ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 303 เก็บตัว
บทที่ 303
เก็บตัว
“ดี! ท่านประธานเย่นั้นคิดถึงแผ่นดินอยู่ในใจเสมอ ทำให้ข้าจ้าวฉินรู้สึกละอายใจนัก! ในเวลานี้ข้าขอสาบานในฐานะของราชวงศ์ใหม่ ว่าตราบเท่าที่หอการค้าใบหยกยินดีที่จะช่วยเหลือราชวงศ์ใหม่ของเราแล้ว ทางเราก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของหอการค้าใบหยกเช่นกัน! ถ้าหากข้าผิดคำสาบานนี้ขอให้สวรรค์ลงโทษใช้ฟ้าผ่าข้าให้ตาย! นอกจากนี้ทางราชวงศ์ใหม่เองก็จะไม่อนุญาตให้ใครก็ตามแอบหว่านเมล็ดความขัดแย้งอีก ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่จะเป็นยอดฝีมือของกองทัพอี้เหรินจะไปจัดการเลย แม้แต่ทางราชวงศ์ใหม่ก็จะออกมาด้วย และสังหารโจรไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
จ้าวฉินนั้นกังวลมากว่าเย่เย่นั้นจะยอมเข้าร่วมกับราชวงศ์ใหม่หรือไม่หากว่าเขาโมโหขึ้นมา ซึ่งในเวลานี้ตัวเขานั้นตื่นเต้นมากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาจึงได้รีบสาบานต่อสวรรค์กับเย่เย่อย่างจริงจังและจริงใจ
หากเทียบกับราชวงศ์ใหม่ที่เพิ่งจะเติบโตแล้ว หอการค้าใบหยกนั้นเติบโตมานานแล้วจนกลายมาเป็นขุมกำลังขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหลังจากที่เย่เย่นั้นได้ทำการสังหารอวี่เหวินจื้อไป หอการค้าใบหยกกับกองทัพอี้เหรินนั้นก็ได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครมาสักพักใหญ่ๆแล้ว หากว่าหอการค้าใบหยกยินดีเข้าร่วมแล้วล่ะก็ กำลังพลของราชวงศ์ใหม่นั้นก็จะสามารถเข้ายึดครองเท่าทั้งแผ่นดินชางหลางได้ในชั่วพริบตา และจะไม่มีกองกำลังใดๆนอกจากกองทัพอี้เหรินกล้าขัดคำสั่งของราชวงศ์ใหม่นี้
ดังนั้นต่อให้การปราบปรามกองกำลังพิทักษ์ราชาของจ้าวจิ่นนั้นจะส่งผลให้บาดเนื้อเฉือนกระดูกกับราชวงศ์ใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งก็ตาม จ้าวฉินก็ไม่ลังเลที่จะแสดงถึงความมุ่งมั่นของเขาให้เห็น อย่างไรเสียหากเทียบกับสิ่งที่ต้องเสียไปแล้ว ความแข็งแกร่งของราชวงศ์ใหม่ที่มีหอการค้าใบหยกมาเข้าร่วมแล้วก็จะเพิ่มพูนขึ้นมากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ส่วนเย่เย่นั้นก็ได้ผงกหัวอย่างจริงจังหลังจากที่ได้ยินคำสาบานของจ้าวฉิน และกล่าวกับจ้าวฉินราวกับเป็นลูกบุญธรรมของเขา “ต่อจากนี้ไปหอการค้าใบหยกกับแผ่นดินชางหลางนั้นต้องอาศัยฮ่องเต้อย่างท่านแล้ว!”
