ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 325 การพบกันโดยบังเอิญ
บทที่ 325
การพบกันโดยบังเอิญ
ตูม!
แล้วราชันย์เทพทั้ง 3 คนก็ได้เข้าเผชิญหน้ากัน และเกิดเป็นเสียงระเบิดที่รุนแรงดังไปทั่วทั้งป่า คลื่นความร้อนที่รุนแรงได้ยกม้าที่อยู่ด้านหลังของถูหลานกับจ้าวเหล่าซานให้ลอยขึ้นมา แม้แต่ถูหลานกับจ้าวเหล่าซานที่อยู่ในระดับราชันย์เทพก็ยังโดนซัดจนต้องถอยออกมาเพราะพวกเขาพ่ายให้กับพลังของ เหยียนลี่หยาง
“หมอนั่นเป็นราชันย์เทพระดับสูงสุด!”
“ตอนนี้พวกเรามีปัญหาแล้ว!”
ถูหลานกับจ้าวเหล่าซานก็ได้มีสีหน้าตึงเครียดอย่างสุดๆเมื่อพวกเขาเห็นพลังที่แท้จริงของเหยียนลี่หยาง
ในขณะที่เหยียนลี่หยางนั้นเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆหลังจากที่ปะทะกับพวกเขาและยังคงยืนเฉยอยู่ได้
เขาได้มองไปที่หม่าเฟิ่นที่กระเด็นลอยขึ้นสูงแล้วตกลงมา ร่างของเขานั้นได้ลอยข้ามการป้องกันของถูหลานและ จ้าวเหล่าซานไป และก่อนที่หม่าเฟิ่นจะได้ทันรู้สึกตัว เหยียนลี่หยางก็ได้มาปรากฏตัวตรงหน้าเขาแล้ว
“ผู้ดูแลถูช่วยข้าด้วย!”
หม่าเฟิ่นนั้นมีวรยุทธ์เพียงแค่ระดับจอมเทพเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับเหยียนลี่หยางที่เป็นราชันย์เทพระดับสูงสุดแล้วย่อมไม่สามารถที่จะต่อต้านได้เลย ในตอนที่เขาพบว่า เหยียนลี่หยางไล่ตามเขามานั้น เขาก็ได้รีบตะโกนขอความช่วยเหลือจากถูหลานด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวทันที
แต่แน่นอนว่าเหยียนลี่หยางนั้นไม่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสได้ตั้งตัวแน่ ทันทีที่เขาพุ่งเข้ามาหาหม่าเฟิ่น เขาก็ได้ต่อยเข้าไปที่หน้าอกและขยี้หม่าเฟิ่น
อุ่ฟ!
หน้าอกของหม่าเฟิ่นยุบเข้าไปทันทีแล้วร่างของเขาก็ได้ลอยขึ้นฟ้าอีกหน แล้วในขณะเดียวกัน เลือดพร้อมเศษเนื้อก็ได้ไหลทะลักออกมาจากปากของเขา ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว
แต่เหยียนลี่หยางนั้นก็ไม่ปล่อยให้เขาไปง่ายๆ ตัวเขาได้ไล่คว้าชัยชนะอีกหนและพุ่งเข้าไปหาหม่าเฟิ่นแล้วซัดเข้าไปที่หน้าผากด้วยฝ่ามือ
ตุบ!
หลังจากที่มีเสียงดังตุบดังขึ้นมา หัวของหม่าเฟิ่นก็ได้แตกออกทันทีแล้วเลือดก็ได้หลั่งไหลไปทั่วพื้นดินในทันที แล้วร่างกายของหม่าเฟิ่นก็ได้พลันหยุดนิ่งและตายลง หม่าเฟิ่นตกลงมาที่พื้นแล้วไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
ถูหลานกับจ้าวเหล่าซานผู้ที่คิดจะเข้ามาช่วยหม่าเฟิ่นนั้นก็ต้องหยุดพร้อมกัน และสีหน้าของพวกเขานั้นก็ได้ไม่ดีขึ้นมาอย่างมาก
“โฮก!”
สัตว์อสูรสีสันที่ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายในใจของจ้าวเหล่าซานได้นั้นก็ได้อาศัยโอกาสนั้นวิ่งไปอยู่ข้างๆจ้าวเหล่าซานเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจอย่างเหยียนลี่หยางพร้อมกันกับเขา
“พวกเจ้าอยากจะตายแบบไหนกันล่ะ?”
หลังจากที่เหยียนลี่หยางสังหารหม่าเฟิ่นเสร็จแล้ว เขาก็ได้หันหลังกลับมาช้าๆแล้วมองไปที่ถูหลานกับจ้าวเหล่าซานที่อยู่ไม่ไกลด้วยใบหน้าสังหาร ไร้ซึ่งความปรานีใดๆในดวงตาของเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วถูหลานก็ได้เพิ่มความระมัดระวังตัวของเขาที่มีต่อเหยียนลี่หยางขึ้นมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดที่จะวิ่งหนีเอาชีวิตรอดทันที กลับกันพวกเขากลับยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่เผชิญหน้ากับเหยียนลี่หยาง
“หากว่าพวกเราสามารถยืนหยัดได้สักพัก พวกเราก็ชนะแน่!”
ถูหลานกับจ้าวเหล่าซานก็ได้หันมามองหน้ากันแล้วโจมตีใส่เหยียนลี่หยางทั้งซ้ายและขวาอย่างเชื่อฟัง
“โฮก!”
สัตว์อสูรสีสันของจ้าวเหล่าซานก็ได้บุกเข้าไปหา เหยียนลี่หยางด้วย ราวกับมันต้องการที่จะสนับสนุนการโจมตีของพวกเขา
“ช่างรนหาที่ตาย!”
เหยียนลี่หยางที่เห็นว่าพวกถูหลานนั้นไม่ได้หนีแต่กลับบุกสวนเข้ามาแทน ก็ได้มีแววตาประหลาดใจปรากฏในดวงตาของเขา แต่ในเวลานี้หัวใจของเขาได้เดือดขึ้นมาพร้อมกับจิตสังหารและไม่ได้เห็นการโจมตีของสองคนกับหนึ่งสัตว์อสูรเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นสัตว์อสูรสีสันบุกตรงหน้าเขาก่อนแล้วก็ได้ดึงเอาพลังปราณในร่างออกมาหวังที่จะใช้วรยุทธ์ของเขา“หนาวเย็นสุดขั้ว”สังหารสัตว์อสูรตัวนี้เสีย!
แต่ทว่าในขณะที่เหยียนลี่หยางได้ทุ่มแรงทั้งหมดไปกับการควบคุมพลังปราณในร่างอยู่นั้น ก็พบว่าพลังปราณของเขานั้นอยู่ในสภาพควบคุมไม่ได้ ยิ่งเหยียนลี่หยางใช้ความพยายามมากขึ้นเท่าไรตัวเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังน้อยลงไปเท่านั้น แล้วจู่ๆตัวของเขาก็ได้โซซัดโซเซและเกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้น
“ฮ่าๆ มันได้ผลสักที!”
“ไม่ว่าจะมีวรยุทธ์สูงขนาดไหน ก็ไม่สามารถหนีรอด ฝ่ามือของข้าไปได้!”
เมื่อจ้าวเหล่าซานกับถูหลานเห็นท่าทีของเหยียนลี่หยางแล้ว ดวงตาของพวกเขาก็ได้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นขึ้นมา
ทันทีที่เหยียนลี่หยางได้ยินเสียงโห่ร้องดีใจของพวกเขาแล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันจะต้องมีอะไรในชาแก้วที่เขาดื่มก่อนหน้านี้เป็นแน่ แน่นอนว่าชาแก้วนั้นเป็นตัวช่วยที่พึ่งพาได้ของพวกถูหลานในการใช้ฆ่าและขโมยเงินของคนอื่นมา ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วงป้องกันไม่ให้เหยียนลี่หยางหนีจากการตามล่าของพวกเขาได้แล้ว แต่ยังสามารถป้องกันไม่ให้เหยียนลี่หยางใช้พลังปราณในร่างได้ชั่วขณะ
เพียงแต่พลังยุทธ์ของเหยียนลี่หยางนั้นมากกว่ากว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้มาก กว่าที่ฤทธิ์ของชาแก้วนั้นจะส่งผลก็ล่าช้าออกไปเล็กน้อย แต่ในเวลานี้เหยียนลี่หยางนั้นได้รับผลของ ชาแก้วนั้นอย่างเต็มที่แล้ว ถูหลานกับจ้าวเหล่าซานนั้นก็ไม่ได้เอาจริงเอาจังกับเขาอีก
แล้วอาศัยจังหวะตอนที่เหยียนลี่หยางกำลังสนใจอยู่กับสัตว์อสูรสีสันอยู่นั้น ทั้งสองคนก็ได้บุกเข้าโจมตีเขาพร้อมกันจากทั้งซ้ายและขวา
ตูม!
ถึงแม้เหยียนลี่หยางนั้นจะสามารถต้านการโจมตีของทั้งสองคนพร้อมกันได้ แต่ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงของเขานั้นก็ได้หนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ
“โฮก!”
สัตว์อสูรสีสันที่พุ่งเข้ามาถึงตรงหน้าเหยียนลี่หยางนั้น เมื่อได้โอกาสก็ได้เอาหัวของมันชนใส่เหยียนลี่หยาง เสียง“ตุบ”ดังขึ้นมาเหยียนลี่หยางก็ได้กระเด็นออกไปด้วยฝีมือของสัตว์อสูรสีสัน แม้แต่ผ้าคลุมสีดำที่ปิดใบหน้าของเขาก็ได้ร่วงลงพื้นเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเหยียนลี่หยาง
“อย่าปล่อยให้หมอนั่นหนีไปได้!”
“ฆ่าก่อนถามทีหลัง!”
ถูหลานกับจ้าวเหล่าซานก็ได้อาศัยโอกาสนี้บุกไล่ตาม เหยียนลี่หยาง ซึ่งได้ทำให้เหยียนลี่หยางนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่อย่างสุดๆ
ในชั่วขณะคับขันนั้นเอง ก็ได้มีกลุ่มยอดฝีมือชายและหญิงปรากฏตัวอยู่ด้านหลังพวกเขา
“ถูหลานเจ้าช่างกล้านักนะ! เจ้ากล้าลงมือทำร้ายลูกค้าของวังสมบัติเช่นนี้ นี่เจ้ายังเห็นกฎของวังสมบัติอยู่ในสายตาหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหน้าสุดนั้นเป็นชายรูปร่างสูงและผอม ซึ่งใบหน้าของเขาก็ไม่ทั้งโกรธหรืออวดดีแต่อย่างใด แต่ก็แผ่บรรยากาศน่าเกรงขามของความเป็นผู้นำออกมา
“ท่านประมุขวัง! ไม่ใช่ว่าท่านเก็บตัวฝึกวิชาอยู่หรอกเหรอครับ?”
หลังจากที่เห็นชายวัยกลางคนคนนั้นแล้ว ดวงตาของถูหลานก็ได้เต็มไปด้วยความกลัวและสงสัย จ้าวเหล่าซานที่อยู่ข้างๆถูหลานนั้นก็พอที่จะรับรู้ได้ว่ามีอะไรผิดปกติ เขาจึงได้หยุดมือและขี่หลังสัตว์อสูรสีสันที่อยู่ไม่ไกลทันที และเตรียมที่จะหนีออกไปจากที่นี่ทุกเมื่อ
ชายวัยกลางที่ปรากฏตัวพร้อมกับเหล่ายอดฝีมือของวังสมบัตินั้นคือ เหยียนเสียอวิ๋นประมุขวังสมบัติสาขาหุบเขา หลิ่วชวาน ตัวเขานั้นเหมือนจะสงสัยถูหลานว่าทำผิดกฎของวังสมบัติมาเป็นเวลานานแล้ว เขาจึงได้แกล้งจงใจทำเป็นเก็บตัวฝึกวิชาเพื่อทำให้ถูหลายเผยธาตุแท้ออกมา แล้วก็เป็นอย่างที่ เหยียนเสียอวิ๋นคาดเอาไว้ไม่ผิด ถูหลานได้แอบลงมือสังหารคนและขโมยของ
“ท่านลุงอวิ๋น!”
ไม่ใช่แค่ถูหลานที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปหลังจากที่เห็น เหยียนเสียอวิ๋น แม้แต่เหยียนลี่หยางเองก็ยังตกใจเมื่อเห็นคนที่มา
พอเหยียนเสียอวิ๋นที่ตอนแรกไม่ได้สนใจเหยียนลี่หยางนั้นได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ตัวเขาก็ได้รีบปาดสายตาของเขามายังเหยียนลี่หยางทันที ซึ่งพอเขาเห็นเหยียนลี่หยางแล้วใบหน้าของเขาก็ได้ปรากฏความดีใจขึ้นมาทันที “ลี่หยาง เจ้ายังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?”
ในขณะที่เขาพูดเหยียนเสียอวิ๋นก็ได้เดินเข้าไปหา เหยียนลี่หยาง แต่เหมือนเหยียนลี่หยางนั้นนึกอะไรขึ้นมาได้ หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปแล้วรีบหันหลังกลับและหนีไปทันที ราวกับว่าตัวเขาไม่ต้องการที่จะพบเหยียนเสียอวิ๋น ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเขานั้นจะรู้สึกว่าพลังทั่วร่างของเขานั้นติดขัด แต่ก็เหมือนจะฟื้นคืนขึ้นมาบ้างหลังจากที่พวก เหยียนเสียอวิ๋นปรากฏตัวออกมา จึงได้พลันหายไปจากสายตาของทุกคนด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง
“ลี่หยาง!”
เหยียนเสียอวิ๋นที่เห็นเหยียนลี่หยางหนีไปนั้นก็ได้คิดที่จะไล่ตามเขา
แต่ทว่าถูหลานกับจ้าวเหล่าซานกลับฉวยโอกาสนั้นรีบแยกย้ายหนีไปคนละทิศคนละทาง ราวกับพวกเขาจะตายในอีกไม่ช้า
เดิมทีหลังจากที่เหยียนเสียอวิ๋นปรากฏตัว ถูหลานนั้นก็รู้สึกได้ถึงวิกฤติหนักมากแล้ว แต่เมื่อสักครู่เหมือนว่า เหยียนลี่หยางนั้นจะรู้จักกับเหยียนเสียอวิ๋นอีกต่างหาก ตัวเขาจึงไม่กล้าที่จะหวังให้เหยียนเสียอวิ๋นนั้นไว้ชีวิตเขาอีก ในขณะที่ เหยียนเสียอวิ๋นโดนหันเหความสนใจไปที่เหยียนลี่หยางอยู่นั้นเอง พวกเขาก็ได้พากันหนีอย่างสุดกำลังโดยไม่รีรอและพร้อมที่จะทำทุกอย่างขอเพียงพวกเขาสามารถหนีรอดไปได้
เหยียนเสียอวิ๋นก็ได้มองไปยังทิศทางที่เหยียนลี่หยางจากไป แล้วจากนั้นก็ได้หันไปมองยังถูหลานกับจ้าวเหล่าซานที่กำลังหลบหนี ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าลำบากใจออกมาแต่ก็แค่ชั่วพริบตาเดียว เขาถอนหายใจและล้มเลิกความคิดที่จะตามหาเหยียนลี่หยาง แล้วสั่งการให้ยอดฝีมือของวังสมบัติออกตามล่าถูหลานกับจ้าวเหล่าซานอย่างสุดกำลัง
ส่วนเหยียนลี่หยางนั้นหลังจากที่หลบจากสายตาของ เหยียนเสียอวิ๋นและพรรคพวกมาได้ เขาก็ได้หักเลี้ยวและรีบวิ่งกลับไปยังเมืองโม่ไห่ ซึ่งหลังจากที่มอบตั๋วทอง 10 ล้านใบให้กับ เย่เย่แล้ว เหยียนลี่หยางก็ได้ขอถอนตัวกลับเข้าไปในชั้น 9 ของอารามวิถีสวรรค์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้บอกเล่าเรื่องที่ตัวเขานั้นโดยไล่ล่าและตามฆ่าโดยถูหลานและพรรคพวกแต่อย่างใด
ซึ่งเย่เย่เห็นเหยียนลี่หยางไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนักจึงได้ไม่ถามอะไร
แล้วเย่เย่ก็ได้ทำการเติมเงิน 10 ล้านตั๋วทองที่ เหยียนลี่หยางให้มาเข้าไปในระบบเติมเงินครอบจักรวาล ซึ่งก็ได้เพิ่มเข้ามาในระบบถึง 1 แสนเหรียญอเนกประสงค์ในทันที
โดยปราศจากซึ่งการรีรอ เย่เย่ก็ได้รีบใช้เงินซื้อเอายาแก่นแท้ออกมา 2 ขวดที่เขาเล็งจากในระบบเติมเงินมานานแล้ว ซึ่งยาแก่นแท้นั้นเป็นหนึ่งในยาคุณภาพสูงที่ช่วยเพิ่มพูนพลังยุทธ์ในระดับราชันย์เทพได้
ถึงแม้ว่ายาแก่นแท้เพียงแค่ 2 ขวดนั้นจะดูไม่มากนัก แต่เย่เย่ก็เชื่อว่าวรยุทธ์ของเขานั้นจะต้องเพิ่มพูนอย่างมากภายในระยะเวลาสั้นๆ แล้วตัวเขาก็จะไม่แพ้ใครง่ายๆแม้ต้องเจอกับยอดฝีมือราชันย์เทพระดับสูงสุดก็ตามที
นอกจากนี้เย่เย่เองก็ได้ซื้อวรยุทธ์ชั้นเลิศระดับราชันย์เทพที่ชื่อ“ฟ้าทะเลกำเนิดน้ำ”ซึ่งวรยุทธ์นี้มีอยู่ 2 ระดับคือระดับเล็กกับใหญ่ หากว่าเย่เย่สามารถฝึกจนถึงขั้นสุดได้ ต่อให้ตัวเขามีพลังยุทธ์ในระดับสูงสุดของราชันย์เทพ ก็ยังสามารถใช้ต่อกรกับยอดฝีมือจักรพรรดิเทพได้อย่างไม่ยี่หระ
ยาแก่นแท้ 2 ขวดเย่เย่ก็ต้องเสียไปตั้ง 36,000 เหรียญอเนกประสงค์ แล้วยังเสีย 60,000 เหรียญอเนกประสงค์เพื่อซื้อ วรยุทธ์”ฟ้าทะเลกำเนิดน้ำ”มาอีก ดังนั้น 10 ล้านตั๋วทองของ เหยียนลี่หยางที่ได้มาจากการขายซากมังกรสองหัวนั้นก็ได้ถูกเย่เย่ถลุงจนเกือบหมดในชั่วพริบตา
โชคยังดีที่เย่เย่นั้นยังมีแก่นภายในของมังกรสองหัวอยู่อีก ซึ่งมันมีค่ามากกว่าซากของมังกรสองหัวเสียอีก หากว่าเย่เย่ใช้ถูกที่ถูกเวลาแล้วก็เชื่อว่าทั้งเขาและเหยียนลี่หยางความแข็งแกร่งนั้นจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นแน่
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเย่เย่ก็ได้เลิกเสียเวลาและรีบทานยาแก่นแท้เพื่อช่วยเขาฝึกวิชาทันที เพราะความบริสุทธิ์ของวิญญาณมังกรในร่างของเขานั้นสูงมากทำให้ความเร็วในการฝึกวิชาของเขานั้นเร็วกว่าจอมยุทธ์คนอื่นในระดับเดียวกัน ดังนั้นความเร็วในการฝึกวิชาของเย่เย่นั้นจึงได้ไม่ช้าเหมือนคนอื่นๆ และในเวลานี้เขาก็ได้ยาแก่นแท้ซึ่งเป็นยาชั้นเลิศในระดับราชันย์เทพ ทำให้พลังปราณในร่างของเขานั้นเพิ่มพูดขึ้นมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว
เพียงแต่ว่าการฝึกวิชานั้นมันไม่ง่ายเหมือนการดูดซับพลังปราณโดยเฉพาะเหล่าจอมยุทธ์ในระดับสูงๆแล้ว ระดับยิ่งสูงก็ยิ่งต้องใช้พลังปราณที่บริสุทธิ์มากขึ้น ดังนั้นในขณะที่เย่เย่ทำการดึงดูดพลังปราณอยู่นั้นเย่เย่ก็ได้ใช้พลังของเขาบีบอัดพลังปราณทำให้บริสุทธิ์มากขึ้นและง่ายต่อการควบคุม
หลังจากที่ทานยาแก่นแท้ไปแล้วสองขวด เย่เย่ก็ได้คิดที่จะหาคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขาต่อสู้ เพื่อที่จะได้ปรับความสามารถในการต่อสู้ของเขาให้เข้ากับพลังยุทธ์ของเขา อย่างไรเสียไม่ว่าจะมีระดับวรยุทธ์สูงมากขนาดไหนก็ยังจำเป็นที่จะต้องแปลงพลังยุทธ์ให้กลายเป็นพลังต่อสู้อยู่ดี ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นจอมยุทธ์ระดับสูงแล้วก็อาจจะพลาดท่าตายคามือของจอมยุทธ์ระดับล่างได้เช่นกัน