ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 321 2 ปี
บทที่ 321
2 ปี
สีหน้าของซ่างกวานจ้งก็ได้ไม่ดีขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเสิ่นจ้งหมิง
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีถึงความต่างของความแกร่งระหว่างเมืองโม่ไห่และสำนักต่างไฟนั้นต่างกันมาก แต่ตัวเขาก็ยังยากที่จะยอมรับว่าท่าทีของเสิ่นจ้งหมิงนั้นมันสามารถคุกคามพวกเขาได้จริงๆ โดยเฉพาะตอนที่เย่เย่นั้นได้ตัดสินใจที่จะอยู่ที่เมืองโม่ไห่ต่อนั้น ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าเมืองโม่ไห่แล้วก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ตัวเขาจะไม่ปกป้องเย่เย่
“เรียนคุณท่าน ความแข็งแกร่งของสำนักต่างไฟนั้นมีมากกว่าเมืองโม่ไห่ของเราสัก 1 เท่าได้ ถ้าหากท่านเย่เย่ยินดีที่จะออกจากเมืองโม่ไห่ไปเพื่อเป็นศิษย์สำนักต่างไฟแล้ว พวกเราชาวเมืองโม่ไห่ก็ทำได้แค่ยอมรับผลที่ออกมานี้เท่านั้น หากแต่ในเมื่อตัวเย่เย่เองก็เป็นมนุษย์ที่มีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ข้าจึงคิดว่าพวกเราควรที่จะยอมรับการตัดสินใจของเขา อย่างไรเสียแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นนั้นย่อมไม่หวานไม่ใช่รึ?”
ซ่างกวานจ้งนั้นได้รวบรวมความกล้าที่มีแล้วเดินออกหน้าขึ้นมาแล้วกล่าวกับเสิ่นจ้งหมิงเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเขากับเย่เย่
เสิ่นจ้งหมิงก็ได้จ้องไปที่เขาอย่างประหลาดใจและเข้าใจถึงความจริงที่ว่าเมืองโม่ไห่เองก็อยากที่จะให้เย่เย่อยู่ต่อ แต่ทว่าเสิ่นจ้งหมิงนั้นเป็นเหมือนตัวแทนของสำนักต่างไฟ ตัวเขาจึงได้ไม่อาจปล่อยให้เมืองเล็กๆอย่างโม่ไห่นั้นไปทำให้เขาโมโหได้ง่ายๆ
หลังจากที่ซ่างกวานจ้งพูดจบ ใบหน้าของเสิ่นจ้งหมิงก็ได้หนาวเย็นขึ้นมา แล้วพลังกดดันระดับจักรพรรดิเทพระดับสูงสุดก็ได้แผ่ออกมาในทันที และได้มุ่งเป้าไปที่ซ่างกวานจ้งเพียงคนเดียว
“นี่เป็นเรื่องระหว่างสำนักต่างไฟกับเย่เย่! มันจะเป็นการดีกว่าถ้าหากท่านเจ้าเมืองซ่างกวานจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว ถ้าเข้ามายุ่งกับไฟมันจะลวกมือเอาได้นะ!”
เสิ่นจ้งหมิงก็ได้กล่าวเตือนซ่างกวานจ้งด้วยความหนาวเย็น ดวงตาของเขานั้นนิ่งมากราวกับว่าซ่างกวานจ้งกับพรรคพวกนั้นเป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆในสายตาของเขา ที่สามารถขยี้ให้ตายได้เพียงนิ้วเดียว ส่วนซ่างกวานจ้งที่ถูกขังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่มหาศาลนั้นก็ได้มีชั้นเหงื่อปรากฏออกมาที่หน้าผากของเขาทันที และมีสีหน้าที่ซีดเล็กน้อย
แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวเขานั้นจะยอมแพ้ง่ายๆ ตัวเขายังคงหยัดยืนขึ้นมาได้ด้วยความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ในดวงตาของเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้เย่เย่ก็ได้รีบออกหน้า แล้วตะโกนใส่ เฉินจ้งหมิง “ในเมื่อท่านคิดว่าสิ่งที่ข้าพูดเมื่อสักครู่นั้นคือเป็นเพียงเรื่องเหลวไหลล่ะก็ ทำไมพวกเราไม่มาพนันกันสักหน่อยล่ะ! ถ้าในอีก 2 ปีให้หลัง สำนักต่างไฟยังคงเป็นกองกำลังอันดับ 1 ในเทียนหนานได้ ข้าเย่เย่จะเข้าร่วมกับสำนักต่างไฟทันทีและจะไม่คิดคดทรยศด้วย ต่อให้ข้าไปเป็นคนงานแบกหามก็ตาม แต่ถ้าหากสำนักต่างไฟได้ตกลงมาจากบัลลังก์อันดับหนึ่งเมื่อไร? ท่านจะต้องออกจากสำนักต่างไฟชั่วคราวและคอยรับคำสั่งข้าเป็นเวลา 1 ปี ว่ายังไง?”
ทันทีที่เย่เย่พูดจบ ก็ได้พลันเกิดความเงียบไร้ซึ่งเสียงลมหายใจไปทั่วทั้งลานกว้าง
เหตุผลที่เย่เย่ปฏิเสธเมื่อสักครู่ เสินจ้งหมิงนั้นเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเย่เย่เท่านั้น แต่ในเวลานี้ข้อเสนอที่จะเดิมพันกับเสิ่นจ้งหมิงของเย่เย่นั้นก็ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอของเย่เย่นั้นก็ได้ทำให้ เสิ่นจ้งหมิงกลายมาเป็นผู้ติดตามของเขาด้วย ซึ่งได้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในลานกว้างต้องตกตะลึง ราวกับจนกระทั่งในเวลานี้พวกเขานั้นไม่เคยรู้สึกเลยว่าความมั่นใจในตัวเองและความกล้าหาญของผู้มาจุตินั้นมีมากล้นเหนือกว่าที่คนธรรมดาๆจะเทียบได้เลย
เมื่อเสิ่นจ้งหมิงได้ยินข้อเสนอของเย่เย่แล้วดวงตาของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นหนาวเย็นทันที และได้ย้ายแรงกดดันของเขาจากซ่างกวานจ้งไปยังเย่เย่ทันที ไม่ว่าจะเรื่องที่เย่เย่นั้นเชื่อว่าสำนักต่างไฟจะตกต่ำก็ดี หรือจะเรื่องที่เสนอให้ตัวเขาเป็นผู้ติดตามก็ดี ทำให้เสิ่นจ้งหมิงนั้นต้องการที่จะสั่งสอนบทเรียนเย่เย่
แต่ทว่าเสิ่นจ้งหมิงนั้นไม่คิดว่าเย่เย่นั้นกลับนิ่งเฉยภายใต้แรงกดดันของเขา ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำ ซึ่งหลังจากที่เย่เย่พูดจบก็ได้จับจ้องมาที่ตัวเขาด้วยดวงตาที่ลุกโชน ราวกับว่าตัวเขาได้วางตัวเองไว้ในตำแหน่งที่เสมอกับเสิ่นจ้งหมิง
บรรยากาศก็ได้พลันตึงเครียดขึ้นมา ซึ่งคนอื่นๆรวมถึงซ่างกวานจ้งนั้นต่างก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาในขณะที่พวกเขาเห็นเช่นนี้ แล้วปล่อยให้ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันอย่างเงียบๆ
เพราะว่าเย่เย่นั้นได้แอบใช้พลังของวิญญาณมังกรในร่างของเขา ทำให้ร่างกายของเขานั้นเหนือกว่าจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาไปไกลมาก ทำให้เสิ่นจ้งหมิงนั้นไม่สามารถทำให้เย่เย่สั่นคลอนได้โดยอาศัยแค่พลังกดดัน และเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้เสนอที่จะพนันกับเสิ่นจ้งหมิงนั้น นอกจากเป็นการช่วยซ่างกวานจ้งแล้ว ตัวเขาเองก็ต้องการที่จะซื้อตัวกันชนเพื่อตัวเขาเองด้วย
เย่เย่นั้นเชื่อว่าไม่ว่าสำนักต่างไฟนั้นจะมีอย่างไรต่อเขาในอีก 2 ปีให้หลังนั้น ตัวเขาก็มีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับภัยอันตรายต่างๆได้ทันที แม้แต่เสิ่นจ้งหมิงที่เป็นจักรพรรดิเทพระดับสูงสุดก็ตาม เย่เย่ก็มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้ และทำให้เสิ่นจ้งหมิงยินยอมมาเป็นผู้ติดตามของเขา
ตอนแรกเสิ่นจ้งหมิงเองก็รู้สึกประหลาดใจและรู้สึกว่าสิ่งที่เย่เย่พูดนั้นมันบ้าเอาเสียมากๆ แต่พอมองไปที่ดวงตาของเย่เย่ใกล้ๆแล้ว เขาก็พบว่าสิ่งต่างๆนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่เขาคิดเสียแล้ว
ดวงตาของเย่เย่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน และไม่ดูเหมือนว่าเขาคุยโวใหญ่โตเสียด้วย
แล้วเสิ่นจ้งหมิงก็ได้พลันนึกถึงสิ่งที่เจ้าสำนักเซี่ยงหวาเน้นย้ำถึงผู้มาจุติก่อนที่เขาจะมาที่นี่ขึ้นมาได้ เขาจึงได้หยุดครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะแล้วจากนั้นก็ได้พูดกับเย่เย่ “ก็ได้ ข้ายอมตกลงรับการเดิมพันนี้กับท่าน! แต่ท่านจงจำเอาไว้ว่าจะเป็นการเชิญเข้าสำนักต่างไฟแค่ตอนนี้เท่านั้นและในอีก 2 ปีให้หลังจะเป็นการบังคับท่านเป็นศิษย์สำนักต่างไฟแทนซึ่งมันจะต่างกันอย่างชัดเจน! ข้าหวังว่าท่านจะไม่เสียใจภายหลัง ขอตัว!”
หลังจากที่พูดเช่นนั้น เสิ่นจ้งหมิงก็ได้หันหลังกลับและขึ้นขี่เหยี่ยวทะยานฟ้าโดยไม่พูดไม่จา แล้วเขาก็ได้ขี่เหยี่ยวทะยานฟ้าพุ่งผ่านท้องฟ้าไป
ฟู่ว!
แล้วเหยี่ยวทะยานฟ้าก็ได้บินขึ้นฟ้า เกิดเป็นลมที่รุนแรงพัดเข้ามาในเมืองโม่ไห่ แล้วเสิ่นจ้งหมิงก็ได้หายลับตาทุกคนไปในชั่วพริบตา
ซ่างกวานจ้งกับคนอื่นๆก็ได้ยืนมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออก และยืนมองอยู่นานกว่าจะตั้งสติได้ แล้วดวงตาของพวกเขาก็ได้มองดูเย่เย่ด้วยความเชื่อใจและสนิทสนมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ซู่ม!
แล้วเสียงแหวกฟ้าก็ได้ดังขึ้นมาทำให้ทุกคนฟื้นคืนสติทันที เย่เย่มองไปรอบๆแล้วก็พบว่าหลินฉีที่อยู่ใกล้ๆพวกเขาเมื่อสักครู่นั้นกำลังวิ่งหนีไปที่หน้าประตูจวนเจ้าเมือง
“เจ้าคนชั่ว! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ซ่างกวานจ้งที่โกรธจัดก็ได้รีบไล่ตามหลินฉีไปทันทีด้วยความโกรธและสับสนในดวงตาของเขา
เพราะว่าก่อนหน้านี้ตัวเขานั้นเชื่อใจหลินฉีอย่างมาก และยังมอบหน้าที่ดูแลอาคมเทียนไห่ให้กับหลินฉี แต่ซ่างกวานจ้งก็ไม่คิดหลินฉีนั้นกลับตัดสินใจด้วยตัวเองในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ และยังทรยศคนทั่วทั้งเมืองโม่ไห่อีก
ในเวลานี้ไม่ว่าหลินฉีนั้นจะเพ่งเล็งไปที่เย่เย่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ซ่างกวานจ้งก็ได้ตัดสินใจที่จะลงโทษหลินฉีอย่างหนักและให้คำอธิบายเรื่องนี้แก่เย่เย่
“พี่หลินฉี!”
ซ่างกวานอวี่ก็ได้มองไปที่หลินฉีที่กำลังวิ่งหนีด้วยสีหน้าสงสัย และรู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นกลายเป็นคนไม่รู้จักไปแล้ว
ถึงแม้ว่าตัวเธอนั้นจะเคยสงสัยว่าจะเป็นหลินฉีที่ปล่อยข่าวเรื่องของเย่เย่ออกไป แต่เพราะการกระทำของหลินฉีก่อนหน้านี้จึงได้ทำให้เธอหายสงสัย
ซ่างกวานอวี่นั้นไม่เคยนึกสงสัยหลินฉีอีก จนกระทั่งสิ่งที่หลินฉีทำในวันนี้ได้ยืนยันความคิดของเธอก่อนหน้านี้เป็นจริงขึ้นมา ซึ่งก่อนที่จะได้จับตัวหลินฉีมาสอบปากคำ ซ่างกวานอวี่ก็เดาได้ว่าคนที่เปิดเผยตัวตนของเย่เย่นั้นจะต้องเป็นหลินฉีแน่ๆ
จึงได้มีความเศร้าใจในดวงตาของเธอ และยืนดูอยู่ตรงที่เดิมด้วยความเศร้าสร้อยโดยไม่ได้ไปไล่ตามหลินฉีเหมือนกับคนอื่นๆ
ซู่ม!
ถึงแม้ว่าหลินฉีนั้นจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ตัวเขานั้นบาดเจ็บเพราะเสิ่นจ้งหมิงเมื่อสักครู่ทำให้ความเร็วของเขานั้นตกลงอย่างมาก นอกจากนี้วรยุทธ์ของซ่างกวานจ้งนั้นยังเหนือกว่าหลินฉีมาก ทำให้เขาไล่ตามหลินฉีได้ทันก่อนที่เขาจะหนีออกจากจวนเจ้าเมืองไป
“เจ้าคิดที่จะหนีไปไหน?”
แล้วซ่างกวานจ้งก็ได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินฉีด้วยความโกรธและตะโกนใส่หลินฉี
“นายท่าน ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อเมืองโม่ไห่ของเรา ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ถ้าหากสำนักต่างไฟเกิดผิดใจกันกับเมืองโม่ไห่ของเราและกลายเป็นศัตรูของพวกเขาไปล่ะก็ ผลที่จะตามมาจะเป็นอย่างไรก็ไม่อยากจะคิด!”
หลินฉีที่เห็นซ่างกวานจ้งมาขวางอยู่ข้างหน้าเขา และมีหลิวซื่อหมิงและคนอื่นๆก็ได้วิ่งไล่หลังเขามา ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ซึ่งในขณะที่กำลังอธิบาย ซ่างกวานจ้งอยู่นั้นก็ได้หันหน้าไปมาและคิดหาทางหนี
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าซ่างกวานจ้งนั้นไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ ซึ่งเขาก็ได้โมโหมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำอธิบายจากหลินฉี และได้พูดตอบหลินฉีด้วยความเย็นยะเยือก “ฮึ่ม! เจ้าเป็นเจ้าเมืองหรือว่าข้าเป็นเจ้าเมืองกันแน่? ถ้าหากว่าข้าปล่อยให้เจ้าตัดสินใจเองได้แล้ว ยังจะมีเจ้าเมืองอย่างข้าในสายตาเจ้าอยู่หรือไม่?”
ในขณะที่พูดเช่นนั้น ซ่างกวานจ้งก็ได้พุ่งเข้าไปหาหลินฉีและโจมตีใส่หน้าอกของหลินฉีด้วยฝ่ามืออย่างรวดเร็ว
ตูม!
พลังกดดันของราชันย์เทพระดับสูงสุดนั้นก็ได้ถูกปล่อยออกมาจากตัวของซ่างกวานจ้ง ทำให้หลินฉีที่บาดเจ็บอยู่นั้นต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ ในเมื่อไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้แล้วตัวเขาก็ทำได้แค่สู้กับซ่างกวานจ้งเท่านั้น
เปรี้ยง!
แล้วราชันย์เทพสองคนก็ได้เข้าปะทะกัน จนทำให้เกิดเป็นมิติกระเพื่อมอยู่กลางอากาศ
“อุ่ฟ!”
หลินฉีก็ได้แพ้ต่อซ่างกวานจ้งและถูกทำร้ายจนตีลังกาด้วยฝ่ามือของซ่างกวานจ้ง หลินฉีจึงได้กระอักเลือดออกมาและตกลงสู่พื้นด้วยสภาพที่น่าอดสูนัก
แต่ทว่าซ่างกวานจ้งนั้นยังระบายความโกรธของเขาออกไปได้ไม่หมด หลังจากที่หลินฉีตกลงสู่พื้น ซ่างกวานจ้งก็ได้พุ่งเข้าไปหาอีกหน และตั้งใจที่จะสั่งสอนบทเรียนให้หลินฉีต่อทำให้เขาไม่มีทางลืมได้เลย
ซู่ม!
ในชั่วขณะวิกฤตินั้นเองเย่เย่ก็ได้ปรากฏตรงหน้า ซ่างกวานจ้งแล้วกล่าวกับซ่างกวานจ้งอย่างเยือกเย็น “ท่านเจ้าเมือง ให้ข้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองได้ไหม?”
“คือว่า……”
ซ่างกวานจ้งก็ได้มองดูด้วยสีหน้าที่ลำบากใจบนใบหน้าของเขา แต่เมื่อเขาคิดถึงความสำคัญของเย่เย่ที่มีต่อเมืองโม่ไห่แล้ว เขาจึงได้ผงกหัวและเดินถอยออกข้างเพื่อปล่อยที่ว่างให้เย่เย่กับหลินฉีได้เผชิญหน้ากัน
ถึงแม้ว่าเมื่อสักครู่ซ่างกวานจ้งนั้นจะโจมตีใส่อย่างรุนแรง แต่เขาก็ได้เลี่ยงจุดตายของหลินฉีและหวังให้เย่เย่นั้นยกโทษให้หลินฉีหลังจากที่เห็นเขาสั่งสอนบทเรียนให้หลินฉี อย่างไรเสียหลินฉีนั้นก็เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของซ่างกวานจ้ง แม้ว่าเขาจะทำความผิดครั้งใหญ่ในคราวนี้ แต่ซ่างกวานจ้งก็ยังหวังที่จะช่วยชีวิตเขาอยู่ดี
แต่ไม่รู้ว่าเย่เย่นั้นมองเห็นถึงความตั้งใจของเขาหรือเปล่า ถึงได้เข้ามาขวางซ่างกวานจ้งตรงหน้าเพื่อกันไม่ให้ตัวเขาทำร้ายหลินฉีต่อ และคิดที่จะจัดการกับความผิดของหลินฉีด้วยตัวเองเช่นนี้ หลังจากที่ชั่งน้ำหนักดูแล้วซ่างกวานจ้งก็ได้ยอมให้เย่เย่ อย่างไรเสียหากเทียบกับที่หลินฉีทรยศความเชื่อใจเขาแล้ว เย่เย่เป็นคนที่สำคัญอย่างมากกับเมืองโม่ไห่ในเวลานี้
ในขณะที่เย่เย่เข้ามาขวางซ่างกวานจ้งนั้น ซ่างกวานอวี่,หลิวซื่อหมิงและคนอื่นๆก็ได้วิ่งเข้ามาหา แล้วกลุ่มคนก็ได้พากันล้อมเย่เย่กับหลินฉีเอาไว้ ราวกับว่าพวกเขานั้นอยากที่จะรู้ว่าเย่เย่นั้นคิดจะทำเช่นไรกับหลินฉี
แต่เย่เย่ก็ไม่ได้สนใจกับความคิดของคนอื่นๆ หลังจากที่ซ่างกวานจ้งเห็นด้วยกับเย่เย่และตัดขาดกับหลินฉีอย่างเต็มที่แล้ว เย่เย่ก็ได้หันหน้ากลับไปแล้วเดินไปหาหลินฉีที่กำลังลุกขึ้นมา และถามหลินฉีด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ถ้าข้าเดาไม่ผิด คนที่ปล่อยข่าวเรื่องตัวตนของข้าออกไปนั้นคงจะเป็นเจ้าสินะ ในความคิดของข้านั้นข้ายังไม่ได้ทำอะไรให้เจ้าโกรธเลยใช่ไหม? หรือว่าเป็นเพราะข้าไปขโมยความเป็นจุดสนใจไปจากเจ้า เจ้าถึงได้ยอมทำทุกอย่างที่จะฆ่าข้าเช่นนี้?”
หลังจากที่เย่เย่ถามออกไป เขาก็ได้จับจ้องไปที่หลินฉีอีกหน แต่ก็ไม่พบความโกรธใดๆบนใบหน้าของเขา ราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย ซ่างกวานจ้งกับพรรคพวกนั้นก็ได้จับจ้องไปที่หลินฉีอย่างตั้งใจเช่นกัน เพราะพวกเขาเองก็เต็มไปด้วยความสงสัยในเรื่องนี้ และคิดไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมหลินฉีผู้ที่ใจกว้างและสุภาพตลอดเวลานั้น ทำไมถึงได้ไม่ถูกกับเย่เย่มากขนาดนี้?