ในขณะที่พูดอยู่ เย่เย่ก็ได้ทำมือคารวะให้จ้าวฉินแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความนับถือ ราวกับตัวเขานั้นให้จ้าวฉินนั้นเป็นตัวตนที่อยู่ในระดับเดียวกับตัวเขา
ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่าเรื่องของการตัดสินใจของเย่เย่เมื่อสักครู่นี้เสียอีก ซึ่งได้ทำให้เหล่าผู้ที่เป็นพยานเหตุการณ์นี้ต่างก็เชื่อว่าเย่เย่นั้นไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าควบคุมราชวงศ์ใหม่จริงๆ
ซึ่งพวกเขาก็คงจะนึกไม่ถึงว่าในอนาคตอันใกล้นี้เย่เย่นั้นจะไปจากแผ่นดินชางหลางและมุ่งหน้าไปยังดินแดนว่านหลิง ซึ่งตัวเย่เย่เองก็ยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไปเช่นกัน ซึ่งก่อนที่เขาจะจากไปเขาจึงได้บอกให้หอการค้าใบหยกนั้นยอมสวามิภักดิ์เข้ากับราชวงศ์ใหม่ เพื่อเป็นการเตรียมหาทางออกให้กับทุกคนในหอการค้าใบหยก
อย่างไรก็ดีหากเทียบกับสมาชิกกองกำลังอี้เหรินแล้ว ทุกคนในหอการค้าใบหยกนั้นต่างก็ต้องถูกลากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ วังวนนี้โดยตัวเย่เย่เอง ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะสามารถสังหาร อวี่เหวินจื้อได้สำเร็จเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะไปได้ แต่ภัยที่มาจากแผ่นดินว่านหลิงนั้นยังห่างไกลกับคำว่าแก้ไขมากนัก ในเวลานี้ เย่เย่จึงได้ให้หอการค้าใบหยกยอมสวามิภักดิ์เข้ากับราชวงศ์ใหม่เพื่อที่จะได้เป็นการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับหอการค้าใบหยกนั้นเบาบางลง ถ้าวันหนึ่งยอดฝีมือจากแผ่นดินว่านหลิงมาโจมตี พวกเขาก็จะได้ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงชีวิตเช่นนั้นเพราะเย่เย่อีก
ส่วนคนของกองทัพอี้เหรินนั้น พวกเขานั้นได้เตรียมใจที่จะอุทิศตนเพื่อประมุขอารามวิถีสวรรค์อยู่แล้ว ต่อให้เย่เย่ยุบกองทัพทิ้งไป แต่สุดท้ายเหล่าผู้ติดตามประมุขอารามวิถีสวรรค์ก็จะค่อยๆกลับมาก่อตั้งกองกำลังขึ้นมาใหม่เพื่อตัวในสิ่งที่พวกเขาเชื่ออยู่ดี ดังนั้นเย่เย่จึงได้ล้มเลิกความคิดที่จะแยกตัวออกจากกองทัพอี้เหรินแล้วปล่อยให้พวกเขาทำงานอย่างอิสระและเติบโตอยู่ในแผ่นดินชางหลางจนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาสามารถช่วยเหลือเย่เย่จริงๆได้
ที่ลานกว้าง เหล่าพนักงานอาวุโสของหอการค้าใบหยกและคนของกองทัพอี้เหรินที่เป็นพยานของการส่งมอบระหว่างเย่เย่กับจ้าวฉินแล้วก็ได้ปรากฏสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา แต่พอคิดสักพักหนึ่งพวกเขาก็เข้าใจในสิ่งที่เย่เย่กังวลขึ้นมา แต่สวี่ซื่อเจี๋ยกับซูเหลียนหยูนั้นก็พอที่จะเดาอะไรบางอย่างได้ และมีความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา
“นี่มัน…..”
อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่เย่เย่ได้ประกาศการเรื่องนี้ออกไปให้รู้เรื่องโดยทั่วกันแล้ว จ้าวจิ่นก็ได้อ้ำอึ้งไปชั่วขณะ
จากที่เขาคาดการณ์เอาไว้ตอนแรก เย่เย่ไม่มีทางที่จะยอมมอบการควบคุมแผ่นดินชางหลางให้แน่ แล้วตัวเขาก็ได้จะค่อยๆกดดันเย่เย่โดยเตรียมพร้อมที่จะตายเอาไว้แล้ว แต่ในเวลานี้ตัวเลือกของเย่เย่นั้นห่างไกลจากการคาดการณ์ของเขาเอาไว้มาก ทำให้จ้าวจิ่นนั้นไม่มีไพ่ในมือเหลือเลย
“ท่านประธานเย่ช่างชาญฉลาดยิ่งนัก!”
“แผ่นดินชางหลางจะไม่ลืมความสำเร็จของท่าน!”
“หอการค้าใบหยกจงเจริญ!”
ที่ด้านนอกลานกว้าง เหล่าผู้ที่มาชมจากขุมกำลังใหญ่ๆทั้งหลายในแผ่นดินชางหลางนั้นต่างก็ตกใจกับข้อเสนอของเย่เย่ แต่ภายในชั่วพริบตาพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความชื่นชมเย่เย่และแสดงความสรรเสริญต่อเย่เย่
ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็ได้ทำให้จ้าวจิ่นและพรรคพวกนั้นลำบากใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ในเวลานี้ถ้าเกิดเย่เย่ฆ่าพวกเขาตายคาที่ ไม่เพียงแต่จะไม่มีใครในแผ่นดินชางหลางจะล้างแค้นให้พวกเขาแล้ว แต่ผู้ชมที่อยู่รอบๆลานกว้างนี้ก็คงจะชื่นชมเย่เย่เป็นแน่
ในสภาพที่สิ้นหวังนี้ จ้าวจิ่นก็ได้แสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมาบนใบหน้าของเขา
จากนั้นเขาก็ได้พาผู้ติดตามของเขามาหาเย่เย่ด้วยตัวเองและคุกเข่า ด้วยใบหน้าที่สำนึกผิดตัวเขาก็ได้สารภาพกับเย่เย่ “ท่านประธานเย่ได้โปรดให้อภัยกับความผิดของข้าด้วย มันเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่สามารถแยกแยะอันไหนผิดอันไหนถูกได้จึงได้ทำให้ตัดสินท่านประธานเย่ผิดไป! ขอได้โปรดให้ท่านประธานเย่เมตตาและไว้ชีวิตพวกเราด้วย! และข้าจ้าวจิ่นขอสาบานว่าจะไม่กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับหอการค้าใบหยกและกองทัพอี้เหรินไปตลอดชีวิต!”
“พวกเราเองก็ขอให้ท่านประธานเย่จงเมตตาและไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด!”
เหล่าผู้ติดตามของจ้าวจิ่นเองก็ได้ร้องขอความเมตตาจากเย่เย่ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
แต่เย่เย่ก็ไม่ได้สนใจพวกเขา และหันไปหาจ้าวฉินที่อยู่ใกล้ๆแล้วกล่าว “ฝ่าบาท จุดประสงค์ของการประชุมในครั้งนี้สัมฤทธิผลแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน ข้าจะปล่อยธุระที่นี่ให้ท่านเป็นคนจัดการ และขอให้ท่านจัดการทำให้สถานการณ์ที่วุ่นวายสงบเงียบโดยไวเพื่อสถานการณ์โดยรวมของแผ่นดินชางหลาง
หลังจากที่เย่เย่ได้จับจ้องไปที่จ้าวฉิน ตัวเขาก็ได้หันหลังกลับและออกจากลานกว้างไป แล้วกลับไปยังห้องพักของเขาในหอการค้าใบหยก
จ้าวฉินนั้นก็ได้ค่อยๆทำความเข้าใจความหมายของ เย่เย่อย่างตั้งใจ แล้วก็ได้หันหน้าไปหาจ้าวจิ่นกับพรรคพวกที่ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาและประกาศ “จ้าวจิ่น มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนักที่จะให้เจ้าตายเพื่อชดใช้ความผิดของเจ้า เพื่อเห็นแก่ความจงรักภักดีของเจ้าที่มีต่อราชวงศ์ชางหลาง ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง แต่ถึงโทษตายจะละเว้นไป แต่วันนี้ข้าจะขอปลดเจ้าให้กลายเป็นแค่สามัญชน นับตั้งแต่วันนี้ไปเจ้ากับทายาทของเจ้าจะไม่อนุญาตให้เรียกตัวเองว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ชางหลางอีก!”
หลังจากที่ประกาศบทลงโทษจ้าวจิ่นกับพรรคพวกเสร็จ จ้าวฉินก็ไม่ได้อยู่เฉยๆแล้วรีบหันหลังกลับไปแล้วให้หวงจิ้งเฟิงกับพรรคพวกออกคำสั่งให้พวกเขาส่งยอดฝีมือออกไปยังเมืองหลวงเก่าทันทีเพื่อจัดการปราบกองทัพพิทักษ์ราชา
เมื่อจ้าวจิ่นได้ยินบทลงโทษของตัวเขากับพรรคพวกแล้ว ตัวเขาก็ได้โล่งอกออกมาทันที ถึงตัวเขากับทายาทนั้นถูกปลดจากสถานะเชื้อพระวงศ์ แต่อย่างน้องพวกเขาก็ยังคงมีทรัพย์สินและที่ดินที่พวกเขาครอบครองอยู่ หากเทียบกับการให้คนของเย่เย่บุกและจัดการกับตระกูลของเขาแล้ว แบบนี้ดีกว่ากันเยอะ
จ้าวฉินนั้นไม่ได้จงใจให้บทลงโทษอะลุ่มอล่วยเช่นนี้กับจ้าวจิ่นและพรรคพวกในฐานะที่เขาเป็นเชื้อพระวงศ์แต่อย่างใด ในตอนแรกจ้าวฉินนั้นคิดจะสังหารจ้าวจิ่นและพรรคพวกให้ตายคาที่เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างและเพื่อแสดงความจริงใจและความเชื่อใจต่อเย่เย่ แต่หลังจากที่ได้ยินคำเตือนของเย่เย่แล้ว จ้าวฉินก็ได้สติขึ้นมาแล้วตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความนิยมให้กับตัวเอง ทำให้หวงจิ้งเฟิงกับพรรคพวกนั้นสามารถจัดการกับกองทัพพิทักษ์ราชาได้อย่างสะดวกโยธิน
ซึ่งนี่คือความตั้งใจดั้งเดิมของเย่เย่ และเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของแผ่นดินชางหลาง แน่นอนว่าจ้าวฉินนั้นไม่อาจปฏิเสธได้และรู้สึกขอบคุณเย่เย่มาก และตั้งใจว่าจะบริหาร แผ่นดินชางหลางอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนความพยายามของเย่เย่
แล้วสักพักใหญ่ๆการประชุมนี้ก็เสร็จสิ้น
และเรื่องของการพูดคุยระหว่างเย่เย่กับจ้าวฉินนั้นก็ได้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งแผ่นดินชางหลางในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และขุมกำลังทั้งหมดในแผ่นดินชางหลางนั้นต่างก็รู้สึกยินดีและชื่นชมในความใจกว้างและเฉลียวฉลาดของเย่เย่
แต่พวกเขานั้นไม่มีทางรู้เลยว่าการประชุมครั้งนี้นั้นจะเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชนในเมืองหลิงเฉิงเป็นครั้งสุดท้ายของเย่เย่ ไม่นานนักหอการค้าใบหยกนั้นก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องของการเก็บตัวระยะยาวของเย่เย่ แล้วความทรงจำเรื่องของเย่เย่ของผู้คนในแผ่นดินชางหลางก็ได้ค่อยๆเลือนหายไป จนกระทั่งไม่มีใครที่พูดถึงเขาเลยเป็นเวลานาน
ซึ่งก่อนที่จะมีการประกาศเรื่องที่เย่เย่ตัดสินใจที่จะเก็บตัวนั้น ตัวเขากับซูเหลียนหยูก็ได้นั่งอยู่ที่ซุ้มบนชั้นดาดฟ้าของหอการค้าใบหยกด้วยกันเป็นครั้งแรกและมองดูดวงจันทร์ส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเงียบๆ
“ข้ากำลังจะไปที่แผ่นดินว่านหลิง!”
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ๆ ในที่สุดเย่เย่ก็ได้พูดออกมาและยอมพูดความจริงเรื่องที่เขาจะจากไปเป็นครั้งแรก
ซึ่งต่อให้ซูเหลียนหยูนั้นรู้อยู่ก่อนแล้ว ตัวเธอก็ไม่สามารถที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกเสียใจได้ในตอนที่เย่เย่นั้นยอมพูดเรื่องนี้ออกมา
เย่เย่นั้นไม่กล้าที่จะมองไปที่ดวงตาของซูเหลียนหยูตรงๆและได้ค่อยๆอธิบายให้นางฟังต่อ “อวี่เหวินจื้อนั้นเป็นแค่เพียงประมุขเขาเสวียนคงซานของทัณฑ์สวรรค์เท่านั้น แต่ยอดฝีมือของทัณฑ์สวรรค์จริงๆแล้วมีพลังมากกว่าที่คิดนัก และถ้ายอดฝีมือของทัณฑ์สวรรค์จากแผ่นดินว่านหลิงนั้นเข้ามาในอาณาจักรนี้เป็นจำนวนมากแล้วล่ะก็ ก็คงไม่มีใครในแผ่นดินชางหลางที่จะสามารถต้านทานพวกเขาได้แน่ ดังนั้นข้าจะต้องไปที่แผ่นดินว่านหลิงก่อนที่จะถึงวันนั้นและเติบโตมากพอที่จะหลุดพ้นจากภัยของทัณฑ์สวรรค์ให้ได้โดยไวที่สุด
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะรู้ดีว่าซูเหลียนหยูนั้นคงจะเดาได้อยู่แล้วว่าทำไมตัวเขาถึงจะออกจากแผ่นดินชางหลางไปต่อให้ตัวเขาไม่อธิบายก็ตามที แต่เขาก็ยังบอกเรื่องนี้กับซูเหลียนหยูเพื่อเป็นการยืนยันอยู่ดี ราวกับเขาต้องการที่จะทำให้อีกฝ่ายนั้นสบายใจ แต่เกรงว่าหากยังเงียบแบบนี้ต่อไปมันจะทำให้ลำบากใจได้
“แล้วจะไปเมื่อไร?”
หลังจากที่เย่เย่พูดจบ ในที่สุดซูเหลียนหยูก็ได้หันมาหา เย่เย่แล้วค่อยๆเปิดปากของเธอออกมา และมีความว้าวุ่นใจปรากฏดวงตาของเธออย่างไม่ปิดบัง
“เช้าวันพรุ่งนี้!”
เย่เย่เองก็ได้มองไปที่เธออย่างใจเย็น ราวกับว่าตัวเขาต้องการที่จะฝังรูปลักษณ์ของซูเหลียนหยูเอาไว้ในใจของเขา
ซูเหลียนหยูก็ได้เปิดปากออกมาราวกับต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างกับเย่เย่ แต่สุดท้ายเธอก็ได้เงียบไป
ตัวเธอนั้นไม่กล้าพอที่จะบอกให้เย่เย่อยู่ต่อหรือบอกให้พาเธอไปด้วยแต่อย่างใด เพราะซูเหลียนหยูรู้ดีว่าตัวเธอนั้นรังแต่จะเป็นภาระของเย่เย่เปล่าๆ
นอกจากนี้ตัวเธอเองก็อยากที่กล่าวเสียใจกับเย่เย่และขอโทษกับการหายไปและเหินห่างของเธอ ซึ่งในขณะที่คำพูดเหล่านั้นได้มาถึงที่ริมฝีปากของเธอแล้ว ซูเหลียนหยูก็พบว่าตัวเธอนั้นไม่สามารถพูดออกมาได้ หรือว่าต่อให้เธอพูดออกมาได้ก็ไม่สามารถที่จะแสดงความรู้สึกในใจจริงๆของเธอออกมาได้อยู่ดี
ที่ซุ้มบนชั้นดาดฟ้าของหอการค้าใบหยกนั้นก็ได้ตกอยู่ในความเงียบอีกหน และได้แผ่บรรยากาศของความลำบากใจและคลุมเครือออกมา ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นจำเป็นที่จะต้องพูดอะไรออกมา
จนในที่สุดเย่เย่ก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหันไปหา ซูเหลียนหยูแล้วถามอย่างจริงจัง “หลังจากที่ข้าไปแล้ว ข้าหวังให้เจ้าอยู่ที่หอการค้าใบหยกนี้ต่อและอย่าได้ร่อนเร่ไปไหนอีก ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรหอการค้าใบหยกจะเป็นที่อยู่ของเจ้าเสมอ!”
เย่เย่ก็ได้มองดูและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ และแสดงออกถึงความเป็นห่วงซูเหลียนหยูอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาหรือในเวลานี้ ซูเหลียนหยูจะคิดกับเขาเช่นไรก็ตาม แต่ความเป็นห่วงของเย่เย่ที่มีต่อซูเหลียนหยูนั้นไม่ได้ลดน้อยลงไปเลยตั้งแต่ต้นยันจบ บางทีในเวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลาที่พวกเขาทั้งสองจะอยู่ด้วยกัน แต่เขาคิดว่าตราบเท่าที่ซูเหลียนหยูนั้นยังคงรอเขาอยู่ที่เมืองหลิงเฉิงแล้ว เย่เย่ก็มีความกล้ามากขึ้นที่จะไปยังแผ่นดินว่านหลิง
“ได้!”
ซูเหลียนหยูก็ได้มองไปที่ดวงตาของเย่เย่ราวกับว่าเธอกำลังอ่านใจของเขาอยู่ แล้วดวงตาของเธอก็ได้ปรากฏซึ่งความดีใจออกมา และในขณะเดียวกันเธอก็ได้ยิ้มและผงกหัวให้เย่เย่
แล้วการจากลานี้ก็จบลงด้วยความเงียบสนิท
เช้าวันต่อมาเย่เย่กับเหยียนลี่หยางนั้นก็ได้หายไปจากเมืองหลิงเฉิงอย่างเงียบๆ แล้วหอการค้าใบหยกกับกองทัพอี้เหรินนั้นก็ได้ออกมาประกาศว่าเย่เย่กับเหยียนลี่หยางนั้นเก็บตัวพร้อมกัน ในขณะที่แผ่นดินชางหลางนั้นก็ได้เริ่มการพัฒนาเข้าสู่ยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง