ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 306 เมืองโบราณโม่ไห่
บทที่ 306
เมืองโบราณโม่ไห่
“พวกเราก็รีบไปกันเถอะ!”
จ้องมองไปที่พายุทะเลคลั่งที่อยู่ในสภาพคลุ้มคลั่งแล้ว เย่เย่ก็ได้รีบสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวกับเหยียนลี่หยางที่อยู่ใกล้ๆอย่างจริงจัง
บางทีอาจเป็นเพราะการต่อสู้กับมังกรสองหัวเมื่อสักครู่นี้ทำให้พลังลมปราณในอากาศสูญเสียภายในตาพายุนี้สูญเสียการควบคุมไป ในเวลานี้ความรุนแรงของพายุทะเลคลั่งนั้นมากกว่าเดิมหลายเท่ากว่าตอนที่เย่เย่กับเหยียนลี่หยางนั้นเข้ามาข้างในนี้ และดูเหมือนว่าจะยังเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ถ้าหากพวกเขาไม่รีบออกไปแม้แต่เย่เย่ที่มีพลังระดับจักรพรรดิเทพหลังจากที่สวมเกราะสวรรค์นภาทมิฬแล้วนั้นก็มีโอกาสรอดไปได้อย่างฉิวเฉียดเท่านั้น
ในขณะที่เขากำลังคุยกันอยู่นั้นเย่เย่ก็ได้หยิบเอาแหวนเก่าๆดาดๆออกมาอีกครั้งแล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นอารามวิถีสวรรค์ ด้วยการสะบัดมือของเย่เย่ก็ได้บรรจุศพของมังกรสองหัวเข้าไปในพื้นที่ว่าบนชั้น 9 ของอารามวิถีสวรรค์
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!
เหยียนลี่หยางก็ได้เข้าไปในอารามวิถีสวรรค์พร้อมรอยยิ้ม แน่นอนว่าตัวเขานั้นพึงพอใจกับผลลัพธ์ในวันนี้มาก
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วเย่เย่ก็ได้รีบเปลี่ยนร่างอารามวิถีสวรรค์ให้กลับกลายเป็นแหวนแล้วจากนั้นก็ได้รีบฝ่าพายุทะเลคลั่งออกไปทันที และมุ่งหน้าไปยังแผ่นดินว่านหลิงอย่างสุดกำลัง
ซู่ๆๆๆ!
ภายในพายุทะเลคลั่งนั้นราวกับว่ามันคลุ้มคลั่งหนักขึ้นเรื่อยๆเพื่อป้องกันไม่ให้เย่เย่ออกไปได้ ด้วยการหมุนอย่างต่อเนื่องของพายุน้ำวนนี้ ทำให้พลังปราณที่มองไม่เห็นนั้นได้ส่งเสียงเสียดแทงหัวใจดังเข้าหูของเย่เย่ และมีพลังกดดันที่ช่างยากเกินจะรับไหวแม้ว่าเย่เย่จะสวมชุดเกราะอยู่ก็ตาม
“แย่ล่ะ! ดูเหมือนว่าเราจะจะประเมินพลังของพายุทะเลคลั่งต่ำเกินไป!”
เย่เย่ก็ได้มีใบหน้าเคร่งขรึมอย่างสุดๆ แต่เมื่อมาถึง ณ จุดจุดนี้แล้วตัวเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกัดฟันทนฝืนและพยายามฝ่าพายุทะเลคลั่งนี้ไปให้ได้
เพราะการต่อสู้กับมังกรสองหัวเมื่อสักครู่นั้นได้ทำให้สมดุลของพลังปราณในอากาศภายในใจกลางพายุสูญเสียไป ทำให้พลังของพายุของทะเลคลั่งนั้นรุนแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งในขณะที่เย่เย่กำลังพยายามฝ่าพายุทะเลคลั่งออกไปให้ได้อยู่นั้น ตัวเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังของพายุทะเลคลั่งที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามันตั้งใจทำเช่นนั้นเพื่อเล่นงานเขาและพลังที่กดดันนี้ก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฮึ่ม! ไม่เชื่อหรอกว่าวันนี้ข้าจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้!”
ในชั่วขณะวิกฤติที่ชี้เป็นชี้ตายนั้นเอง เย่เย่ก็ได้เกรี้ยวกราดขึ้นมา ตัวเขากัดฟันแน่นและเร่งความเร็วฝ่าวงพายุนี้ออกไปให้ได้
ซึ่งในขณะที่เย่เย่ได้เข้าประชิดขอบพายุทะเลคลั่งและกำลังจะฝ่าออกไปได้อยู่นั้นเอง ก็เหมือนมีพลังกดดันที่บีบร่างของเย่เย่ทั่วทั้งตัวของเขา ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเขาสวมชุดเกราะสวรรค์นภาทมิฬอยู่ ตัวเขาก็คงถูกพายุทะเลคลั่งป่นจนกลายเป็นผงไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ในเวลานี้เย่เย่นั้นจะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายสุดๆแล้ว เพราะเขารู้สึกได้ว่าเกราะสวรรค์นภาทมิฬนั้นกำลังส่งเสียงที่เศร้าโศกออกมา ราวกับว่ามันจะแตกสลายในชั่วขณะต่อมา
“แย่แล้ว!”
เย่เย่ก็ได้มีแววตาตกใจในดวงตาและมีสีหน้าที่กระวนกระวายปรากฏบนใบหน้าของเขา แต่ทว่าไร้ซึ่งโอกาสให้เขาได้คิดหาทางอื่น เกราะสวรรค์นภาทมิฬก็ได้แตกออกเสียงดังลั่นทันที และกลายเป็นลูกประคำสีดำลอยเข้ามาในมือของเย่เย่
เย่เย่ก็ได้คว้าลูกประคำสีดำนั้นเอาไว้ และอีกมือก็ได้คว้าเอาแหวนที่ดูธรรมดาๆและโทรศัพท์มือถือที่สุดแสนสำคัญเอาไว้ แล้วได้ทำการฝ่าวงพายุออกไปอย่างสุดกำลัง ซึ่งพลังกดดันที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้นั้นก็ได้เข้ามาถั่งโถมเข้ามาหาเขาในทันทีเช่นกัน
“อ๊าก!”
สีผ้าของเย่เย่ก็ได้ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆในทันที ซึ่งหลังจากที่เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตัวเขาก็ได้หมดสติและจมลงไปในความมืด
อีกทางด้านหนึ่งของพายุทะเลคลั่งนั้นมีชายฝั่งของแผ่นดินว่านไหลอยู่ไม่ไกล
และที่ชายหาดนั้นเองก็ได้มีกลุ่มคนชายหญิงที่มีสีหน้าจริงจังอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งในเวลานี้ได้กำลังจัดทำพิธีบูชากันอย่างเต็มกำลัง ซึ่งมีทั้งวัว, แกะและสัตว์ต่างๆมากมายถูกจัดวางเอาไว้บนแทนบูชาโดยพวกเขา
ซึ่งที่ด้านข้างของแท่นบูชานี้ได้มีลวดลายต่างๆถูกแกะสลักเอาไว้ และมีรูปแกะสลักมังกรสองหัวที่เย่เย่กับเหยียนลี่หยางนั้นเพิ่งจะสังหารไปอยู่ด้วย
“คุณหนูขอรับพิธีถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ในเวลานี้ก็เหลือแค่รอให้มังกรสองหัวปรากฏตัวออกมาขอรับ!”
หลังจากตรวจดูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาก็ได้เดินมารายงานหญิงสาวที่ดูภูมิฐานคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้สวมชุดสีม่วง รูปโฉมของนางนั้นทั้งดูชดช้อยและสง่างาม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความงดงามและหรูหรา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นตัวนางเองที่เป็นคนจัดพิธีในครั้งนี้ และเหล่าผู้คนชายหญิงต่างก็ได้มองมาที่หญิงสาวผู้นี้ด้วยความเคารพและดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและคาดหวังในตัวของผู้หญิงผู้นี้
“เข้าใจแล้ว เชิญพี่หลินไปพักผ่อนก่อนเถิด!”
หลังจากที่ได้ยินที่เด็กหนุ่มรายงานแล้ว หญิงสาวก็ได้ผงกหัวเล็กน้อยแล้วจากนั้นก็ได้หันหน้ากลับไปมองดูพายุขนาดยักษ์ที่อยู่ไกลๆอีกหนด้วยสายตาที่เป็นกังวลในดวงตาของเธอ
ในฐานะที่เป็นลูกสาวของเจ้าเมืองโบราณโม่ไห่แล้ว ซ่างกวานอวี่นั้นก็ได้ให้ความสำคัญกับเมืองโบราณโม่ไห่มาโดยตลอด ซึ่งเดิมทีก็ควรที่จะเป็นเจ้าเมืองที่จะต้องเป็นคนมาจัดพิธีนี้ด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อเจ้าเมืองนั้นไม่สามารถที่จะปลีกตัวออกมาได้นั้น ก็ต้องเป็นซ่างกวานอวี่ที่ต้องรับหน้าที่อันหนักอึ้งนี้ควบคุมดูแลการจัดพิธีนี้ขึ้นมา
แต่ซ่างกวานอวี่เองก็คงนึกไม่ถึงว่าพิธีการที่นางทำตามขั้นตอนนั้นจะมีสิ่งที่ไม่ปกติเกิดขึ้นในครั้งนี้
ซึ่งหากเทียบกับสัตว์ทะเลทั่วๆไปแล้ว มังกรสองหัวนั้นทรงพลังอย่างมากซึ่งแม้แต่เจ้าเมืองโบราณโม่ไห่นั้นก็ยังจนปัญญาที่จะทำอะไรได้ ดังนั้นในทุกๆครั้งที่มีพายุทะเลคลั่งเกิดขึ้น เมืองโบราณโม่ไห่แห่งนี้จึงทำได้แค่เพียงจัดพิธีบูชาขึ้นมาเพื่อเอาใจอีกฝ่าย เพื่อให้มังกรสองหัวจนจำนวนครั้งในการทำลายเรือที่สัญจรไปมาในบริเวณนั้น
ซึ่งมังกรสองหัวเองก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อย ซึ่งหลังจากที่ทานของที่นำมาถวายเรียบร้อยแล้ว มันก็จะเรียนรู้ที่จะทำตามข้อตกลงกับเมืองโบราณโม่ไห่และจะลดจำนวนที่จะทำลายเรือที่สัญจรไปมาลง ดังนั้นการจัดพิธีบูชานี้ขึ้นมานั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่อเมืองโบราณโม่ไห่แห่งนี้ ดังนั้นซ่างกวานอวี่ที่ได้เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องของการทำพิธีบูชาเป็นครั้งแรกนั้นจึงได้เห็นถึงความสำคัญอย่างมากของพิธีนี้
แต่ทว่าจากการรายงานของเรือที่ออกไปสำรวจดู ก็พบว่าความรุนแรงของพายุทะเลคลั่งลูกนี้นั้นรุนแรงมากขึ้นกว่าครั้งก่อนๆ ซึ่งไม่เพียงแค่นั้นตอนที่เรือสำรวจได้เข้าไปใกล้ๆพายุทะเลคลั่งนั้นก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังกดดันที่มหาศาลแผ่ออกมาจากข้างในอีกด้วย
พวกเขานั้นต่างก็คุ้นเคยกับพลังกดดันนี้ดีและสามารถยืนยันได้ว่าพลังที่แผ่ออกมานั้นเป็นของมังกรสองหัวแน่นอน แต่ที่ไปต่างจากเมื่อก่อนคือพลังกดดันนี้มีมากกว่าแต่ก่อนอย่างมาก ซึ่งเมื่อรวมกับพายุทะเลทรายคลั่งที่ต่างไปจากในเวลานี้แล้ว แล้วจู่ๆก็มีคำตอบเข้ามาในหัวของซ่างกวานอวี่และคนของนาง
นั่นคือมังกรสองหัวนั้นกำลังที่จะบรรลุชั้นและขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพเป็นแน่!
ซึ่งมังกรสองหัวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายอย่างสุดๆอยู่แล้ว และในตอนที่มันยังอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นราชันย์เทพนั้น หากว่าทางเมืองโบราณโม่ไห่นั้นไม่จัดพิธีบูชาอย่างยิ่งใหญ่แล้วทุกครั้งที่มีพายุทะเลคลั่งปรากฏแล้ว เกรงว่าจะไม่มีเรือลำไหนรอดจากมังกรสองหัวอีกเป็นแน่ แล้วยิ่งในเวลานี้มันได้บรรลุขึ้นเป็นราชันย์เทพไปแล้วอีกก็ไม่รู้เลยว่ามันยังจะยอมทำตามข้อตกลงของเมืองโบราณโม่ไห่อยู่อีกหรือไม่
ซึ่งอย่างแย่ที่สุดมังกรสองหัวก็คงมุ่งหน้ามาโจมตีเมืองโบราณโม่ไห่ในทันทีเป็นแน่ แล้วทั่วทั้งเมืองโบราณโม่ไห่ก็จะต้องเผชิญหน้ากับมหันตภัยนี้และราบเป็นหน้ากลองเป็นแน่
แต่ทว่าในเวลานี้ซ่างกวานจ้งผู้ที่เป็นเจ้าเมืองโบราณ โม่ไห่แห่งนี้นั้นกลับไม่ได้อยู่ในเมือง ทำให้ภาระทั้งหมดนั้นต้องตกมาอยู่กับซ่างกวานอวี่เพียงลำพัง ซึ่งทำให้ตัวเธอนั้นรู้สึกหนักใจยิ่งนัก
“คุณหนูไม่ต้องกังวลนะขอรับ ต่อให้มังกรสองหัวนั้นบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพได้จริงๆ แต่ก็คงไม่แยกเขี้ยวใส่เมืองโบราณโม่ไห่ของเราจริงๆหรอกขอรับ ขอเพียงแค่พวกเราจัดพิธีให้พร้อมก่อนตอนที่พายุทะเลคลั่งจะสลายไป พวกเราก็จะยังสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติแน่นอนขอรับ”
หลินฉีเด็กหนุ่มที่เข้ามารายงานซ่างกวานอวี่เมื่อสักครู่นั้นยังไม่ได้ถอยกลับไปในทันที เหมือนกับว่าเขานั้นมองเห็นถึงความกระวนกระวายของซ่างกวานอวี่ออก ตัวเขาจึงได้อยู่ต่อเพื่อปลอบนางอย่างอ่อนโยน
และเพราะหลินฉีนั้นเป็นลูกศิษย์ของซ่างกวานจ้ง จึงทำให้เขาสนิทกับซ่างกวานอวี่ ถึงแม้ว่าซ่างกวานอวี่นั้นจะเป็นคนที่คอยควบคุมพิธีบูชาในครั้งนี้ แต่หลินฉีนั้นก็รับผิดชอบการจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะอีกที
“ขอบคุณมากพี่หลิน ข้ารู้ดีว่าจะต้องทำเช่นไร!”
ซ่างกวานอวี่นั้นก็ได้ค่อยๆใจเย็นลง แล้วเธอก็ได้ยิ้มให้หลินฉีและเดินไปที่แท่นบูชา แล้วทำการสั่งผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเธอ “มีการเปลี่ยนแปลงแผนการเล็กน้อย ในตอนนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันกลับไปเอาของมาถวายเพิ่มอีก เรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงความอยู่รอดของเมืองโบราณโม่ไห่ของพวกเรา ดังนั้นทุกคนเร่งมือเข้า!”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ!”
ถึงแม้ว่าเหล่าคนของเจ้าเมืองนั้นจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พวกเขาก็ได้ขานรับคำสั่งด้วยความเคารพต่อผู้บังคับบัญชา และได้กลับหลังหันและรีบกลับไปเตรียมข้าวของมาถวายเพิ่ม
เพื่อที่จะเตรียมข้าวของให้พร้อมก่อนที่มังกรสองหัวนั้นจะปรากฏ ทุกคนรวมถึงซ่างกวานอวี่นั้นต่างก็วุ่นวายและพากันกลับไปนำเอาของมาถวายเพิ่มราวกับกำลังทำศึก
แต่ทว่าจู่ๆก็มีปรากฏการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจนได้ ซึ่งได้ทำให้ทุกคนนั้นต้องหยุดมือพร้อมกันและต่างก็หันไปมองที่แทนบูชาขนาดใหญ่ที่อยู่ที่ชายหาดด้วยใบหน้าอ้ำอึ้ง
ซู่!
มีชายร่างเปลือยที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดนั้นจู่ๆก็ตกลงมาจากฟากฟ้าและตกลงมาที่แท่นบูชาที่เต็มไปด้วยของที่นำมาถวายอย่างวัวและแกะ
“มอ~~~”
“แม่ะ~~~”
ทั้งวัวและแกะต่างก็พากันร้องเสียงหลง และเหล่าสัตว์จากที่อยู่กันอย่างเงียบๆเมื่อสักครู่ก็ได้พากันกระโดดหนีออกจากแท่นบูชาอย่างบ้าคลั่ง มีวัวและแกะบางตัวที่เละจมกองเลือดทันที แต่ก็ได้มีสัตว์บางตัวที่หนีรอดออกมาได้และพากันหนีไปยังทิศทางต่างๆ แล้วทั่วทั้งบริเวณพิธีบูชาก็ได้เกิดความโกลาหลกันเกิดขึ้น
“มันจบแล้ว!”
ซ่างกวานอวี่ก็ได้มองไปยังเบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง และมีเพียงความสิ้นหวังที่เหลืออยู่ในหัวของเธอ
ตอนแรกหลังจากที่คาดเดาว่ามังกรสองหัวนั้นคงจะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพเป็นแน่ เธอจึงได้ฝากความหวังเอาไว้กับของที่นำมาถวายที่พิธีบูชานี้ และหวังว่าของที่นำมาถวายนี้จะทำให้มังกรสองหัวนั้นพึงพอใจ และยอมที่จะทำตามข้อตกลงที่เคยทำไว้กับเมืองโบราณโม่ไห่ต่อ
ด้วยเหตุนี้นางจึงได้ให้คนนำของมาถวายเพิ่มอย่างสุดกำลัง และมุ่งมั่นที่จะทำให้มังกรสองหัวนั้นเห็นถึงความตั้งใจจริงของพวกเขา แต่ทว่าก่อนที่ของที่นำมาถวายเพิ่มนั้นจะได้มาถึง สิ่งของที่นำมาเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านั้นได้พากันหนีไปหมดแล้ว ทำให้ซ่างกวานอวี่นั้นไม่สามารถที่จะทำให้พิธีบูชานี้เสร็จสิ้นได้
ซึ่งชายร่างเปลือยบาดเจ็บสาหัสที่นอนอยู่บนแท่นบูชานี้ก็คือเย่เย่ที่รอดออกมาจากพายุทะเลคลั่งอย่างฉิวเฉียดนั่นเอง แต่ทว่าเย่เย่นั้นก็มีสภาพที่ย่ำแย่อย่างสุดๆและเกือบจะไม่รอด
นอกจากลูกประคำสีดำ กับแหวนโบราณธรรมดาๆและโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของเขาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เย่เย่นำติดตัวมานั้นล้วนถูกทำลายโดยพายุทะเลคลั่งจนหมดสิ้น ซึ่งจริงๆแล้วถ้าเขาไม่ได้ใช้พลังปราณของวิญญาณมังกรช่วยเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาเอาไว้ก่อนแล้ว ก็เกรงว่าทั่วทั้งร่างของเขานั้นก็คงจะถูกพายุทะเลคลั่งบิดจนเละไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ของเย่เย่ในเวลานี้นั้นก็ไม่สู้ดีสักเท่าไร เนื่องจากตัวเขานั้นบาดเจ็บสาหัสและเรี่ยวแรงก็ยังตกลงต่ำกว่าครึ่งหนึ่งแถมยังหมดสติอีกต่างหาก ถ้าหากผู้คนในเมืองโบราณโม่ไห่นั้นเกิดคิดจะปองร้ายเข้าขึ้นมา เย่เย่ก็คงจะได้มาถึงจุดจบแล้ว