ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 328 ข่าว
บทที่ 328
ข่าว
ผู้คนในห้องโถงนั้นต่างก็พากันมองมาที่เย่เย่ด้วยความประหลาดใจ มีเพียงตัวเกาซุ่นเท่านั้นที่ขี้เกียจจะสนใจเย่เย่
ในเมื่อจุดประสงค์ของการเดินทางมาครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว เกาซุ่นก็ได้หันหน้ามาแล้วเดินไปหาซ่างกวานจ้งและกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม “ถึงแม้ว่าในครั้งนี้ทางเมืองโม่ไห่นั้นจะไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์แก่เรา แต่พวกเจ้าก็เป็นกลุ่มคนที่รู้จักมังกรสองหัวดีที่สุด ดังนั้นในอีกไม่กี่วันนับจากนี้ขอให้ท่านเจ้าเมืองโม่ไห่ช่วยออกตามหาที่อยู่ของมังกรสองหัวให้ข้าด้วย ถ้าหากว่าพวกเจ้าสามารถหามังกรสองหัวมาให้ข้าได้ ตัวข้าเกาซุ่นจะไม่ปฏิบัติกับพวกเจ้าอย่างแย่ๆแน่นอน!”
“เข้าใจแล้วทางเมืองโม่ไห่ของพวกเราจะให้ความร่วมมือกับคุณชายเกาซุ่นอย่างเต็มที่ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไรก็ถือว่าเป็นเกียรติสำหรับพวกเรามาที่ได้ทำงานให้คุณชายเกาซุ่น!”
ซ่างกวานจ้งก็ได้แอบถอนหายใจเงียบๆในใจ แต่ก็ได้คารวะให้เกาซุ่นแล้วกล่าวตอบกลับไปด้วยความนับถือ
ถึงแม้ว่าซ่างกวานจ้งนั้นจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าในช่วงสถานการณ์วิกฤติในดินแดนเทียนหนานเช่นนี้ เมืองโม่ไห่นั้นควรที่จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตัวมากกว่าที่จะไปช่วยเกาซุ่นตามหามังกรสองหัว
แต่ทว่าสายตาที่จ้องมาจากด้านหลังเกาซุ่นนั้นคือสัตว์ประหลาดที่เมืองโม่ไห่นั้นไม่ควรที่จะไปทำให้โกรธแต่อย่างใด นอกจากนี้การหายไปอย่างไม่สามารถอธิบายได้ของมังกรสองหัวนั้นก็ถือเป็นภัยซ่อนเร้นของมังกรสองหัวเช่นกัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องวางเรื่องอื่นไว้ชั่วคราวแล้วให้ความร่วมมือกับเกาซุ่นในการทำภารกิจนี้ของเกาซุ่นให้สำเร็จ
ถ้าหากเกาซุ่นนั้นสามารถตามหาพบและสังหารมังกรสองหัวได้จริงๆ ก็จะถือเป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับเมืองโม่ไห่ ถึงแม้ว่าซ่างกวานอวี่กับหลิ่วซื่อหมิงจะไม่พอใจแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้อาการต่อต้านออกมา
เกาซุ่นก็ได้แสดงสีหน้าพอใจออกมาแล้วก็ได้หันหลังกลับและส่งสายตาให้สิงเทียนหมิงและยอดฝีมือจากสำนักแก้วหลากสีทั้งสี่คน เขานั้นคิดที่จะออกจากเมืองโม่ไห่และไปยังที่อื่นต่อเพื่อถามหาถึงที่อยู่ของมังกรสองหัว
แต่ทว่าในขณะนั้นเองก็ได้มีข้ารับใช้ในจวนเจ้าเมืองโม่ไห่ที่จู่ๆก็พรวดพราดเข้ามาหาซ่างกวานจ้งและรายงานอย่างตื่นเต้น “ทะ…ท่านเจ้าเมืองขอรับ! มีข่าวเกี่ยวกับมังกรสองหัวแจ้งเข้ามาครับ!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นพรวดพราดเข้ามาอย่างไร้มารยาทเช่นนี้ ซ่างกวานจ้งก็ได้คิ้วขมวดและเตรียมที่จะดุเขา แต่หลังจากที่ได้ยินที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาแล้วซ่างกวานจ้งก็ได้ทำตัวไร้มารยาทกว่าอีกฝ่ายทันที เขาได้รีบเดินเข้าไปหาแล้วคว้าแขนของอีกฝ่ายและถาม “เจ้าว่ายังไงนะ? ได้ข่าวเกี่ยวกับมังกรสองหัวอย่างนั้นเหรอ? ไหนว่ามาซิได้ข่าวมาว่ายังไงบ้าง?”
เพราะการหายไปของมังกรสองหัวในการทำพิธีกรรมครั้งล่าสุดนั้น และซ่างกวานอวี่กับคนอื่นๆนั้นต่างก็สงสัยว่าจะต้องบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพแล้วเป็นแน่ ทางเมืองโม่ไห่จึงได้ส่งคนออกไปตามสืบเรื่องนี้อยู่เป็นเวลานานแล้ว จนซ่างกวานจ้งนั้นเกือบจะลืมไปแล้วดังนั้นในตอนที่จู่ๆก็มีข่าวนี้เข้ามานั้นทำให้ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความตกใจ
ไม่เพียงแค่ซ่างกวานจ้ง แต่ท่าทีของคนอื่นๆที่อยู่ในห้องโถงใหญ่นอกจากเย่เย่แล้วต่างก็มีอาการตกใจมากเช่นกัน
โดยเฉพาะเกาซุ่นหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ ตัวเขาก็ได้จับจ้องมาที่ตรงหน้าของซ่างกวานจ้งและถามข้ารับใช้ของจวนเจ้าเมือง “บอกข้ามาซิว่าตอนนี้มังกรสองหัวมันอยู่ที่ไหน? ถ้าหากข่าวที่เจ้าว่ามาเป็นความจริง ข้าจะตกรางวัลให้เจ้าแน่นอน!”
ถึงแม้ว่าข้ารับใช้ของจวนเจ้าเมืองนั้นจะไม่รู้เกาซุ่นนั้นเป็นใคร แต่เมื่อเห็นท่าทีของซ่างกวานจ้งกับพรรคพวกที่มีต่อเขาแล้วก็พอจะรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่
หลังจากที่ข้ารับใช้คนนั้นได้พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลงได้ เขาก็ได้รีบตอบเกาซุ่นอย่างจริงจัง “ตอบคุณชาย ข้าได้ข่าวของมังกรสองหัวมาจากหุบเขาหลิ่วชวานขอรับ วังสมบัติในหุบเขาหลิ่วชวานนั้นได้ประกาศออกมาว่าพวกเขานั้นได้ซากศพของมังกรสองหัวในระดับราชันย์เทพขอรับ และจะนำมาประมูลขายในอีก 3 วันให้หลังขอรับ!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาทั่วทั้งห้องโถงก็ได้พากันเงียบกริบ!
ผู้คนนั้นไม่เพียงแต่จะตกใจกับความจริงที่ว่ามังกรสองหัวตัวนั้นได้บรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพแล้ว แต่ยังตกใจที่มีคนสามารถฆ่ามังกรสองหัวลงได้
เป็นที่รู้กันดีว่าความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรนั้นมีมากกว่ามนุษย์ที่อยู่ในระดับเดียวกันหลายเท่า ดังนั้นยอดฝีมือที่สามารถสังหารมังกรสองหัวในระดับจักรพรรดิเทพนั้น อย่างน้อยๆพวกเขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่มีความสามารถถึงขนาดนั้นในละแวกนี้
เย่เย่ที่มองดูอยู่ข้างๆนั้นก็ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเขา แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจใดๆกับความจริงที่ว่ามังกรสองหัวนั้นได้บรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพหรือประกาศออกไปว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ที่สังหารมังกรสองหัวแต่อย่างใด
หลังจากที่เกาซุ่น, ซ่างกวานจ้งและคนอื่นๆนั้นหายจากอาการตกใจแล้ว เย่เย่ก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปากของเขาแล้วเดินไปหาเกาซุ่นอย่างช้าๆ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาหา เกาซุ่นและกล่าวอย่างใจเย็น “ที่ข้าบอกไปนั้นมันถูกต้องใช่ไหม? ได้โปรดช่วยรักษาสัญญาของท่านด้วย!”
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงของเย่เย่ สายตาของพวกเขาก็ได้ค่อยๆมาจับจ้องที่เย่เย่
สีหน้าของเกาซุ่นกับพรรคพวกนั้นก็ได้มีสีหน้าไม่ดีขึ้นมาอย่างมากทันที พวกเขาไม่คิดว่าผลสรุปมันจะออกรวดเร็วและกะทันหันเช่นนี้
เมื่อสักครู่พวกเขานั้นเชื่อว่าเย่เย่นั้นโกหกและคิดว่ามังกรสองหัวนั้นไม่มีทางที่จะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพได้เร็วขนาดนี้ แต่ข่าวที่มาจากหุบเขาหลิ่วชวานนั้นก็เป็นหลักฐานอย่างดีให้กับเย่เย่
ถึงแม้ว่าข่าวนั้นจะมาจากข้ารับใจของจวนเจ้าเมืองโม่ไห่ แต่เกาซุ่นก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายนั้นจะกล้ามากพอที่จะหลอกเขาเช่นนี้ เพราะขอเพียงแค่เขาออกไปจากเมืองโม่ไห่หรือให้ใครสักคนไปสอบถามเรื่องนี้ที่หุบเขาหลิ่วชวานแล้ว ตัวเขาก็ได้จะรับความจริงมาอย่างง่ายดาย ถ้าเมืองโม่ไห่นั้นกล้าที่จะทำเช่นนั้นต่อหน้าพวกเขาจริงๆ ผลที่ตามมานั้นคงเป็นอะไรที่พวกเขาทุกคนนั้นไม่สามารถต้านทานได้แน่
นอกจากนี้ชื่อเสียงของวังสมบัตินั้นก็โด่งดังไปทั่วทั้งดินแดนเทียนหนาน และชื่อเสียงของพวกเขานั้นก็สามารถรับประกันได้ ในเมื่อวังสมบัตินั้นได้ประกาศออกมาว่าจะมีการประมูลซากศพมังกรสองหัวในอีก 3 วันให้หลังแล้ว ก็แสดงว่าซากศพของมังกรสองหัวนั้นได้ตกมาอยู่ในมือของวังสมบัติแล้ว ในเวลานี้เกาซุ่นนั้นอยากจะถอนคำพูดของเขามากแต่ก็ไม่สามารถที่จะหาเหตุผลดีๆได้เลย
“เดี๋ยวก่อน! ไหนล่ะหลักฐานที่จะใช้ยืนยันว่ามังกรสองหัวที่อยู่ในวังสมบัตินั้นเป็นมังกรสองหัวตัวเดียวกันกับที่อยู่ในพายุทะเลคลั่งในวันนั้น? ถ้าหากไม่มีแล้ว ข้าไม่ยอมให้เจ้าเอาเปรียบคุณชายเกาซุ่นได้ง่ายๆหรอก!”
ในขณะที่เกาซุ่นกับคนอื่นๆนั้นมีสีหน้าที่ไม่ดีอยู่นั้นเอง สิงเทียนหมิงที่นิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานานนั้นก็ได้เปิดปากพูดออกมา
ราวกับว่าตัวเขานั้นมีความคิดที่ชาญฉลาดออกมาและพูดตอบโต้เย่เย่กลับไปอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าตัวเขานั้นได้ช่วยเกาซุ่นพลิกสถานการณ์เอาไว้
แต่ทุกคนในห้องโถงใหญ่นี้รวมถึงเกาซุ่นและพรรคพวกแล้ว ทุกคนในห้องโถงต่างก็มองมาที่สิงเทียนหมิงด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับพวกเขาไม่คิดว่าจะมีคนที่ไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้อยู่ในโลกใบนี้ด้วย
เพราะว่ามังกรสองหัวนั้นเป็นสัตว์อสูรที่เรียกได้ว่าหาได้ยากมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะสามารถพบมันได้ที่เขตน่านน้ำของดินแดนเทียนหนานเท่านั้น และเป็นไปได้ยากมากที่จะหามังกรสองหัวตัวอื่นพบได้แม้แต่ในน่านน้ำทั่วทั้งแผ่นดินว่านหลิงก็ตามที ดังนั้นข้ออ้างของสิงเทียนหมิงที่ขัดกับสามัญสำนึกเช่นนี้จึงได้เป็นการกระทำที่ไร้ยางอายมาก แต่เขากลับพูดออกมาอย่างมั่นใจและคิดว่าตัวเองนั้นทำหน้าที่ได้ดีและมีสีหน้าที่อิ่มอกอิ่มใจ
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเย่เย่ก็ไม่ได้หาเหตุผลใดๆออกมาโต้แย้งสิงเทียนหมิง จึงได้หันหน้าไปมองที่เกาซุ่นที่อยู่ตรงหน้าเขาแทน
ซ่างกวานจ้งกับพรรคพวกก็ได้พากันจ้องมาที่พวกเขากันอย่างมุ่งมั่นเช่นกัน ราวกับสงสัยว่าเกาซุ่นนั้นจะหน้าด้านเหมือนกับสิงเทียนหมิงหรือไม่
ภายใต้แรงกดดันที่หนักอึ้งเช่นนี้ เกาซุ่นก็ไม่สามารถที่จะเห็นด้วยกับข้ออ้างที่หน้าด้านของสิงเทียนหมิงได้ จึงหันหน้ามาจ้องที่สิงเทียนหมิงอย่างดุดัน จากนั้นก็ได้หยิบเอาขวดยาขี่มังกรออกมาจากในแขนเสื้อแล้วส่งให้กับเย่เย่
“ครั้งนี้โชคดีเป็นของเจ้า ไปกันได้แล้ว!”
เกาซุ่นก็ได้จ้องไปที่ยาขี่มังกรในมือของเย่เย่ด้วยสีหน้าที่ไม่ยินยอม แล้วสุดท้ายก็ได้กัดฟันทนและพาคนของสำนักแก้วหลากสีออกจากจวนเจ้าเมืองโม่ไห่ไป
สิงเทียนหมิงมีสีหน้าที่อับอายมาก ตัวเขานั้นอยากที่จะหาหลุมหรือรอยแยกแล้วฝังตัวเองลงไปในนั้นมาก แต่สุดท้ายตัวเขาก็ต้องกัดฟันทนและออกจากจวนเจ้าเมืองไปพร้อมกับพวกของเกาซุ่นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คนไร้ยางอายเช่นนี้ ไม่ว่าอะไรก็กล้าทำได้ทั้งนั้น! ดูเหมือนว่าข้านั้นจะประมาทตาเฒ่าสิงเทียนหมิงมากไปจริงๆ!”
ซ่างกวานจ้งก็ได้มองไปยังทิศทางที่สิงเทียนหมิงกับคนอื่นๆจากไป แล้วจากนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างจริงจัง ความระแวดระวังของเขาที่มีต่อสิงเทียนหมิงนั้นก็ได้เพิ่มขึ้นอีกระดับแล้ว
ส่วนซ่างกวานอวี่กับคนอื่นๆก็ได้มารวมกันตรงหน้าของเย่เย่ด้วยสีหน้าที่ยินดีและกล่าวกับเย่เย่อย่างอิจฉา “ดีจังเลยน้า ได้ยาขี่มังกรมาง่ายๆเช่นนี้เนี่ย!”
“โชคช่วยของผู้มาจุติเนี่ยช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
“ไม่ใช่แค่โชคช่วยอย่างเดียวหรอก แต่มันเป็นชัยชนะของท่านรองเจ้าเมืองเองต่างหาก!”
“ใช่ๆ และด้วยการช่วยเหลือจากยาขี่มังกรนี้ วรยุทธ์ของท่านรองเจ้าเมืองจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแน่ๆ!”
แล้วผู้คนก็ได้พูดคุยกันอย่าสักพักหนึ่งแล้วก็ได้แยกย้ายกันไปภายใต้คำสั่งของซ่างกวานจ้ง
จนกระทั่งเหลือเพียงเย่เย่, ซ่างกวานจ้งกับอีกไม่กี่คนอยู่ในห้องนั้น สีหน้าของซ่างกวานจ้งนั้นก็ได้ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าตัวเขานั้นรู้สึกได้ถึงหายนะ
“การที่เกาซุ่นกับพรรคพวกนั้นได้มาหาพวกเราถึงประตูในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเมืองโม่ไห่ของพวกเราจะโชคดีที่พวกเขาจากไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันคงจะไม่จบลงง่ายๆแน่!”
ซ่างกวานจ้งที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้บัลลังก์ของในห้องนั้น ในขณะที่เย่เย่กับหลิ่วซื่อหมิงและยอดฝีมือคนอื่นๆที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ทั้งสองฟากของในห้องนั้นก็ได้มาประชุมร่วมกันเพื่อหารือถึงแนวทางปฏิบัติในอนาคตของเมืองโม่ไห่ ซึ่งพอซ่างกวานจ้งเสนอมุมมองของเขาออกมา หลิ่วซื่อหมิงกับคนอื่นๆต่างก็ผงกหัวเห็นด้วย
“ท่านเจ้าเมือง การมีสิงเทียนหมิงคอยพัดโหมไฟให้แรงขึ้นอยู่ข้างๆเกาซุ่นเช่นนี้ เป็นสถานการณ์ที่ชวนไม่พึงประสงค์ของเมืองโม่ไห่ของพวกเรายิ่งนัก ถ้าหากเมื่อหลงเจียงได้เสนอเงื่อนไขยอมสวามิภักดิ์ต่อสำนักแก้วหลากสีแล้วให้สำนักแก้วหลากสีมาถล่มเมืองโม่ไห่ของพวกเราแล้ว ก็ไม่มีทางเลยที่พวกเราในเมืองโม่ไห่จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้!”
เฉินอันหมิงอีกหนึ่งราชันย์เทพที่เป็นที่นับถือกันในเมืองโม่ไห่นั้น ก็ได้ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วก็ได้กล่าวและชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่แย่ที่สุดของเมืองโม่ไห่ด้วยน้ำเสียงที่หมดหนทาง
อย่างไรเสียเมืองหลงเจียงกับเมืองโม่ไห่นั้นก็ได้ทะเลาะกันมาเป็นทศวรรษแล้ว และบุญคุณความแค้นนี้ก็ยากที่จะสะสางได้ ถ้าหากสำนักแก้วหลากสีนั้นเกิดยอมรับการสวามิภักดิ์ของเมืองหลงเจียงแล้วคิดที่จะถล่มเมืองโม่ไห่แล้วล่ะก็ ผลที่ตามมานั้นก็คงยากที่จะต้านทานได้จริงๆ
เจิ้งฉางเซิงราชันย์เทพที่เป็นที่นับถืออีกคนหนึ่ง ก็ได้ผงกหัวอย่างเห็นด้วยแล้วก็ได้เสนอความเห็นแก่ซ่างกวานจ้งทันที “ท่านเจ้าเมืองไม่ว่าสถานการณ์นี้จะออกมาเช่นไร ข้าคิดว่าพวกเราควรที่จะเตรียมรับมือเอาไว้ก่อน ในเมื่อเมืองโม่ไห่ของพวกเรานั้นไม่สามารถต่อกรกับสำนักแก้วหลากสีด้วยตัวเองได้แล้ว ทำไมพวกเราไม่จับมือเป็นพันธมิตรเมืองโบราณอื่นๆในละแวกริมชายฝั่งดูล่ะ? ข้าเชื่อว่าพวกเขาก็น่าจะไม่ยินยอมที่จะสวามิภักดิ์กับสำนักแก้วหลากสีเหมือนกับพวกเราก็ได้ ในเมื่อสู้อยู่คนเดียวมองไม่เห็นความหวังแล้ว การจับมือร่วมกันสู้ก็จะเป็นทางออกทางเดียวเท่านั้น!”
ทันทีที่เจิ้งฉางเซิงพูดเช่นนี้ออกมา ทุกคนในห้องนั้นต่างก็ได้พาตกอยู่ในห้วงความคิดทันที
ถึงแม้ว่าแผนการก่อนหน้านี้ของเหล่ากองกำลังใหญ่ๆที่จะจับมือร่วมกันเป็นพันธมิตรกันเพื่อช่วยกันต่อต้านสำนักต่างไฟในสำนักแก้วหลากสีนั้นจะล้มเหลวไป แต่นั่นก็เป็นเพราะความต่างของความแข็งแกร่งระหว่างเมืองใหญ่ๆนั้นมีมากเกินไป จึงเป็นเรื่องยากที่จะรวมความต้องการของแต่ละฝ่ายให้เป็นอันเดียวกันได้ ทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้และการเจรจาก็ได้ล้มเหลวในที่สุด
แต่ทว่าความแข็งแกร่งของเมืองโบราณในละแวกริมชายฝั่งทะเลนี้ยังอยู่ในระดับที่ไล่เลี่ยกัน ถ้าหากจับร่วมกันเป็นพันธมิตรแล้วก็จะไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครต้องถูกไปหลอมรวมกับใครอื่นอีก ดังนั้นข้อเสนอของเจิ้งฉางเซิงนั้นนับได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว