ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 297 ดาวเทียนกังหนาวสุดขั้ว
บทที่ 297
ดาวเทียนกังหนาวสุดขั้ว
ตูมตูมตูมตูมตูม!
หนาวเร็วของเย่เย่นั้นเร็วเกินกว่าที่คนธรรมดาจะมองได้ทัน ผู้คนนั้นเห็นเพียงแค่เงารางๆ กำลังโจมตีใส่อวี่เหวินจื้อเท่านั้น และในขณะเดียวกันก็มีเสียงดังแสบแก้วหูออกมา
อวี่เหวินจื้อนั้นไม่คิดว่าการตอบสนองของเย่เย่นั้นจะรวดเร็วขนาดนี้ ซึ่งภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของเย่เย่นั้นก็ได้ทำให้เขาต้องรีบเปลี่ยนจากรุกเป็นรับทันที และเอาแขนมาปกป้องหน้าอกของเขา
ถึงกระนั้นอวี่เหวินจื้อก็ยังต้องกระเด็นถอยอย่างรวดเร็วภายใต้การโจมตีของเย่เย่ และเป็นครั้งแรกที่เย่เย่นั้นได้โจมตีสำเร็จ
“ปะ, เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“อวี่เหวินจื้อรับมือไม่ทัน!”
“จะต้องฆ่าเย่เย่ให้ตายในวันนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้เป็นปัญหาใหญ่ของทัณฑ์สวรรค์แน่”
เหล่าศิษย์ทั้ง 7 ของทัณฑ์สวรรค์ที่ถูกทำให้ลงไปกองกับพื้นเพราะลูกหลงจากการต่อสู้ของเย่เย่กับอวี่เหวินจื้อเมื่อสักครู่นั้นก็ได้แสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา เมื่อพวกเขาเห็นอวี่เหวินจื้อนั้นถูกเย่เย่นั้นกดดัน
จากนั้นทั้ง 7 คนก็ได้ความคิดที่จะฆ่าเย่เย่มากขึ้นเรื่อยๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขาได้รับคำสั่งมาจากอวี่เหวินจื้อแล้ว เกรงว่าพวกเขาคงมาล้อมเย่เย่และรุมโจมตีเขาแล้ว
เหยียนลี่หยางกับคนอื่นๆที่อยู่ในเมืองหลิงเฉิงนั้นต่างก็ตกใจที่เห็นเย่เย่นั้นสามารถทำให้อวี่เหวินจื้อนั้นถอยออกไปได้ แต่หลังจากนั้นดวงตาของพวกเขานั้นก็ได้เต็มไปด้วยความตกใจ ราวกับเห็นความหวังที่จะพลิกศึกนี้ได้ขึ้นมา
โดยเฉพาะคนที่ตามเย่เย่จากเมืองเฟิงเจิ้นมายังเมือง หลิงเฉิงนั้น ต่างก็มองไปที่คนที่กำลังสู้กับอวี่เหวินจื้ออยู่บนท้องฟ้าอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ ครั้งหนึ่งเย่เย่นั้นรู้กันไปทั่วว่าเป็นเพียงแค่ขยะในสายตาของทุกคน แม้แต่คนของตระกูลเย่เองก็ยังดูแคลนเย่เย่ แต่ในเวลานี้เย่เย่นั้นไม่ใช่แค่ผู้ปกครองภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ แต่ยังสามารถยืนหยัดเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายภายใต้การโจมตีอย่างสุดกำลังของทัณฑ์สวรรค์ได้
ไม่ว่าผลของสงครามนี้จะออกมาเช่นไร ชื่อของเย่เย่นั้นจะถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินชางหลาง และเหล่าผู้ที่เป็นพยานของการต่อสู้ตัดสินระหว่างเย่เย่กับทัณฑ์สวรรค์นั้นก็จะกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์และกลายมาเป็นผู้ที่เป็นพยานจุดเปลี่ยนของชะตากรรมของแผ่นดินชางหลาง
เหนือท้องฟ้าการต่อสู้ระหว่างเย่เย่กับอวี่เหวินจื้อนั้นยังคงดำเนินต่อไป พวกเขานั้นไม่มีเวลาแม้แต่ที่จะมาสนใจความคิดของคนอื่นๆ ในเวลานี้พวกเขาคิดแค่ว่าทุ่มกำลังสุดตัวเพื่อสังหารอีกฝ่ายให้ได้
อวี่เหวินจื้อที่กำลังถูกทำให้ถอยจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของเย่เย่อยู่นั้น จู่ๆดวงตาของอวี่เหวินจื้อนั้นก็ได้มีแสงปรากฏออกมาแล้วฉวยโอกาสเร่งความเร็วเหาะถอยหลังเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างตัวเขากับเย่เย่ จากนั้นเขาก็ได้เลิกคิดที่จะทดสอบเย่เย่อีก แล้วก็ได้แสดงวรยุทธ์ของเขามหาตะวันเจิดจ้าออกมาแล้วโจมตีใส่เย่เย่ทันที
ซู่ม!
มีแสงสีขาวออกมาจากฝ่ามือของอวี่เหวินจื้อและค่อยๆพุ่งเข้าใส่เย่เย่
แสงสีขาวนี้เหมือนจะสว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเสียอีก และมันก็ได้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ออกมาจากฝ่ามือของอวี่เหวินจื้อ ราวกับจะเข้าโอบล้อมทั้งร่างของเย่เย่เอาไว้
“ลำแสงดาวยี่เข่ง!”
เย่เย่ก็ไม่รอช้าเร่งพลังของเกราะสวรรค์นภาทมิฬเพื่อใช้การโจมตีที่รุนแรงเพื่อสู้กับมหาตะวันเจิดจ้าของอวี่เหวินจื้อที่อยู่ห่างออกไป แล้วแสงสีม่วงก็ได้พุ่งออกจากฝ่ามือของเขาแล้วเข้าไปปะทะกับแสงสีขาว
ถึงแม้ว่าท่านี้จะดูเหมือนเดิมแต่ด้วยการบรรลุวิชาของ เย่เย่ พลังของลำแสงดาวยี่เข่งนั้นก็ได้มากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า ทันทีที่แสงสีม่วงนั้นพุ่งออกจากฝ่ามือของเย่เย่ก็ได้กลายเป็นลำแสงที่มีขนาดเส้นหนากว่าแต่ก่อนหลายเท่าและพุ่งเข้าใส่แสงสีขาวนั้น
ตูม!
เกิดเสียงระเบิดที่ดังราวกับจะฉีกแผ่นฟ้าดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าทันที พลังที่เกิดจากการปะทะกันระหว่างลำแสงดาวยี่เข่งกับมหาตะวันเจิดจ้านั้นเหนือกว่าที่ทุกคนคาดเอาไว้ ผู้คนที่มองดูการต่อสู้อยู่เบื้องล่างนั้นต่างก็ต้องอุดหูของตัวเองและหมอบลงไปเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องกระเด็นเพราะพลังคลื่นกระแทกที่ปล่อยออกมา
แต่ทว่าก็ไร้ผล ยอดฝีมือราชันย์เทพสองคนต่อสู้กัน ก็ได้ทำให้พลังปราณฟ้าดินในเมืองหลิงเฉิงนั้นเกิดความคลุ้มคลั่งและได้ก่อให้เกิดวังวนพลังปราณขึ้นกลางอากาศ แล้วเมฆบนท้องฟ้าก็ได้หายไปจนหมดสิ้นเหลือแต่เพียงพระอาทิตย์ที่ไม่หายไปไหน มีเพียงฝุ่นทรายในอากาศที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และหายเข้าไปในวังวนพลังปราณนั้นซึ่งแทบจะบดบังสายตาของพวกเขาเอาไว้
ใบหน้าของทุกคนนั้นก็ได้ตกใจกันสุดๆอย่างบอกไม่ถูก แต่การเคลื่อนไหวของเย่เย่กับอวี่เหวินจื้อนั้นก็ไม่ได้หยุดมือเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ปล่อยการโจมตีที่รุนแรงออกไปแล้ว ทั้งสองคนก็ได้พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกัน
“เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าท่ามหาตะวันเจิดจ้าน่ะคือท่าที่แรงที่สุดของข้าแล้วน่ะ? ตายเสียเถอะ”
ถึงแม้ว่าการโจมตีของอวี่เหวินจื้อจะสลายไปเพราะการโจมตีของเย่เย่ แต่ใบหน้าของเขาก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจแต่อย่างใด จากการปะทะกันเมื่อสักครู่อวี่เหวินจื่อนั้นคิดว่าเขารู้ถึงความสามารถทั้งหมดของเย่เย่แล้ว เขาจึงได้ไม่ลังเลอีกต่อไปที่จะแสดงท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของเขา
ตูม!
มีคลื่นความร้อนปรากฏขึ้นมาในอากาศแล้วทันใดนั้นก็ได้เกิดพายุขนาดใหญ่ขึ้นมากลางท้องฟ้า ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพายุเลยแม้แต่น้อย แต่อุณหภูมิที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆจนน่ากลัวนั้นได้ทำให้เขาเริ่มทรมานและหยุดการบุกโจมตีใส่อวี่เหวินจื้อทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้อวี่เหวินจื้อก็ได้ยิ้มกริ่มและในขณะเดียวกันก็ได้เร่งความเร็วพุ่งเข้าไปหาเย่เย่ และปล่อยพลังมหาตะวันเจิดจ้าออกมาอย่างสุดกำลัง
ราวกับมีพระอาทิตย์สองดวงปรากฏขึ้นกลางอากาศพร้อมกันและมีแสงสว่างเจิดจ้าทำให้ทุกคนนอกจากเย่เย่นั้นไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ แล้วดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งก็ได้ค่อยๆลอยลงมาจากเหนือหัวของอวี่เหวินจื้อแล้วพุ่งเข้าหาเย่เย่ พลังของมันราวกับจะทำลายโลกได้และลอยลงมาไม่หยุดราวกับพระอาทิตย์ตกดิน
สีหน้าของเย่เย่นั้นก็ได้จริงจังอย่างสุดๆเพราะสิ่งนี้ แล้วเขาก็ได้เผยไพ่ตายที่เก็บงำเอาไว้ออกมา “ดาวเทียนกังหนาวสุดขั้ว!”
ในขณะที่อวี่เหวินจื้อนั้นกำลังควบคุมให้ดวงอาทิตย์ตกใส่หัวเย่เย่อยู่นั้น จู่ๆเย่เย่ก็ตะโกนออกมาและมีปีกสีดำงอกออกมาจากข้างหลังของเขาและกระพือปีกอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นก็ได้มีสายลมหนาวเย็นพัดออกมาจากใต้ปีกสีดำนั้นและพาดผ่านใส่ดวงอาทิตย์ที่อยู่เหนือหัวเขา ท่านี้เป็นท่าไม้ตายของเกราะสวรรค์นภาทมิฬที่เพิ่งปลดล็อกให้ใช้งานได้หลังจากที่เย่เย่ได้บรรลุขึ้นสู่ชั้นจักรพรรดิเทพ
ภายใต้การต่อต้านของดาวเทียนกังหนาวสุดขั้วนั้น ก็ได้มีชั้นน้ำแข็งเริ่มปรากฏอยู่บนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ที่อวี่เหวินจื้อควบคุมอยู่ แล้วความเร็วของดวงอาทิตย์นั้นก็ได้ค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ
แกร่กๆๆๆๆ!
ถึงแม้ว่าอวี่เหวินจื้อนั้นจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเร่งให้ดวงอาทิตย์ตกลงใส่เย่เย่ ความร้อนสูงนั้นก็ได้ทำให้ชั้นน้ำแข็งที่เกาะดวงอาทิตย์อยู่นั้นค่อยๆแตกและละลาย แต่ทว่าพลังของสายลมเย็นที่พัดออกมาจากดาวเทียนกังหน้าสุดขั้วนั้นก็ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ภายในเวลาไม่นานดวงอาทิตย์บนท้องฟ้านั้นก็ได้ถูกแช่แข็งเรียบร้อย ไม่ว่าอวี่เหวินจี้นั้นจะพยายามอย่างไรก็เปล่าประโยชน์
ตูม!
แล้วในที่สุดด้วยการปะทะกันระหว่างความร้อนสูงกับหนาวเย็นสุดขั้วก็ได้มาถึงจุดสูงสุด แล้วดวงอาทิตย์ดวงใหญ่นั้นก็ได้ระเบิดกลางอากาศ
ตูมมมมม!
วังวนพลังปราณจำนวนนับไม่ถ้วนกลางอากาศนั้นก็ถูกพลังระเบิดนั้นทำลายจนหายไปหมดในชั่วพริบตา ทำให้พลังปราณฟ้าดินในเมืองหลิงเฉิงนั้นเกิดความปั่นป่วนมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเห็นเช่นนี้เหยียนลี่หยางก็ได้รีบบินไปยังเมืองหลิงเฉิงเพื่อขจัดพายุพลังปราณที่ปั่นป่วนนี้ ด้วยความกลัวว่าเมืองหลิงเฉิงนั้นอาจจะถูกทำลายจนราบเพราะพายุพลังปราณนี้ได้ ส่วนศิษย์ของทัณฑ์สวรรค์ทั้ง 7 นั้นก็ได้รีบหนีออกไปให้ไกลมากที่สุดเท่าที่พวกเขาทำได้ ด้วยความกลัวว่าจะได้รับผลจากพายุพลังปราณนี้จะส่งผลกระทบต่อพลังของพวกเขา
ส่วนเหล่าผู้ที่เป็นพยานการต่อสู้ของเย่เย่กับอวี่เหวินจื้อนั้นต่างก็ตกใจและทึ่งในความแข็งแกร่งของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือไม่ก็ตามพวกเขาต่างก็นับถือในความแข็งแกร่ง และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เห็นความรุนแรงของการระเบิดแล้ว พวกเขาต่างก็ไม่มั่นใจว่าจะเผชิญหน้ากับเย่เย่หรืออวี่เหวินจื้อเพียงลำพังได้อีก ความหวังเดียวในใจของพวกเขาคือขอให้ผู้ที่อยู่ข้างเดียวกันกับพวกเขานั้นสังหารอีกฝ่ายให้ได้เท่านั้น
“อุ่ฟ!”
บนท้องฟ้า อวี่เหวินจื้อที่มองดูท่าไม้ตายของตัวเองถูกทำลายนั้นก็ได้โดนพลังสะท้อนกลับและกระอักเลือดออกมาคำโต และมีสีหน้าที่ซีดเซียว
“บ้าจริง!”
แต่เขาก็ยังไม่มีความคิดที่จะถอยแม้แต่น้อย หลังจากที่มองดูด้วยสายที่ตกใจและโกรธแล้ว อวี่เหวินจื้อก็ได้ตะโกนใส่ เย่เย่แล้วบุกเข้าไปหาเย่เย่อีกหน ด้วยความตั้งใจว่าจะไม่ปล่อย เย่เย่ให้มีเวลาได้หายใจ
แต่ทว่าถึงแม้ว่าอวี่เหวินจื้อนั้นจะไวแล้ว แต่เย่เย่นั้นกลับไวกว่า
หลังจากที่ปล่อยดาวเทียนกังหนาวสุดขั้วออกไปเพื่อต้านไม้ตายของอวี่เหวินจื้อแล้วเย่เย่ ความมั่นใจของเย่เย่ก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากที่ดวงอาทิตย์ได้ระเบิดไปแล้วเขารีบบุกเข้าไปหาอวี่เหวินจื้อโดยไม่สนเรื่องของพายุพลังปราณ
ซู่ม!
เกราะสวรรค์นภาทมิฬที่เย่เย่สวมอยู่นั้นวิเศษมาก หลังจากที่ปลดล็อกท่าใหม่ได้แล้วมันยังมีความสามารถในการสนับสนุนเย่เย่ด้วย ซึ่งในขณะที่เย่เย่บุกเข้าไปหาอวี่เหวินจื้อนั้น ปีกสีดำทั้งสองข้างนั้นก็ได้กระพือปีก ทำให้เย่เย่นั้นไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของอวี่เหวินจื้อได้ในชั่วพริบตา
“ร่วงไปซะ!”
ในขณะที่อวี่เหวินจื้อนั้นกำลังตกตะลึงในความเร็วของ เย่เย่อยู่นั้น เย่เย่ก็ได้ใช้ปลุกวิญญาณมังกรในร่างและใช้พลังปราณมังกรไปที่มือขวาและต่อยอวี่เหวินจื้อที่อยู่ตรงหน้าเขา
ตูม!
อวี่เหวินจื้อก็ได้ลงไปกระแทกกับพื้นด้วยหมัดของเย่เย่ เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่พื้นราวกับลูกปืนใหญ่
“ฟืด!”
ทั้งด้านในและนอกเมืองหลิงเฉิง ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างก็สูดเอาลมหายใจเย็นๆเข้าไปพร้อมกัน และมีสีหน้าทำให้ไม่ถูกปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา
เพราะอวี่เหวินจื้อผู้เป็นประมุขเขาเสวียนคงซานของทัณฑ์สวรรค์นั้น ทั้งพลังอำนาจและความไม่เคยแพ้ใครของเขานั้นได้ฝังรากลึกลงในหัวใจของผู้คน แม้ว่าเย่เย่นั้นจะได้เปรียบในตอนทดสอบฝีมือกับอวี่เหวินจื้อ แต่คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าหากว่า อวี่เหวินจื้อเอาจริงเมื่อไรก็จะสามารถจัดการเย่เย่ได้อย่างง่ายดาย
แต่เมื่อสักครู่นี้เย่เย่ได้ทำให้อวี่เหวินจื้อนั้นต้องตกลงมาที่พื้นนั้น ได้ล้มล้างความคิดของพวกเขาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง!
ผู้คนที่เดิมทีคิดว่าหลังจากจบศึกนี้แล้วจะต้องเป็นหายนะนั้นก็ได้เปลี่ยนความคิดไปแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะรู้สึกว่าความคิดนี้นั้นออกจะเหลวไหลมากก็ตามที แต่พวกเขาก็อดคิดเช่นนั้นไม่ได้และใบหน้าของพวกเขานั้นก็ได้ว้าวุ่นใจอย่างสุดๆขึ้นมา
แต่ทว่าเย่เย่นั้นหาได้มีอารมณ์ที่จะมาสนใจการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศรอบๆ ไม่หลังจากที่เขาได้ต่อย อวี่เหวินจื้อไปหมัดหนึ่งแล้ว ตัวเขาก็ได้พุ่งลงไปที่พื้นโดยไม่หยุดพักหมายที่จะสังหารอวี่เหวินจื้อให้สิ้นซาก
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะรู้สึกลำบากนิดหน่อยกับการพุ่งเข้าไปพายุพลังปราณและทนต่อการบีบรัดของพายุนี้ แต่พลังป้องกันของเกราะสวรรค์นภาทมิฬนี้ก็ไม่ธรรมดาและเย่เย่เองก็ได้ใช้พลังปราณมังกรคอยช่วยอยู่ ทำให้ตัวเขานั้นไม่บาดเจ็บมากนัก
แต่อวี่เหวินจื้อนั้นต่างออกไป เพราะอวี่เหวินจื้อนั้นประมาทความสามารถของเย่เย่มากเกินไปจนตั้งตัวไม่ทัน ทำให้ตัวเขานั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะป้องกันเย่เย่ที่พุ่งเข้ามาหาเขา
ในเวลานี้เย่เย่ได้อาศัยโอกาสตอนที่เขากำลังบาดเจ็บสังหารเขาเสีย และทำให้อวี่เหวินจื้อนั้นกลายเป็นศพอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
“บังอาจ!”
“หยุดนะ!”
“ถอยไป!”
ในขณะนั้นเองเหล่าศิษย์ของทัณฑ์สวรรค์นั้นก็ได้มองดูเหตุการณ์นี้จากที่ไกลๆ แล้วพวกเขาต่างก็ได้รีบพุ่งเข้าไปหา อวี่เหวินจื้อเพื่อเข้าไปช่วยราวกับว่าพวกเขาถูกเหยียบหางยังไงอย่างงั้น
ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะไม่ได้รับคำสั่งจากอวี่เหวินจื้อ แต่ถ้าหากปล่อยให้เย่เย่นั้นจัดการสังหารอวี่เหวินจื้อได้ ผลที่ตามมานั้นก็ยากที่เหล่าศิษย์ของทัณฑ์สวรรค์นั้นจะทนรับได้ ดังนั้นต่อให้อวี่เหวินจื้อจะลงโทษพวกเขาหลังจากนี้ เหล่าศิษย์ของทัณฑ์สวรรค์นั้นต่างก็ตัดสินใจที่จะเข้าโอบล้อมและสังหารเย่เย่
“น่ารังเกียจนัก!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเหยียนลี่หยางก็ได้มีความโกรธปรากฏบนใบหน้าของเขา แล้วเขาก็ได้รีบพุ่งเข้าไปหาเหล่าศิษย์ของทัณฑ์สวรรค์หวังที่จะแบ่งเบาภาระของเย่เย่