากระบบเติมเงินให้เหยียนลี่หยางไปนั้น เหยียนลี่หยางก็ได้เป็นเหมือนกับไพ่ตายของเย่เย่และช่วยเย่เย่พลิกวิกฤติในช่วงเวลาคับขัน
แต่ในเวลานี้กลับมีข่าวที่น่าสงสัยว่าจะเป็นข่าวการตายของเหยียนลี่หยางมาจากสำนักแก้วหลากสี ซึ่งได้ทำให้เย่เย่รู้สึกเหมือนถูกทำร้ายและมีความกลัวปรากฏขึ้นมา แต่โชคดีที่เย่เย่รีบปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว และตัดสินใจที่จะไม่คิดถึงผลที่แย่ที่สุดออกมาในเวลานี้ และรอจนกระทั่งข่าวได้ถูกตรวจสอบเสียก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“นั่นสิ! ความแข็งแกร่งของเว่ยเหยียนนั้นอาจจะเหนือกว่าที่พวกเราคาดเอาไว้ ถ้าหากสำนักแก้วหลากสีนั้นให้ เว่ยเหยียนมาที่ย่านริมชายฝั่งทะเลด้วยตัวเองแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราในเมืองโม่ไห่ที่จะไปต่อกรกับเขาด้วยพลังในปัจจุบันของพวกเรา!”
เมื่อซ่างกวานจ้งได้ยินที่เย่เย่ตอบ ตัวเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักและได้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย คิ้วของเขานั้นย่นเข้าหากันราวกับว่าตัวเขานั้นพบกับความยากลำบากที่ยากเกินกว่าจะจัดการได้ และยังมีแววตากระวนกระวายอยู่ในดวงตาของเขา
แต่ท่าทีของจงเจิ้งหมิงก็ได้มองในแง่บวกมากกว่าคนอื่นๆ เมื่อเห็นซ่างกวานจ้งคิ้วขมวดตัวเขาก็ได้รีบกล่าวอย่างใจเย็น “ใจเย็นๆลงก่อน เนื้อหาของข่าวนี้ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบเลย ต่อให้มือสังหารที่มาลอบฆ่าเว่ยเหยียนนั้นจะถูกสังหารไปก็ตามที แต่ความแข็งแกร่งของมือสังหารคนนั้นอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่สำนักแก้วหลากสีกล่าวก็ได้ นี่อาจจะเป็นข่าวลวงเพื่อทำลายขวัญของฝ่ายตรงข้ามด้วยการขยายความน่ากลัวของ เว่ยเหยียนออกไปอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นพวกเราไม่ควรที่จะถูกหลอกเอาง่ายๆ!”
“ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากสำนักแก้วหลากสีนั้นคิดที่จะอาศัยโอกาสนี้จริงสร้างความสะดุดตาจริง ต่อให้พวกเราไปเจรจาขอสงบศึกตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร จะเป็นการดีกว่าที่จะทุ่มทุกอย่างสู้กับพวกเขาอย่างสุดความสามารถ ต่อให้พวกเราต้องตายพวกเราก็จะทำให้สำนักแก้วหลากสีนั้นรู้ซึ้งถึงกระดูกดำและศักดิ์ศรีของเหล่ายอดฝีมือในย่านริมชายฝั่งทะเลนี้!”
ด้วยใบหน้าที่เที่ยงธรรมของจงเจิ้งหมิงและด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและไม่ยอมแพ้นั้น ก็ได้จุดประกายไปให้กับทุกคนในเมืองโม่ไห่ในทันที
“จริงด้วยต้องสู้ ใครจะไปกลัวกัน!”
“ไม่ว่าเว่ยเหยียนนั้นจะทรงพลังสักแค่ไหน แต่จะทำให้เขาต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตที่เขากล้ามาที่เมืองโม่ไห่ของพวกเรา!”
“หึ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าสำนักแก้วหลากสีนั้นจะเมินเฉยต่อภัยจากสำนักต่างไฟและเริ่มสงครามอย่างเต็มรูปแบบก่อนใคร! ของอย่างหนึ่งย่อมต้องมีของอีกอย่างหนึ่งที่ใช้จัดการมัน และใช่ว่าสำนักแก้วหลากสีนั้นจะไม่มีศัตรูทางธรรมชาติอยู่ในดินแดนเทียนหนาน”
หลังจากที่ทุกคนได้ถูกปลุกใจด้วยคำพูดของจงเจิ้งหมิงแล้ว พวกเขาก็ได้พากันรวบรวมความกล้าขึ้นเพื่อที่จะสู้กับสำนักแก้วหลากสีให้ถึงที่สุด
มีเพียงเย่เย่ที่ยังคงหมกมุ่นกับเรื่องนี้อยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีความกลัวอยู่ในใบหน้าของเขาแต่ทุกคนก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเขานั้นไร้ซึ่งความมั่นใจอย่างแต่ก่อนแล้ว
และในขณะเดียวกันที่เมืองหลิ่วเยว่นั้น เหล่ายอดฝีมือในระดับราชันย์เทพก็ได้มารวมกันที่จวนเจ้าเมือง เพื่อแสดงความยินดีที่เว่ยเหยียนนั้นได้มายังสำนักแก้วหลากสีในดินแดน เทียนหนาน
อู๋หย่วนชิวเจ้าเมืองหลิ่วเยว่ที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะในห้องนั้น ก็ได้ถือแก้วเหล้านำพร้อมด้วยอู๋เจิ้นไห่รองเจ้าเมืองหลิ่วเยว่ และพวกลิ่งหูหยวน 3 คนจากเมืองเสียหยาง “ในเวลานี้ ท่านเว่ยเหยียนนั้นได้จัดการสังหารมือสังหารในระดับสูงสุดราชันย์เทพลงได้ ก็ได้ทำให้ชื่อเสียงของสำนักแก้วหลากสีก็ได้ขจรขจายไปทั่วทั้งดินแดนเทียนหนานอีกครั้ง ช่างเป็นโชคดีที่ข้าเฝ้ารอเสียจริงๆ! เมืองหลิ่วเยว่ของพวกเราได้ทำการติดต่อกับสำนักแก้วหลากสีมาสักพักแล้ว ขอเพียงแค่เมืองโม่ไห่ถูกทำลายลงได้ ทั่วทั้งย่านริมชายฝั่งทะเลก็จะไม่มีขุมกำลังใดที่กล้าต่อต้านกับสำนักแก้วหลากสีอีก แล้วพวกเราที่เป็นคนแรกๆที่สวามิภักดิ์ต่อสำนักแก้วหลากสีก่อนก็ย่อมที่จะได้สิทธิพิเศษที่ดีกว่า! เอาล่ะทุกคนมาฉลองให้กับความรุ่งเรืองของเมืองหลิ่วเยว่ของเราที่ตัดสินใจถูกกันเถอะ!”
“ท่านเจ้าเมืองกล่าวถูกต้องแล้ว เมืองหลิ่วเยว่ของพวกเราจะต้องกลายเป็นเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดในย่านริมชายฝั่งทะเลในอนาคตอย่างแน่นอน!”
“ท่านเจ้าเมืองช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลยิ่งนัก ข้าขอนับถือๆ!”
“ต้องขอขอบพระคุณท่านเจ้าเมืองมากที่รับพวกเราเข้ามา ต่อจากนี้ไปพวกเราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเมืองหลิ่วเยว่อย่างแน่นอน!”
หลังจากที่พวกลิ่งหูหยวนได้ยินที่อู๋หย่วนชิวกล่าว พวกเขาก็ได้พากันลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวชมเชยอู๋หย่วนชิวด้วยแก้วเหล้าในมือ แล้วจากนั้นก็ดื่มเหล้าในแก้วจนหมด
ทั้ง 3 คนนั้นได้พาเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากมายังเมืองหลิ่วเยว่ด้วย ซึ่งอู๋หย่วนชิวก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวังเช่นกัน ไม่เพียงแต่แต่งตั้งให้ทั้งสามคนบุคคลในระดับสูงที่เป็นรองแค่เจ้าเมืองกับรองเจ้าเมืองเท่านั้น แต่ยังปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดีอีกด้วย ทำให้พวกเขานั้นได้กลายเป็นศูนย์กลางอำนาจของเมืองหลิ่วเยว่
ในตอนที่ทั้งสามคนได้มาที่เมืองนี้นั้น อู๋หย่วนชิวก็ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างใหญ่โตเพื่อแสดงความยินดีต้อนรับพวกเขาทั้งสามคน แล้วพอข่าวที่เว่ยเหยียนสังหารมือสังหารได้แพร่กระจายออกมา อู๋หย่วนชิวก็ได้เรียกให้ทุกคนมารวมกันเพื่อเลี้ยงฉลองอีกครั้ง ซึ่งได้ทำให้กำลังใจของทั่วทั้งเมืองหลิ่วเยว่นั้นเพิ่มขึ้นไปอีก
อู๋หย่วนชิวที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะนั้นเมื่อเห็นราชันย์เทพทั้ง 4 คนมารวมตัวกันในห้องแล้ว สีหน้าของเขาก็ได้เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา
หลังจากที่ถูกทิ้งโดยสำนักต่างไฟ เมืองหลิ่วเยว่ก็ได้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องประกาศสวามิภักดิ์ต่อสำนักต่างไฟ แต่ อู๋หย่วนชิวนั้นก็คิดไม่ถึงว่าจะมียอดฝีมือราชันย์เทพสามคนจากเมืองเสียหยางมาขอเข้าร่วมด้วย จึงได้รีบรับให้มาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลิ่วเยว่
ถึงแม้ว่าอู๋หย่วนชิวนั้นจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกลิ่งหูหยวนก็เพื่อมาสวามิภักดิ์เข้ากับสำนักแก้วหลากสีก็ตามที แต่ก็ไม่ได้ป้องกันให้อู๋หย่วนชิวจากการใช้ชื่อของทั้งสามคนในการเสริมแรงกดดันของเมืองหลิ่วเยว่ และผลที่ออกมาก็ได้ทำให้อู๋หย่วนชิวนั้นพึงพอใจไม่น้อย นับตั้งแต่ที่เขาได้ประกาศไปว่ายอมรับพวกลิ่งหูหยวนเข้าเข้ามา ฐานะของเมืองหลิ่วเยว่ในย่านริมชายฝั่งทะเลนั้นก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และยังมียอดฝีมือจำนวนมากที่ติดตามมาขออาสามาเข้าร่วมเมือง หลิ่วเยว่อีก ซึ่งผลที่ออกมาก็ได้เสริมความแข็งแกร่งให้เมือง หลิ่วเยว่เพิ่มขึ้นมาอย่างมากในระยะเวลาสั้นๆ จนเกือบจะเทียบเท่ากับเมืองเสียหยางแต่ก่อน
ดังนั้นอู๋หย่วนชิวและอู๋เจิ้นไห่จึงได้รู้สึกขอบคุณทั้งสามคนจากหัวใจ พวกเขาจึงได้ดื่มอวยพรให้พวกเขาอยู่บ่อยครั้งในงานเลี้ยงนี้ และยังได้ตกรางวัลให้พวกลิ่งหูหยวนด้วยสมบัติล้ำค่าจำนวนหนึ่ง
แต่ทว่าลิ่งหูหยวน, เจินถูเลี่ยนและฉินเซียงเฟิงก็ไม่ได้พึงพอใจง่ายๆ เหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงได้พายอดฝีมือจากเมืองเสียหยางมาที่เมืองหลิ่วเยว่ นอกจากเรื่องที่เห็นว่าเมืองหลิ่วเยว่นั้นได้ประกาศสวามิภักดิ์ต่อสำนักแก้วหลากสีแล้วนั้น ก็ยังมีเรื่องที่เมืองหลิ่วเยว่นั้นอยู่ในระดับต่ำสุดในย่านริมชายฝั่งอีกด้วย ซึ่งเหตุผลนี้เองก็ได้เป็นจุดที่ดึงดูดใจพวกเขา
โดยเฉพาะตอนที่ลิ่งหูหยวนที่เป็นหัวหน้าของทั้ง 3 คนนั้น ในตอนที่เขาอยู่ที่เมืองเสียหยางนั้น ตัวเขาก็ได้รู้สึกเหมือนกับเป็นเบี้ยล่างของคนอื่นมาโดยตลอด ในเวลานี้เขาได้พาเหล่ายอดฝีมือมายังเมืองหลิ่วเยว่เป็นจำนวนมากเช่นนี้ จึงแน่นอนว่าตัวเขาย่อมไม่ยอมง่ายๆกับแค่การตกรางวัลแค่นี้แน่
“ท่านเจ้าเมืองอู๋หย่วนชิวความแข็งแกร่งของท่านเจ้าเมืองเว่ยเหยียนนั้นล้ำลึกสุดหยั่งถึงจริงๆ สามารถสังหารยอดฝีมือระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพได้แท้ๆ แต่ข้าได้ยินมานานแล้วว่าความแข็งแกร่งของท่านเจ้าเมืองอู๋หย่วนชิวนั้น เป็นเลิศอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องของการป้องกัน ในวันนี้ตัวข้าขออาจหาญและหวังที่จะได้ประลองยุทธ์กับท่านเจ้าเมืองอู๋หย่วนชิวเพื่อขอดูว่าท่านเจ้าเมืองนั้นคงกระพันเหมือนสมกับที่เป็นตำนานจริงๆ!”
แล้วงานเลี้ยงที่สุขสันต์นั้นก็ได้ตกอยู่ในความเคร่งเครียดทันทีที่สิ้นเสียงของลิ่งหูหยวน
นอกจากเจินถูเลี่ยนกับฉินเซียงเฟิงแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็มองมาที่ลิ่งหูหยวนด้วยสีหน้าประหลาดใจ และไม่เข้าใจว่าตัวเขานั้นต้องการอะไรกันแน่
อู๋หย่วนชิวก็ได้วางแก้วเหล้าลงทันทีหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ เขาจ้องมองไปที่พวกลิ่งหูหยวนด้วยสีหน้าที่หนักแน่นราวกับว่ามีบางอย่างติดอยู่ในใจของเขา แล้วเขาก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาลิ่งหูหย่วนแล้วตอบกับเขาอย่างใจเย็น “น้องลิ่งหูนั้นประเมินค่าสูงไปแล้ว! ถึงแม้ว่าข้าคนนี้จะเชี่ยวชาญเรื่องของการป้องกัน แต่ความสามารถโดยรวมก็หาได้สูงไปกว่ายอดฝีมือระดับราชันย์เทพทั่วๆไปหรอก! แต่ทว่าถ้าหากน้องลิ่งหูสนใจจริงๆ ข้าจะร่วมกับเจ้าเพื่อเรียนรู้จากอีกฝ่ายก็ได้นะ?”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา บรรยากาศในงานเลี้ยงก็ได้กลับมารื่นเริงอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนของเจ้าเมืองหลิ่วเยว่หรือจะเป็นเหล่ายอดฝีมือที่มาพร้อมกับพวกลิ่งหูหยวน พวกเขาต่างก็มองมาที่ทั้งสองคนด้วยความตื่นเต้น และคาดหวังที่จะได้เป็นพยานการต่อสู้ของยอดฝีมือทั้งสองคน
ถึงแม้ว่าลิ่งหูหยวนจะมีวรยุทธ์ไม่ถึงระดับสูงราชันย์เทพก็ตามที แต่ตัวเขาก็มั่นใจในพลังโจมตีของเขามาก แม้จะเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพทั่วๆไปก็สามารถต้านทานเขาได้แค่พักเดียวเท่านั้น แต่อู๋หย่วนชิวนั้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพที่แท้จริง และวรยุทธ์สยบภูผาถล่มของเขาก็เด่นมากในเรื่องของการป้องกัน ซึ่งว่ากันว่าไม่มียอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพคนใดที่สามารถทำลายได้
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนนี้คงได้ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งบริเวณรอบๆแน่ๆ จึงได้ให้ทุกคนออกมาจากห้องมายังลานกว้างหน้าจวนเจ้าเมืองเพื่อจัดการประลองและเฝ้ารอดูการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้