ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 313 งานเลี้ยง
บทที่ 313
งานเลี้ยง
“หยุดก่อน!”
ในชั่วขณะนั้นเอง สิงเทียนหมิงก็ได้ระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้และตะโกนบอกสุดยอดฝีมือทั้ง 3 คนของเมือง หลงเจียง
ถึงแม้ว่าตัวเขานั้นอยากที่จะฉีกร่างซ่างกวานจ้งให้เป็นชิ้นๆเสียเดี๋ยวนี้ แต่ว่าที่นี่คือถิ่นของซ่างกวานจ้ง ต่อให้พวกเขาเอาจริงก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะได้เลย นอกจากนี้ ซ่างกวานจ้งเองก็รู้ดีถึงความเหมาะสมเช่นกัน ตัวเขาจึงไม่ได้ทำให้สิงอู๋เจียงนั้นกลายเป็นคนพิการไป เพราะเวลาของศึกตัดสินนั้นยังมาไม่ถึงสำหรับทั้งสองฝ่าย
ซ่างกวานจ้งเมื่อเห็นสิงเทียนหมิงสั่งห้ามยอดฝีมือของเมืองหลงเจียงแล้ว ก็ได้สั่งห้ามยอดฝีมือของเมืองโม่ไห่เช่นกัน
“สิงเทียนหมิง ในครั้งนี้เจ้ามาก่อความวุ่นวายในเมือง โม่ไห่มากไปแล้ว การทำลายวรยุทธ์ของสิงอู๋เจียงนั้นเป็นแค่การเตือนเจ้าเท่านั้น ถ้าหากยังมีครั้งหน้าอีกมันจะไม่จบแค่นี้แน่!”
ซ่างกวานจ้งนั้นรู้แล้วว่าสิงเทียนหมิงนั้นยอมล้มเลิกความคิดที่จะทำศึกตัดสินแล้ว ใบหน้าของเขาจึงได้แสดงสีหน้าผ่อนคลายลงมา แต่ทว่าสายตาของเขาที่จับจ้องไปที่สิงเทียนหมิงและพรรคพวกนั้นยังคงความหนาวเย็นอยู่ และปลดปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่ปิดบัง
“ครั้งหน้า? ข้าหวังว่าเมืองโม่ไห่ของเจ้าจะยังคงอยู่ได้ถึงครั้งหน้าจริงๆเถอะ!”
สิงเทียนหมิงก็ได้ตอบกลับซ่างกวานจ้งอย่างดูถูก แล้วเขาก็ได้ประคองพาสิงอู๋เจียงเดินไปยังอินทรีทองหกปีกของเมืองหลงเจียง
“รี๊!”
ด้วยเสียงร้องของอินทรีทองหกปีก เหล่ายอดฝีมือของเมืองหลงเจียงก็ได้รีบทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายลับตาทุกคนในเมืองโม่ไห่ในชั่วพริบตา
ในช่วงเวลานี้เองซ่างกวานจ้งนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และไม่ได้สั่งให้คนไปหยุดคนจากเมืองหลงเจียงกลับออกไปด้วย
เพราะตัวเขานั้นรู้ดีถึงความหมายของคำพูดส่งท้ายของสิงเทียนหมิงดี เพราะเหตุของการมาปรากฏตัวของผู้มาจุติในเมืองโม่ไห่นั้น แม้ว่าเมืองหลงเจียงจะยอมกลับไปโดยดี แต่ขุมอำนาจอื่นๆในดินแดนเทียนหนานนั้นอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ ถึงแม้ว่าซ่างกวานจ้งนั้นจะกลับมาหยุดเจ้าเมืองหลงเจียงกับพรรคพวกได้ทันการ แต่ก็ยังมีขุมอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าเมือง หลงเจียงอีกนับไม่ถ้วนในดินแดนเทียนหนาน และเมืองโม่ไห่นั้นไม่อาจที่จะรับมือพวกเขาทั้งหมดได้
แต่ซ่างกวานจ้งก็ไม่ได้มีความกลัวปรากฏในดวงตาของเขา ราวกับไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ตัวเขาก็จะไม่ยอมละทิ้งความพยายามของเขาปล่อยเย่เย่ไปจากเมืองโม่ไห่ง่ายๆไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตก็ตามที
“ท่านพ่อ!”
หลังจากที่เจ้าเมืองหลงเจียงกับพรรคพวกจากไป ซ่างกวานอวี่ก็ได้รีบเดินมาหาซ่างกวานจ้งแล้วตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจและยินดี
เพราะก่อนที่ซ่างกวานจ้งและพรรคพวกปรากฏตัว ตัวเธอนั้นไม่คิดว่าซ่างกวานจ้งนั้นจะกลับมาได้ทันการ หัวใจของเธอจึงเต็มไปด้วยความสบายใจและยินดีจนไม่สามารถพูดออกมาคำพูดได้
หลินฉีผู้ที่สงบนิ่งอยู่ได้ภายใต้แรงกดดันของสิงเทียนหมิงและพรรคพวกนั้น ก็ได้เดินมาหาซ่างกวานจ้งแล้วก้มหัวให้ด้วยความเคารพแล้วกล่าว “นายท่าน!”
“หลินฉีเรื่องในครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก! ถ้าหากเจ้าไม่ดำเนินการไว้ล่วงหน้า เกรงว่าเจ้าสิงเทียนหมิงกับพรรคพวกคงจะทำสำเร็จไปแล้ว!”
ซ่างกวานจ้งก็ได้ผงกหัวให้หลินฉี แน่นอนว่าตัวเขาพึงพอใจมากกับการที่ตัวเขามาปรากฏตัวในวันนี้
ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเพราะหลินฉีนั้นได้ส่งคนขี่อินทรีทองหกปีกไปยังสำนักแก้วหลากสีเพื่อไปรับซ่างกวานจ้งและพรรคพวกหลังจากที่ตัวตนของเย่เย่นั้นถูกเปิดเผย ทำให้ซ่างกวานจ้งนั้นสามารถกลับมาที่เมืองโม่ไห่ได้ทันการและป้องกันการรุกรานจากคนของเมืองหลงเจียงได้ ดังนั้นซ่างกวานจ้งกับพรรคพวกจึงได้ชื่นชมหลินฉี
หลังจากที่ได้ยินการสนทนาของทั้งคู่แล้ว ซ่างกวานอวี่ก็พลันเข้าใจได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการเตรียมการของหลินฉี ทำให้เธอรู้สึกชื่นชมและขอบคุณหลินฉีในใจของเธอ
“พี่หลิน ทำไมท่านไม่บอกข้ากันบ้าง? ปล่อยให้ข้ากังวลอยู่ได้!”
เธอจ้องมองไปที่หลินฉีด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่มีการกล่าวโทษใดๆบนใบหน้าของเธอ
“ข้าเองก็ไม่มั่นใจว่านายท่านกับคนอื่นๆจะกลับมาทันเวลาหรือไม่ ข้าจึง…..”
หลินฉีก็ได้เกาหัวตัวเองอย่างเขินๆ และมีสีหน้าเขินอายปรากฏบนใบหน้าของเขา ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา
แม้แต่เย่เย่ที่อยู่ข้างหลังเขา ก็ได้มองไปที่หลินฉีด้วยความสงสัยในดวงตาของเขา
ถึงแม้เย่เย่นั้นจะไม่สงสัยเรื่องที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยมากนัก แต่เขาก็คิดมาตลอดว่าเป็นหลินฉีที่เป็นคนปล่อยข่าวของเขา โดยเฉพาะการกระทำก่อนหน้าของหลินฉีที่จัดการสังหารกับผู้ต้องสงสัยทั้งหมดนั้นก็ได้ทำให้เย่เย่นั้นระวังเขามากขึ้นกว่าเดิม
แต่ทว่าเพราะเรื่องในวันนี้การกระทำของหลินฉีนั้นได้ทำให้เย่เย่นั้นประหลาดใจมาก และเริ่มสงสัยในการคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้
หลังจากที่ปลอบซ่างกวานอวี่ หลินฉีกับคนอื่นๆและ ซ่างกวานจ้งเจ้าเมืองโม่ไห่ก็ได้เดินมาหาเย่เย่ เขามองมาที่เย่เย่ด้วยสีหน้าที่จริงจังแล้วจากนั้นก็พูดกับเย่เย่อย่างให้ความสนใจ “ท่านคือเย่เย่สินะ? ขอยินดีต้อนรับสู่เมืองโม่ไห่ของเรา! แต่ก่อนอื่นข้าต้องขออภัยในความล่าช้าด้วย ทำให้ข้าไม่มีโอกาสได้สร้างความบันเทิงแก่ท่าน ในวันนี้ที่จวนเจ้าเมืองจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านเย่เย่มาที่เมืองโม่ไห่ของพวกเราอย่างเป็นทางการ!”
ซ่างกวานจ้งก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงใจมาก แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยความไม่อาจโต้แย้งได้เอาไว้ด้วย
แน่นอนว่าก่อนที่เขาจะกลับมาที่เมืองโม่ไห่นั้น ตัวเขาก็ได้ทำความเข้าใจถึงการพูดคุยกันระหว่างซ่างกวานอวี่และเย่เย่อยู่ก่อนแล้ว ตัวเขาจึงไม่ได้พูดชวนให้เย่เย่มาเข้าร่วมกับเมืองโม่ไห่อีก
เย่เย่เองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เขานั้นคิดว่า ซ่างกวานจ้งนั้นคงจะชวนเขามาร่วมงานเลี้ยงตามมารยาท ตัวเขาจึงได้ประสามารถคารวะตอบซ่างกวานจ้งอย่างสุภาพ “ท่านเจ้าเมืองซ่างกวาน ตัวท่านช่างใจกว้างยิ่งนัก ต้องขอบคุณยาแม่นางซ่างกวานในหลายวันมานี้ด้วย ทำให้บาดแผลของข้านั้นหายอย่างรวดเร็ว ตัวข้าเย่เย่ต้องขอขอบคุณท่านเจ้าเมืองอีกครั้ง!”
หลังจากที่ทั้งคู่พูดคุยกันไม่กี่คำ ทั้งคู่ก็ได้พากันเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ในจวนเจ้าเมือง ซึ่งในขณะที่ซ่างกวานจ้งกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานเลี้ยงอยู่นั้น เย่เย่ก็ได้คิดว่าตัวเขาจะตอบการเชิญชวนของซ่างกวานจ้งหลังจากนี้เช่นไรดี
แต่ทว่าเย่เย่นั้นกลับคาดไม่ถึงว่าตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มจนจบ ซ่างกวานจ้งก็ไม่ได้กล่าวชวนเย่เย่เลย
แต่แล้วจู่ๆเขาก็ได้หยิบเอากล่องใบหนึ่งออกมาตอนที่งานเลี้ยงใกล้จะจบ และกล่าวกับผู้คนในงานเลี้ยงด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เมืองโม่ไห่ของพวกเราจะมอบรางวัลให้คนทำดีและลงโทษคนทำผิดอยู่เสมอ ในครั้งนี้หลินฉีได้สร้างคุณงามความดีอย่างใหญ่หลวงให้กับเมืองโม่ไห่ของเราจึงสมควรที่จะได้รับรางวัลยิ่งใหญ่! ยาแมลงราชันย์ที่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสบรรลุขึ้นเป็นราชันย์เทพนี้ จะต้องเป็นของหลินฉีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป! ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะยึดเอาหลินฉีเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคต และข้าซ่างกวานจ้งจะไม่ดูแลคนที่จงรักภักดีกับเมืองโบราณโม่ไห่ไม่ดีอย่างแน่นอน!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาก็ได้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาในหมู่ผู้คน และผู้คนเกือบทั้งหมดที่อยู่ในงานก็ได้จับจ้องไปที่หลินฉีด้วยความอิจฉาในดวงตาของพวกเขา
เพราะว่าเมืองโม่ไห่นั้นมียาที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุขึ้นเป็นราชันย์เทพเพียงแค่ยาตัวนี้เท่านั้น ซึ่งก่อนที่เกิดเหตุการณ์ในวันนี้ซ่างกวานจ้งนั้นก็ได้ลังเลอยู่ตลอดว่าใครคู่ควรจะเป็นเจ้าของยาตัวนี้ แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าหลินฉีนั้นจะสามารถเอาชนะซ่างกวานอวี่และกลายมาเป็นเจ้าของยาแมลงราชันย์นี้ได้
“ยินดีด้วยนะพี่หลินฉี! ดูเหมือนว่าเมืองโม่ไห่ของพวกเราคงจะให้กำเนิดราชันย์เทพคนที่ 5 ได้ในไม่ช้า!”
หลังจากที่ได้ยินคำประกาศของซ่างกวานจ้ง ซ่างกวานอวี่ก็ได้มองไปที่หลินฉีด้วยความอิจฉาและยืนขึ้นแสดงความยินดีให้หลินฉี
ถึงแม้ว่าตัวเธอนั้นจะแอบเสียดายในใจ แต่ซ่างกวานอวี่ก็เคารพในการตัดสินใจของซ่างกวานจ้ง และไม่มีความไม่พอใจใดๆปรากฏในดวงตาของเธอ อย่างไรเสียถ้าไม่ใช่เพราะหลินฉีแล้ว เกรงว่าเมืองโม่ไห่นั้นคงไม่เพียงแค่ทำได้แต่มองดูเย่เย่ถูกสิงเทียนหมิงและพรรคพวกสังหารเพียงอย่างเดียว แต่กำลังใจของผู้คนในเมืองโม่ไห่นั้นก็คงจะหดหายหมดไปแล้วด้วย
ส่วนหลินฉีนั้นก็ได้แสดงความตื่นเต้นออกมาหลังจากที่ได้รับยามาจากซ่างกวานจ้ง
“ขอบพระคุณนายท่านมาก! ต่อจากนี้ไปศิษย์จะอุทิศตนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองโม่ไห่ของพวกเราให้โด่งดังไปทั่วทั้งดินแดนเทียนหนานอย่างแน่นอน!”
หลังจากที่เขารับกล่องที่ใส่ยาแมลงราชันย์มา หลินฉีก็ได้คุกเข่าให้กับซ่างกวานจ้งด้วยความเคารพและคำนับให้ด้วยความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขา
“ลุกขึ้นเถิด! เจ้าคู่ควรกับมันแล้ว”
ซ่างกวานจ้งก็ได้ประคองหลินฉีให้ลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่หลินฉีด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลาย
ถึงแม้ซ่างกวานอวี่เองก็มีวรยุทธ์ถึงระดับสูงสุดของจอมเทพแล้วเช่นกัน แต่ซ่างกวานจ้งก็รู้ดีว่าหลินฉีนั้นมีโอกาสที่จะบรรลุขึ้นเป็นราชันย์เทพหลังจากที่ทานยาแมลงราชันย์มากกว่าซ่างกวานอวี่ เมื่อรวมกับสถานการณ์วิกฤติในดินแดนเทียนหนานด้วยแล้ว เมืองโม่ไห่ในเวลานี้สมควรที่จะเสริมกำลังพลให้มากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทำไมซ่างกวานจ้งถึงได้มอบยาแมลงราชันย์ให้หลินฉีเพื่อเพิ่มความจงรักภักดีของหลินฉี
ไม่เพียงแค่นั้นแต่การที่ซ่างกวานจ้งนั้นตกรางวัลให้หลินฉีด้วยยาแมลงราชันย์ที่แสนล้ำค่าต่อหน้าเย่เย่นั้น ก็เพื่อที่จะแสดงถึงความตั้งใจของเขาที่จะสร้างยอดฝีมืออย่างสุดตัว แม้ว่าซ่างกวานจ้นนั้นจะไม่ได้เชิญเย่เย่อย่างเป็นทางการก็ตามที แต่ก็มีความหมายเย้ายวนให้เย่เย่เข้าร่วมกับเมืองโม่ไห่อย่างชัดเจนในตัวของมัน
แต่ทว่าเย่เย่นั้นก็มองอีกจุดประสงค์นึงในท่าทีของ ซ่างกวานจ้งออก ซึ่งได้ทำให้เย่เย่นั้นเข้าใจถึงแผนการต่อไปของเขาอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าเป็นเพราะซ่างกวานอวี่นั้นได้ชักชวนเย่เย่ไปแล้ว ซ่างกวานจ้งจึงได้ไม่ต้องการที่จะไปเร่งเย่เย่ให้ตัดสินใจเท่าที่จะทำได้ ตัวเขาจึงได้ใช้วิธีตกรางวัลให้หลินฉีเพื่อยั่วยวนให้เย่เย่มาเข้าร่วมกับเมืองโม่ไห่เอง แต่ทว่าในฐานะเจ้าเมืองโม่ไห่แล้ว ซ่างกวานจ้งนั้นไม่สามารถที่จะละเลยถึงคุณค่าที่แท้จริงของผู้มาจุติได้ ดังนั้นท่าทีที่ใจเย็นและนิ่งเฉยที่มีต่อเย่เย่ของเขานั้นจึงเหมือนดูไม่สมเหตุสมผล
แต่พอเย่เย่คิดได้เช่นนี้แล้ว ตัวเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมซ่างกวานจ้งถึงได้ทำเช่นนั้น
จริงๆแล้วนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมซ่างกวานจ้งนั้นถึงได้ตกรางวัลให้หลินฉีด้วยยาแมลงราชันย์อันแสนล้ำค่า เนื่องด้วยสถานการณ์ที่ขึ้นๆลงๆของดินแดนเทียนหนานนั้น ความต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของเมืองโม่ไห่นั้นมีมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ถึงแม้ว่าผู้มาจุตินั้นจะมีพลังซ่อนเร้นที่ไร้ขีดจำกัด แต่ก็ยังต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากมายในการฝึกวิชาเพื่อที่จะได้แสดงผลของมันอย่างเต็มที่ แต่ทว่าในปัจจุบันเมืองโม่ไห่นั้นไม่มีเวลามากพอที่จะฝึกฝนเย่เย่ ยิ่งการทำให้เย่เย่มีความจงรักภักดีต่อเมืองโม่ไห่ในระยะเวลาสั้นๆนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดังนั้นในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้แล้วการเสริมความแข็งแกร่งและความภักดีภายในเมืองโม่ไห่นั้นสำคัญไม่แพ้ผู้มาจุติ
หากเทียนกับเจ้าเมืองหลงเจียงที่ตกอยู่ในความคลุ้มคลั่งทันทีที่ได้ยินคำว่า“ผู้มาจุติ”แล้ว ซ่างกวานจ้งกลับเลือกที่จะรักษาระยะห่างกับผู้มาจุติแทน ซึ่งในฐานะที่เป็นเจ้าเมืองเหมือนกันแล้ว ความคิดของเขานั้นดีกว่าสิงเทียนหมิงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนขุมอำนาจอื่นๆในดินแดนเทียนหนานที่แข็งแกร่งกว่าเมืองโม่ไห่นั้นยังคนอยู่เงียบๆหลังจากที่รู้ว่ามีผู้มาจุติปรากฏตัวอยู่ในเมืองโม่ไห่ แล้วพวกเขาต่างก็มีความคิดคล้ายๆกับ ซ่างกวานจ้ง
แต่อย่างไรก็ตามนอกจากเรื่องที่ตัวเขาเป็นผู้มาจุติแล้ว เย่เย่เองก็ยังเป็นยอดฝีมือราชันย์เทพในระดับไม่ธรรมดาด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าตัวเขานั้นถูกซ่างกวานจ้งกับคนอื่นๆดูแคลนเพราะอายุของเขาก็ตามที แต่เย่เย่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะแสดงพลังของเขาให้เห็นเช่นกัน
แม้ว่าเย่เย่นั้นจะรู้เรื่องนี้ดี หากในเวลานี้ตัวเขาได้ก้มหัวให้แล้วแสดงเจตนารมณ์ว่าตัวเขานั้นต้องการที่จะเข้าร่วมกับเมืองโม่ไห่แล้ว ซ่างกวานจ้งก็คงจะต้องกางแขนต้อนรับเขาด้วยความยินดีอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วการตัดสินใจเรื่องต่างๆก็จะถูกย้ายจากเย่เย่มายังซ่างกวานจ้ง แล้วในอนาคตหากว่าเย่เย่นั้นสามารถกลายมาเป็นแกนนำของเมืองโม่ไห่ได้สำเร็จ ซ่างกวานจ้งกับคนอื่นๆนั้นก็จะไม่ให้ความสนใจในตัวเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และแน่นอนว่าจะไม่ลงทุนทรัพยากรจำนวนมากให้เย่เย่เพื่อช่วยให้เขาพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นเย่เย่จึงได้ตัดสินใจที่จะเงียบเอาไว้และรักษาระยะห่างกับซ่างกวานจ้งผู้ที่มีความอดทนมากกว่าใครๆ!
ถึงแม้ว่าในการจัดการกับภัยที่มาจากเมืองหลงเจียงในวันนี้ไปได้ แต่เย่เย่ก็ได้มีความประทับใจที่ดีต่อเมืองโม่ไห่และรู้สึกได้ว่าอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเข้าร่วมกับพวกเขาเป็นการชั่วคราว แต่เย่เย่นั้นไม่อาจที่จะละทิ้งสถานะของเขาและพูดออกมาได้ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นเป้าหมายในการเพิ่มพูนพลังในการฝึกวิชาของจวนเจ้าเมืองหลังจากที่เข้าร่วมกับโม่ไห่แล้วนั้น ต่อให้ต้องตกเป็นเป้าของขุมอำนาจที่ทรงพลังมาแล้ว เย่เย่ก็จะได้มีโอกาสที่จะแสดงความแข็งแกร่งของเขาให้ได้เห็นด้วย