ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 307 นักโทษ
บทที่ 307
นักโทษ
โชคยังดีที่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนั้นยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งกว่าเย่เย่จะฟื้นคืนสติขึ้นมาได้นั้นก็ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนั้นถูกขังเอาไว้ในคุกเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งคุกนี้มีกำแพงทั้ง 3 ด้าน มีอยู่เพียงด้านเดียวที่หันหน้าให้ทางเดินและถูกปิดเอาไว้ด้วยรั้วที่ทำจากวัตถุดิบพิเศษ ซึ่งเย่เย่นั้นสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงทางเดินได้ผ่านรั้วนี้
ถึงแม้ว่าที่ตัวของเขาจะถูกสวมชุดนักโทษอยู่ แต่ลูกประคำสีดำ, แหวนและโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของเขานั้นได้ถูกเอาไปแล้ว จึงได้มีแววตาตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าของเขาและได้พยายามฝืนลุกขึ้นมา แต่ทันทีที่เขาขยับตัวนั้นก็ได้มีอาการบาดเจ็บที่เสียดแทงไปถึงหัวใจตามร่างกายของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นยังไม่หายดีนัก
“เจ้ากำลังมองหาของพวกนี้อยู่อย่างนั้นเหรอ?”
ในขณะที่เย่เย่ได้ถูกบังคับกลับให้ไปอยู่ในท่าทางเดิมอยู่นั้นเอง ซ่างกวานอวี่ที่พาหลินฉีมาด้วยก็ได้ยืนอยู่ข้างนอกกรง แล้วนางก็ได้ถามเย่เย่ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชารอดผ่านกรงนั้นในขณะที่กำลังถือลูกประคำ, แหวนและโทรศัพท์ที่นางเอาออกมาจากในมือของเย่เย่
เย่เย่เองก็ตกใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นซ่างกวานอวี่นั้นยังมีบรรยากาศของความเป็นผู้นำอีกด้วย ซึ่งถ้าหากเป็นเย่เย่เมื่อก่อนแล้วก็เกรงว่าคงจะสะดุ้งรีบก้มหัวหมอบกราบอีกฝ่ายโดยพลันไปแล้ว
“เจ้าเป็นใครกัน? คืนของของข้ามานะ!”
ถึงแม้ว่าซ่างกวานอี่นั้นจะน่ามองยิ่งนัก แต่ไม่นานนัก เย่เย่ก็ได้พุ่งความสนใจไปที่ทั้งสามสิ่งที่อยู่ในมือของซ่างกวานอวี่ และมีสีหน้าที่สง่าผ่าเผยปรากฏบนใบหน้าของเขา
ไม่ว่าจะเป็นลูกประคำสีดำของชุดเกราะสวรรค์นภาทมิฬก็ดี, แหวนโบราณของอารามวิถีสวรรค์ก็ดีหรือจะเป็นโทรศัพท์มือถือก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นรากฐานของความรุ่งเรืองของเย่เย่ ถ้าหากว่าเย่เย่นั้นสูญเสียสิ่งของทั้ง 3 อย่างนี้ไป อย่าว่าแต่มาที่แผ่นดินว่านหลิงเพื่อสู้กับทัณฑ์สวรรค์เลยแม้แต่จะป้องกันตัวเองก็ยังเป็นปัญหาเลย
ซ่างกวานอวี่นั้นก็รู้สึกได้ว่าเย่เย่นั้นให้ความสำคัญกับสิ่งของทั้งสามสิ่งนี้อย่างเห็นได้ชัด แล้วก็ได้มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอขึ้นมาทันที เธอได้ส่งสิ่งของทั้งสามอย่างนั้นให้กับหลินฉีที่อยู่ข้างๆเธอแล้วก็ได้ก้าวเดินเข้ามาหาและพูดขึ้นมาต่อ “เจ้าถามว่าพวกเราเป็นใครอย่างนั้นสินะ ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเจ้าเป็นใครเหมือนกัน? แล้วทำไมถึงได้ตกมาจากท้องฟ้าและทำลายพิธีของพวกเราด้วย? ถ้าหากว่าเจ้าไม่สามารถให้คำตอบที่ทำให้ข้าพอใจได้ล่ะก็ เจ้าก็อย่าหวังจะได้ออกไปจากคุกของเมืองโบราณโม่ไห่ของพวกเราเลย!”
เหตุผลที่ว่าทำไมซ่างกวานอวี่ถึงได้จับกุมเย่เย่แล้วโยนเขาเข้ามาอยู่ในคุกและสอบปากคำเขาเช่นนี้นั้นก็เพราะว่าหลังจากที่เย่เย่ได้ปรากฏตัวออกมานั้น ถึงแม้ว่าพิธีบูชานั้นจะถูกทำลายไปก็ตามที แต่มังกรสองหัวที่ควรจะปรากฏตัวออกมากลับไม่ปรากฏตัวออกมาเลย
ซึ่งถ้าหากมังกรสองหัวนั้นสามารถบรรลุขึ้นสู่ชั้นจักรพรรดิเทพได้จริงๆอย่างที่พวกเขาคาดเอาไว้ และมาปรากฏตัวที่พิธีบูชาที่อยู่ในสภาพเละเทะไปแล้วนั้นล่ะก็ สิ่งที่ตามมาคงไม่ใช่สิ่งที่เมืองโบราณโม่ไห่นั้นจะต้านทานได้แน่ และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ซ่างกวานอวี่นั้นจะมีโอกาสได้มาสอบปากคำถึงที่มาของเย่เย่เช่นนี้
แต่ทว่าเรื่องนี้ก็ยังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเมืองโบราณโม่ไห่อยู่ดี ซึ่งผู้คนในเมืองเกือบทั้งหมดนั้นต่างก็กังวลว่าเรื่องนี้จะไปทำให้มังกรสองหัวที่บรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพนั้นโกรธเข้า ดังนั้นพวกเขาจึงได้ขอให้ทางเจ้าเมืองจัดการลงโทษ เย่เย่ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปให้สาสม
แต่ทว่าก่อนที่จะจัดการกับเย่เย่นั้น ซ่างกวานอวี่นั้นก็อยากที่จะถามถึงเบื้องหลังและจุดประสงค์ของเย่เย่ ถึงแม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าเย่เย่นั้นจะเกี่ยวข้องอะไรกับการหายไปของมังกรสองหัวที่พิธีบูชาหรือไม่ก็ตามที แต่ภายใต้แรงกดดันของผู้คนจำนวนมากแล้ว โอกาสที่เย่เย่จะกลายเป็นแพะรับบาปนั้นสูงมาก
“เมืองโบราณโม่ไห่งั้นเหรอ? นี่ข้ามาถึงแผ่นดินว่านหลิงแล้วอย่างนั้นเหรอ?” เมื่อเย่เย่ได้ยินที่ซ่างกวานอวี่กล่าวแล้ว ก็ได้มีความตกใจในดวงตาของเขา
เมื่อซ่างกวานอวี่กับหลินฉีนั้นเห็นท่าทีของเย่เย่แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวดพร้อมกัน ราวกับว่าพวกเขานั้นพอที่จะเดาที่มาของเย่เย่ได้
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ถามอะไรต่อ เย่เย่ที่เรียบเรียงความคิดเสร็จก็ได้ตอบกลับไป “ชื่อของข้าคือเย่เย่ เป็นจอมยุทธ์พเนจรมาจากเกาะที่อยู่อีกฟากของทะเล แต่แล้วข้าก็ได้เข้าไปในพายุทะเลคลั่งแล้วจากนั้นก็พลันหมดสติไป ส่วนเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าหมดสติไปนั้น ข้าก็นึกอะไรไม่ออกเลยสักนิด”
เย่เย่นั้นได้เรียนมาจากเหยียนลี่หยางมานานแล้วว่า นอกจากแผ่นดินชางหลางแล้วยังมีเกาะเล็กๆอีกมากมายหลายเกาะในทะเล และมีจอมยุทธ์พเนจรมากมายมาจากเกาะเหล่านั้น ดังนั้นคำตอบของเย่เย่นั้นจึงไม่ได้ผิดแปลกอะไร เป็นคำตอบที่มีเหตุผลมารองรับจะสงสัยก็เพียงว่าตัวเขานั้นรอดมาจากพายุทะเลคลั่งได้อย่างไร
เมื่อซ่างกวานอวี่กับหลินฉีนั้นเห็นท่าทางตอบสนองของเย่เย่เมื่อสักครู่แล้ว พวกเขาเองก็คิดว่าเย่เย่นั้นเป็นคนที่มาจากเกาะในทะเลจริงๆ แต่พอทั้งคู่ได้ยินว่าเย่เย่นั้นได้หนีออกมาจากพายุทะเลคลั่งได้ ก็ได้มีสีหน้าตกใจปรากฏบนใบหน้าของเขาทันที
“เป็นไปไม่ได้! พายุทะเลคลั่งนั้นถูกเรียกอีกชื่อว่ากรงกักขังจอมยุทธ์ ซึ่งหากตกเข้าไปข้างในแล้ว หากว่ามีพลังไม่ถึงระดับราชันย์เทพแล้วก็เรียกได้ว่าหมดสิทธิ์รอด แล้วเจ้า…..”
หลังจากที่ได้ยินที่เย่เย่ตอบซ่างกวานอวี่ก็ไม่อยากเชื่อทันที เพราะว่าเย่เย่นั้นดูยังไงก็เหมือนจะมีอายุพอๆกันกับเธอ ซึ่งแม้ว่าตัวเธอกับหลินฉีนั้นจะได้การช่วยเหลือจากทรัพย์สินมากมายจากเมืองโบราณโม่ไห่ แต่ก็ยังมาถึงแค่ระดับสูงสุดของจอมเทพเท่านั้น แต่จอมยุทธ์พเนจรจากอีกฟากของทะเลอย่าง เย่เย่นั้นไม่น่าที่จะบรรลุถึงขั้นราชันย์เทพได้
แต่ทว่าก่อนที่เธอจะได้พูดจบ เย่เย่ก็ได้ปล่อยแรงกดดันเฉพาะตัวของเขาในระดับราชันย์เทพออกมาและเข้ากดดัน ซ่างกวานอวี่และหลินฉีทันที
ตุบ!
ถึงแม้ว่าแรงกดดันนั้นจะอ่อนมากก็ตาม แต่ก็ยังแฝงซึ่งความน่าเกรงขามระดับราชันย์เทพเอาไว้ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันกับพลังที่แผ่ออกมาจากซ่างกวานจ้ง เจ้าเมืองโบราณโม่ไห่ ดังนั้นซ่างกวานอวี่จึงได้รีบปิดปากเล็กๆของเธอแล้วมองไปที่เย่เย่ด้วยสีหน้าที่ตกใจและอิจฉา
“ไม่นานมานี้ ตัวข้านั้นโชคดีสามารถบรรลุขึ้นราชันย์เทพมาได้ จึงได้อยากที่จะออกจากเกาะที่ข้าอยู่แล้วมุ่งหน้ามายังแผ่นดินว่านหลิง ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ข้าได้ทำอะไรล่วงเกินแม่นางไปได้โปรดช่วยยกโทษให้ข้าด้วย! ข้าเย่เย่ยินดีที่จะชดใช้ให้ในสิ่งที่เมืองโบราณโม่ไห่สูญเสียไป ขอเพียงแม่นางได้โปรดช่วยคืนข้าวของพวกนั้นให้ข้าด้วย!”
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่นั้นตกใจกับพลังของเขาแล้ว เย่เย่ก็ได้เผยความต้องการของเขาออกมาโดยไม่ทั้งเย่อหยิ่งหรือถ่อมตัวแต่อย่างใด
เพราะว่าในสิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อสักครู่นั้นจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง และวรยุทธ์ของเย่เย่นั้นก็อยู่ในระดับราชันย์เทพทำให้ ซ่างกวานอวี่และหลินฉีนั้นต้องตกตะลึงไปชั่วขณะ ทำให้ทั้งคู่นั้นหายสงสัยในคำพูดของเย่เย่
เพียงแต่ว่าพิธีบูชานั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน แม้ว่าเย่เย่นั้นจะเป็นจอมยุทธ์ในระดับราชันย์เทพก็ตาม แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะปล่อยเขาให้รอดจากเรื่องในครั้งนี้ได้ง่ายๆอยู่ดี นอกจากนี้ตัวเขาเองก็บาดเจ็บสาหัสมากด้วยทำให้พลังของเขานั้นตกลงไปมากกว่าครึ่ง ทำให้ความเป็นภัยต่อพวกซ่างกวานอวี่นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากนัก
หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ ซ่างกวานอวี่ก็ได้หยิบโทรศัพท์มือของเย่เย่ออกมาจากมือของหลินฉีและส่งคืนให้เย่เย่ผ่านช่องว่างของกรง
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นจอมยุทธ์ราชันย์เทพจริง พวกเราก็ไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้ง่ายๆอยู่ดีจนกว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้เรียบร้อย แต่ถ้าหากว่าเจ้าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่พวกเรามา ข้าก็จะรับรองความปลอดภัยของเจ้าอย่างเต็มที่ ข้าจะคืนสิ่งนี้ให้เจ้าก่อน รับไปสิ แต่ที่เหลืออย่างแหวนกับลูกประคำนั้นขึ้นอยู่กับท่าทีของเจ้าแล้วล่ะนะ”
หลังจากที่ซ่างกวานอวี่คืนโทรศัพท์มือถือให้เย่เย่เสร็จ เธอก็ได้ต่อรองเย่เย่ราวกับว่าตัวเธอนั้นอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับพายุทะเลคลั่งจากเย่เย่มากกว่านี้
อย่างไรก็ดีต่อให้เย่เย่นั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับการหายไปของมังกรสองหัวก็ตามที แต่ตัวเขาก็ได้เข้าไปในพายุทะเลคลั่งด้วยบางทีเย่เย่นั้นอาจจะมีข้อมูลอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์ให้แก่เธอก็ได้ ในเวลานี้การค้นหาที่อยู่ของมังกรสองหัวนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆของเมืองโบราณโม่ไห่ ซ่างกวานอวี่จึงได้ยังไม่คิดที่จะปล่อยเย่เย่ไปง่ายๆแม้ว่าตัวเธอนั้นจะรู้ว่าเย่เย่นั้นแข็งแกร่งในระดับราชันย์เทพก็ตามที
หลังจากที่เย่เย่รับโทรศัพท์มา เขาก็ได้จ้องมองไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกเล็กน้อย
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าในสายตาของซ่างกวานอวี่กับหลินฉีนั้น โทรศัพท์มือถือนั้นเป็นของที่ดูไร้ค่ามากที่สุดในบรรดาของทั้งสามอย่างของเย่เย่ เพราะว่าทั้งคู่นั้นไม่รู้สึกได้ถึงพลังปราณแผ่ออกมาจากในโทรศัพท์เลย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นลูกประคำสีดำก็ดีหรือจะเป็นแหวนที่ดูธรรมดาๆก็ดี ต่างก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาทำให้รู้ว่าไม่ใช่ของที่ธรรมดาแน่ๆ ดังนั้นซ่างกวานอวี่จึงได้เลือกที่จะคืนโทรศัพท์มือถือให้เย่เย่ก่อน
แต่ทั้งสองคนนั้นหารู้ไม่ว่าโทรศัพท์มือถือนั้นถือเป็นไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดของเย่เย่ ซึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมตัวเขาที่เพิ่งมาที่โลกนี้ได้ไม่ทันไรแต่กลับสามารถรุ่งโรจน์กลายเป็นยอดฝีมือระดับราชันย์เทพได้ในระยะเวลาสั้นๆนั้น ก็เป็นเพราะโทรศัพท์เครื่องนี้มีบทบาทสำคัญอย่างมาก ซึ่งเป็นเพราะพวกเขานั้นไม่รู้ถึงเรื่องนี้ ทำให้เย่เย่ได้โทรศัพท์คืนมาอย่างง่ายดาย ทีนี้ก็เหลือแค่หาแผนรับมือและเอาของที่เหลือคืนกลับมาเท่านั้น
“เจ้าอยากที่จะรู้เรื่องไหนล่ะ? ถ้าหากว่าข้ารู้ข้าจะบอกโดยไม่ปิดบังเลย”
แต่สถานการณ์นั้นก็ยังคงเป็นรองอยู่ดี ถึงแม้ว่าซ่างกวานอวี่กับหลินฉีนั้นจะอยู่แค่ในระดับจอมเทพ แต่เย่นั้นไม่เพียงแต่จะบาดเจ็บสาหัสแต่ยังเป็นนักโทษของอีกฝ่ายอีกด้วย ทำให้เขาจึงยอมร่วมมือและให้ข้อมูลกับอีกฝ่ายชั่วคราว ส่วนเรื่องที่จะหนีออกไปจากที่นี่ยังไงนั้นเย่เย่ทำได้แค่คิดแผนในระยะยาวเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทียอมร่วมมือของเย่เย่และไม่ปล่อยพลังของราชันย์เทพออกมาแล้ว ซ่างกวานอวี่จึงได้เผยสีหน้าที่พึงพอใจออกมา จากนั้นเธอก็ได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ของมังกรสองหัวกับเมืองโบราณโม่ไห่ให้ฟังคร่าวๆ รวมถึงของการทำพิธีกรรมแล้วจากนั้นก็ได้ถามเย่เย่อย่างกระวนกระวายใจ “ในตอนที่เจ้าติดอยู่ในพายุทะเลคลั่งนั้น เจ้าเห็นมังกรสองหัวบ้างหรือไม่? แล้วมันได้บรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพจริงหรือเปล่า? ข้อมูลพวกนี้มันสำคัญมากกับเมืองโบราณโม่ไห่ของพวกเรา ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมบอกกับข้ามาตามจริง!”
เมื่อพูดถึงมังกรสองหัวแล้วสีหน้าของซ่างกวานอวี่นั้นก็ได้จริงจังขึ้นมาอย่างชัดเจน และดวงตาของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะให้เย่เย่ยอมคลายเรื่องที่เขารู้ออกมาแล้วนั้น ซ่างกวานอวี่ก็ได้เปลี่ยนท่าทีของเธอที่มีต่อเขาและมีน้ำเสียงที่สุภาพมากขึ้น
“ตอนนี้มันก็อยู่ในแหวนในมือของเจ้าไง!”
สีหน้าของเย่เย่นั้นก็ได้ลำบากใจมากขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ได้ยินที่ซ่างกวานอวี่กล่าว จนทำให้เขานั้นเกือบที่จะหลุดปากบอกที่อยู่ของมังกรสองหัวออกไป
แต่เย่เย่นั้นไม่คิดที่จะเผยความลับของเขาออกไปง่ายๆ ตัวเขาจึงได้ล้มเลิกความคิดที่จะบอกความจริงออกไป
“เมื่อได้ยินที่เจ้าพูดแล้วเหมือนข้าพอจะนึกอะไรออกได้ ก่อนที่ข้าจะหมดสติไปนั้นเหมือนได้ยินเสียงคำรามที่ฟังดูคล้ายมังกรอยู่ บางทีอาจจะเป็นมังกรสองหัวที่เจ้าพูดถึงก็ได้ ซึ่งพลังกดดันที่อีกฝ่ายปล่อยออกมานั้นทรงพลังอย่างมากและน่าจะเหนือกว่าระดับราชันย์เทพไปแล้ว ตอนแรกข้าก็คิดว่ามันอาจจะเป็นภาพหลอน แต่หลังจากนั้นข้าก็ได้หมดสติไปเพราะบาดเจ็บสาหัส ซึ่งมังกรสองหัวอยู่ที่ไหนนั้นข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เย่เย่นั้นก็ได้จงใจแสดงสีหน้าออกไปตามที่เขาคิดเอาไว้ ในตอนที่พูดถึงเรื่องของมังกรสองหัวนั้น ดวงตาของเขาก็ได้เผยซึ่งความกลัวออกมา ซึ่งได้ทำให้ซ่างกวานอวี่กับหลินฉีนั้นมีสีหน้าที่เคร่งเครียดออกมา
ในเวลานี้ทั้งคู่นั้นมั่นใจแล้วว่ามังกรสองหัวนั้นได้บรรลุถึงขั้นจักรพรรดิเทพเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมมังกรสองหัวนั้นถึงไม่ได้มาปรากฏตัวที่พิธีกรรมหรือโจมตีเมืองโบราณโม่ไห่ก็ตามที แต่ท่าทีของพวกเขานั้นที่มีต่อมังกรสองหัวนั้นก็ได้มาถึงในระดับสูงสุดแล้ว
อย่างไรเสียหากว่าเรื่องนี้ไม่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว เมืองโบราณโม่ไห่ก็คงจะได้อยู่ในภาวะวิกฤติเป็นแน่ ซึ่งแม้ว่าก่อนที่มังกรสองหัวจะมาโจมตีนั้น แล้วข่าวนี้เกิดรั่วไหลออกไปคงได้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นในเมืองโบราณโม่ไห่เป็นแน่ ทำให้ซ่างกวานอวี่นั้นจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง