ระบบเติมเงินข้ามภพ - ตอนที่ 259 ข้อตกลง
บทที่ 259
ข้อตกลง
บรรยากาศในห้องโถงใหญ่ของนิกายลำนำแห่งขุนเขานั้นตึงเครียดหนัก และศึกระหว่างเมิ่งเทียนฉี่กับลูกศิษย์ในนิกายและลูกศิษย์ของสำนักยุทธ์หงส์เพลิงก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
แต่ทว่าเมิ่งเทียนฉี่ก็ได้หักห้ามใจตัวเอง และค่อยๆสงบอารมณ์ของเขา
“ไม่มีใครที่สามารถเอาสิ่งที่เป็นของเราไปได้จริงๆ! แม้ว่าบ่อแห่งการจุติใหม่นั้นจะตกเป็นของพวกเจ้าชั่วคราว แต่พวกเราก็จะกลับมาเอาคืนสักวันหนึ่ง!”
เมิ่งเทียนฉี่กล่าวกับชายไว้หนวด เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและเดินหันหลังให้อย่างเงียบๆ เขากล่าวกับลั่วเฟิงเฉิงกับ มู่หรง “เก็บของแล้วไปกันเถอะ!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่แน่วแน่ของเมิ่งเทียนฉี่แล้ว ก็ได้ปรากฏแสงในดวงตาของมู่หรงและลั่วเฟิงเฉิง แล้วทั้งคู่ก็ได้ตอบกลับ เมิ่งเทียนฉี่ “ขอรับ/เจ้าคะ!”
ทั้งสองคนพอจะเดาได้แล้วว่าตัวเขานั้นได้ตัดสินใจเลือกที่จะเข้าร่วมกับจ้าวฉินโดยผ่านสายตาของเมิ่งเทียนฉี่ และในขณะเดียวกันก็ทำให้ทั้งคู่นั้นโล่งอก ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะไม่พอใจที่ต้องออกไปจากบ่อแห่งการจุติแห่งนี้ แต่ก็โชคดีที่มันทำให้เมิ่งเทียนฉี่นั้นเลิกลังเลอีกต่อไปแล้ว
แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนที่หัวโบราณบางคนในนิกายนั้นก็ไม่อาจที่จะพูดอะไรได้ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรเสียนิกายลำนำแห่งขุนเขานั้นคงไม่อาจรักษาสมบัติของตัวเองได้แล้ว ยังจะพูดอะไรต่อได้อีก? ในทางกลับกันหากพวกเขาเข้าร่วมกับจ้าวฉินเพื่อล้มล้างฮ่องเต้เหิงหวังแล้ว ความแข็งแกร่งของนิกายก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก และพวกเขาก็จะสามารถกลับมาทวงบ่อแห่งการจุติคืนมาจากสำนักยุทธ์หงส์ไฟได้
ภายใต้การนำของเมิ่งเทียนฉี่ พวกเขาก็ได้จัดเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วและต้องออกมาจากนิกายด้วยความชิงชังภายใต้สายตาที่เย็นยะเยือกของเหล่าลูกศิษย์สำนักยุทธ์หงส์เพลิง ในเวลานี้จ้าวฉินที่อยู่ในเมืองหลวงนั้นก็ไม่นึกว่าตัวเขาที่พลาดการเอาชนะใจนิกายลำนำแห่งขุนเขามาหลายต่อหลายครั้งจนเขาเกือบจะยอมแพ้แล้วนั้น กลับกลายเป็นว่าเมิ่งเทียนฉี่กับลูกศิษย์กำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองหลวงอย่างเต็มกำลัง
ในขณะที่จ้าวฉินกำลังจะได้ขุนศึกมาเพิ่มอยู่นั้นเอง เย่เย่เองก็ได้รับข่าวกรองมาจากเซี่ยงเฟยหลิน อย่างที่คาดเอาไว้ไป๋ซี, ซูเหลียนหยูและคนอื่นๆนั้นถูกคุมตัวเอาไว้ในคุกของวังหลวง
เย่เย่นั้นรู้ดีว่าที่วังหลวงนั้นอันตรายมาก แต่เขาก็ได้ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะช่วยพวกเขาออกมาจากคุกให้ได้ แต่ในขณะที่เขากำลังระดมความคิดในสมองของเขาเพื่อหาแผนการอยู่นั้นก็ได้มีแขกที่คาดไม่ถึงจู่ๆก็มาหาเขาถึงหอใบหยก
“ท่านหวงจิ้งเฟิง!”
เมื่อลู่จุ้นเห็นแขกผู้มาเยือน สีหน้าของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความตกใจราวกับเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ลู่จุ้น ไม่เจอกันตั้งนานนะ!”
เมื่อหวงจิ้งเฟิงเห็นลู่จุ้นก็ได้มี ก็ได้มีอารมณ์ขึ้นมาในดวงตาของเขา
ในตอนที่แยกจากกันหวงจิ้งเฟิงนั้นคิดว่าตัวเขาคงจะไม่ได้พบกับลู่จุ้นอีกแล้ว แต่ไม่คิดว่าเพราะการช่วยเหลือของประมุขอารามวิถีสวรรค์นั้น ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ลู่จุ้นจะอยู่อย่างสุขสบาย แต่ตัวเขาเองก็ยังรอดมาจากเงื้อมมือคนของฮ่องเต้ เหิงหวังมาได้
เมื่อสหายเก่าได้เจอกันอีกครั้งทั้งคู่ก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมา ซึ่งในขณะหวงจิ้งเฟิงกับลู่จุ้นกำลังสนทนากันอย่างชื่นมื่นอยู่นั้น เขาก็ได้ถามลู่จุ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ลู่จุ้น ในเวลานี้ข้ารู้สึกยินดีที่ได้เจอกับเจ้าอีกครั้ง แต่ข้ามาที่นี่ในวันนี้นอกจากมาพบเจ้าแล้วก็ยังมาหาประมุขหอของเจ้าด้วย! เจ้าพอจะแนะนำให้ข้าได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหาขอรับท่าน ได้โปรดรอสักครู่!”
ถึงแม้ว่าลู่จุ้นนั้นจะไม่ทราบว่าหวงจิ้งเฟิงนั้นมาตามหา เย่เย่ทำไม แต่ตัวเขาก็ไม่ได้เคลือบแคลงสงสัยในเจตนาของหวงจิ้งเฟิงเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ได้ตอบรับหวงจิ้งเฟิงแล้ว ลู่จุ้นก็ได้รีบขึ้นไปชั้นบนเพื่อแจ้งว่าหวงจิ้งเฟิงนั้นมาขอพบเย่เย่
ไม่นานนักภายใต้การนำของลู่จุ้น หวงจิ้งเฟิงก็ได้พบกับเย่เย่ที่ชั้น 2 ของหอใบหยก
“ลู่จุ้น เจ้าลงไปข้างล่างก่อน ขอให้ข้าได้สนทนากับท่านหวงจิ้งเฟิงสักหน่อยนะ!”
เย่เย่ที่เห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของหวงจิ้งเฟิงแล้ว ดวงตาของเย่เย่ก็ได้ปรากฏความสงสัยขึ้นมา เขาจึงได้โบกมือให้ลู่จุ้นแล้วบอกให้เขาออกจากห้องไปก่อน แล้วปล่อยให้ตัวเขากับหวงจิ้งเฟิงอยู่กันตามลำพัง
ในตอนแรกลู่จุ้นนั้นอยากที่จะอยู่ด้วย แต่ในเมื่อเย่เย่พูดเช่นนั้นแล้วต่อให้เขาไม่อยากเพียงใด ตัวเขาก็จำต้องออกไปจากห้องนี้ชั่วคราวและปิดประตูสนิท แล้วกลับไปที่ห้องโถงของหอใบหยกเพื่อช่วยงานเสวี่ยหยูต่อ
“ท่านหวงจิ้งเฟิง ถ้าหากท่านมีธุระอันใดก็ขอให้กล่าวมาได้เลย!”
หลังจากที่ลู่จุ้นออกไปแล้ว เย่เย่ก็ได้หันหน้ากลับมามองหวงจิ้งเฟิงที่อยู่ตรงหน้าเขา และถามเขาอย่างตรงไปตรงมา
เพราะตัวเขานั้นดูออกแล้วว่าหวงจิ้งเฟิงนั้นจะต้องมีเรื่องสำคัญมากที่อยากจะหารือกับเขาในเวลานี้ นอกจากนี้เย่เย่เองก็ยุ่งมากตัวเขาไม่มีเวลามากพอจะมาเสียเวลาคุยเล่นกับเขา เย่เย่จึงได้ถามถึงจุดประสงค์ของหวงจิ้งเฟิงอย่างตรงๆ
“ในเมื่อท่านประมุขหอเย่ว่าเช่นนั้นข้าก็จะไม่ขอขัดศรัทธา ที่ข้ามาที่หอใบหยกในเวลานี้ ก็เพราะมีเรื่องอยากจะขอให้ท่านประมุขหอเย่ช่วย!”
ทันทีที่หวงจิ้งเฟิงพูดจบ เย่เย่ก็ได้คิดที่จะปฏิเสธทันที เพราะว่าตัวเขานั้นยุ่งมากจนไม่มีเวลาที่จะมาช่วยหวงจิ้งเฟิง แต่ก็ดูเหมือนว่าหวงจิ้งเฟิงนั้นจะเดาคำตอบของเย่เย่ได้ เขาจึงได้รีบพูดต่อก่อนที่เย่เย่จะเปิดปาก “ท่านประมุขหอเย่อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับท่านด้วย! ไม่อย่างนั้นข้าก็คงไม่มาขอให้ท่านประมุขหอเย่ช่วยหรอก!”
“อย่างนั้นเหรอ? งั้นก็ว่ามา!”
หลังจากที่เย่เย่ได้ยินที่หวงจิ้งเฟิงพูดเสริมแล้ว ก็เหมือนว่าคิดพอจะนึกอะไรบางอย่างได้และสายตาของเขาก็ได้พลันปรากฏแสงออกมา ในขณะที่เขามองไปที่หวงจิ้งเฟิง
เมื่อเห็นสีหน้าสนใจบนใบหน้าของเย่เย่แล้ว หวงจิ้งเฟิงจึงได้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก และได้อธิบายให้เย่เย่ฟังต่อ “ได้สิ คือว่าพวกข้าตั้งใจที่จะช่วยใครบางคนออกมาจากในคุกของวังหลวงแน่นอนว่ารวมถึงซูเหลียนหยูภรรยาของท่านประมุขเย่ด้วย แต่เพราะพวกข้านั้นมีกำลังที่จำกัดจำเขี่ยจึงไม่อาจทำงานนี้ให้สำเร็จได้เพียงลำพัง ข้าจึงได้มาขอให้ท่านประมุขเย่ช่วย!”
หวงจิ้งเฟิงนั้นเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังของจ้าวฉิน และเป้าหมายใหญ่ของพวกเขาคือโค่นล้มราชบัลลังก์ของฮ่องเต้เหิงหวังเพื่อขึ้นปกครองแผ่นดินชางหลางเอง ในเวลานี้ฮ่องเต้เหิงหวังจ้าวถิงอวี่นั้นได้รับเหล่านักโทษที่เกี่ยวข้องกับกองทัพอี้เหรินมาจากสำนักยุทธ์หงส์เพลิงเรียบร้อยแล้ว และพวกเขาก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกแน่หลังจากที่ได้รับของรางวัลมาจากทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นอะไรที่จ้าวฉิน, หวงจิ้งเฟิงและคนอื่นๆนั้นจะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้
ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะมีคนอยู่ไม่น้อย แต่ก็มียอดฝีมืออยู่จริงๆน้อยมาก โดยเฉพาะคนที่จะสามารถยอดฝีมือในระดับราชันย์เทพของราชวงศ์ชางหลางได้นั้นเรียกได้ว่าไม่มีเลย แต่โชคยังดีที่หวงจิ้งเฟิงกับพรรคพวกนั้นก็สืบพบว่าภรรยาของ เย่เย่ซูเหลียนหยูนั้นก็อยู่ในคุกนี้เช่นกัน พวกเขาจึงได้โล่งอกขึ้นมาเปราะหนึ่งเมื่อคิดว่าพวกเขาน่าจะสามารถปล่อยคนของกองทัพอี้เหรินได้ด้วยการช่วยเหลือของเย่เย่
หวงจิ้งเฟิงจึงได้เสนอตัวมาเจรจากับเย่เย่ด้วยตัวเอง แต่ตัวเขานั้นก็ไม่ได้มั่นใจมากเท่าไรนัก แต่ทว่าเมื่อเขาเห็นเย่เย่สีหน้าที่ไร้ซึ่งความกลัวของเย่เย่หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้แล้ว ดวงตาของเขาก็ได้มองเห็นความหวังขึ้นมาทันที
“ท่านประมุขหอเย่ ถึงแม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ท่านนั้นต้องมีความแค้นกันกับราชวงศ์ชางหลาง แต่มันก็จะสามารถช่วยภรรยาของท่านได้ จึงขอให้ท่านไตร่ตรองดูให้ดี! พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเหลือท่านในการปกปิดตัวตนและแฝงตัวเข้าไปในคุกวังหลวง สิ่งเดียวที่เราต้องการคือในตอนที่ท่านช่วยซูเหลียนหยูออกมา ท่านช่วยเราพาไป๋ซีกับพรรคพวกออกมาด้วยที”
หลังจากที่พูดจบหวงจิ้งเฟิงก็ได้ลุกขึ้นยืนและก้มหัวให้ เย่เย่อย่างจริงจัง และสีหน้าของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความวิงวอน
เพราะหวงจิ้งเฟิงเองไม่รู้ว่าเย่เย่นั้นมีความสัมพันธ์กับ ซูเหลียนหยูมากขนาดไหน และตัวเขาก็ไม่สามารถรับรองได้ว่า เย่เย่นั้นจะไม่ถูกเปิดโปงไปได้ตลอดรอดฝั่งด้วย เขาจึงได้รอฟังคำตอบของเย่เย่อย่างเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
“อย่างไรก็ดีหากว่าเย่เย่นั้นยินดีเข้าร่วมแผนของพวกเขา แล้วช่วยเหลือซูเหลียนหยูกับไป๋ซีได้สำเร็จก็ตามที แต่ถ้าหากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว ทั่วทั้งแผ่นดินชางหลางก็จะไม่มีที่ให้เขาอยู่อีกต่อไป ดังนั้นต่อให้หวงจิ้งเฟิงนั้นรู้ดีว่าเย่เย่นั้นเป็นคนรักความถูกต้องก็ตามที แต่เขาก็จะไม่แปลกใจเลยถ้าเย่เย่ปฏิเสธข้อเสนอของเขา”
“ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าทำไมพวกท่านถึงได้อยากจะช่วยคนออกมาจากคุกวังหลวงกัน? จากที่ข้าทราบมาท่านนั้นไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา!”
เย่เย่นั้นยังไม่ได้รีบบอกคำตอบของเขากลับมา แต่ถามหวงจิ้งเฟิงอย่างสงสัย
ในความเป็นจริงตอนที่เขาได้ยินหวงจิ้งเฟิงยื่นข้อเสนอมาเมื่อสักครู่นั้น เย่เย่ก็ได้รู้สึกยินดีอย่างมาก ราวกับกำลังชื่นชมภูเขาและแม่น้ำโดยไม่สามารถละหัวออกมาได้ แต่เขาก็ยังสงสัยในจุดประสงค์ของหวงจิ้งเฟิงอยู่ดี ทำให้เขาไม่สามารถตอบกลับไปทันทีได้
หวงจิ้งเฟิงเองก็ไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจแต่อย่างใดหลังจากที่ได้ยินคำถามของเย่เย่ และในขณะเดียวกันเขาก็รู้ด้วยว่าหาว่าโกหกเย่เย่ แล้วเมื่อใดที่เขามารู้ทีหลังเข้าแผนการนี้คงได้พังไม่เป็นท่าแน่ หวงจิ้งเฟิงจึงได้บอกถึงเป้าหมายของเขากับ จ้าวฉินไปตรงๆ
ในตอนที่หวงจิ้งเฟิงนั้นได้เข้าร่วมกับจ้าวฉินและแอบกลับมาในเมืองหลวงนั้น ตัวเขาก็ได้คอยตามสืบทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง เขาจึงได้ล่วงรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างประมุขหอเย่กับราชวงศ์ชางหลางเองก็ไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าจะไม่ได้ต่อต้านออกมาอย่างชัดเจน แต่เย่เย่นั้นก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายฮ่องเต้ เหิงหวังเป็นแน่ ดังนั้นหวงจิ้นเฟิงจึงได้กล้าที่จะบอกให้เย่เย่ได้รู้ถึงตัวตนของจ้าวฉิน
อย่างที่คิดเอาไว้เย่เย่นั้นไม่ได้รู้สึกเกลียดชังอะไรหลังจากที่ได้ยินเรื่องของหวงจิ้งเฟิง แต่เย่เย่นั้นไม่นึกว่าหวงจิ้งเฟิงกับพรรคพวกนั้นจะมีพลังพอที่จะล้มล้างอำนาจของฮ่องเต้เหิงหวังและขึ้นไปนั่งแทนได้ แม้ว่ายอดฝีมือในระดับราชันย์เทพหลายคนของราชวงศ์ชางหลางนั้นจะไม่ขอเข้าร่วมศึกแก่งแย่งราชบังลังก์ก็ตามที แต่ก็ยังมีญาติอีกเป็นจำนวนมากที่ฮ่องเต้เหิงหวังรวบรวมมาหลังจากที่ได้ขึ้นครองบัลลังก์นั้นก็มีเพียงพอที่จะถล่มหวง จิ้งเฟิงกับพรรคพวกได้หลายหนแล้ว แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวฮ่องเต้เหิงหวังจ้างถิงอวี่เองที่บรรลุขั้นราชันย์เทพแล้วเช่นกัน
แต่เย่เย่นั้นก็ไม่อยากที่จะสาดน้ำเย็นใส่หัวหวงจิ้งเฟิงและพรรคพวก เพราะอย่างไรก็ดีศัตรูของศัตรูก็คือมิตร แม้ว่าท้ายที่สุดจ้าวฉิน, หวงจิ้งเฟิงและพรรคพวกนั้นจะไม่สามารถล้มล้างฮ่องเต้เหิงหวังได้ก็ตามที แต่พวกเขาก็ยังสามารถที่จะสั่นคลอนได้และลดแรงกดดันกับอำนาจของฮ่องเต้เหิงหวังลงมาได้
ดังนั้นหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ๆเย่เย่ก็ได้ตัดสินใจที่จะตกลงรับข้อเสนอของหวงจิ้งเฟิงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ขอบคุณมากสำหรับข้อเสนอของท่าน! ถึงแม้ว่างานนี้จะเสี่ยงมาก แต่ถ้าเพื่อท่านที่อุตส่าห์มาเยือนถึงที่แล้วทั้งที ข้าเย่เย่ก็ยินดีที่จะมอบชีวิตร่วมเดินทางไปจับวีรบุรุษอย่างท่าน! ข้าหวังว่าหลังจากที่จบเรื่องนี้แล้วท่านจะไม่ลืมความเพียรพยายามของข้า!”
เย่เย่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นราวกับว่าตัวเขานั้นต้องเสียสละใหญ่หลวงและรีบทำให้หวงจิ้งเฟิงนั้นรู้สึกชื่นชมตัวเขาอย่างมาก
ซึ่งตัวหวงจิ้งเฟิงนั้นก็คิดว่าเขาอาจจะต้องเจรจาอีกนานเพื่อที่จะทำให้เย่เย่ยอมตกลง แต่เขาก็ไม่นึกว่าจะพูดกับเย่เย่ได้ง่ายกว่าที่เขาคาดเอาไว้ พูดกันแค่ไม่กี่คำเขาก็ยอมตกลงแล้ว นอกเสียจากว่าเย่เย่นั้นจะมีความรักให้กับซูเหลียนหยูอย่างลึกซึ้งจริงๆ และทำให้หวงจิ้งเฟิงนั้นรู้สึกชื่นชมเย่เย่มากขึ้นไปอีก
ซึ่งหลังจากที่ทั้งสองคนตกลงกันได้ด้วยดีแล้ว หวงจิ้งเฟิงก็ได้ออกจากหอใบหยกด้วยความพึงพอใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้คือเย่เย่นั้นกลับมีสีหน้าพึงพอใจมากกว่าเขาเสียอีกหลังจากที่เขาออกไปแล้ว
“ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามจะได้มากลับไม่เสียเวลาหาเลย! กำลังง่วงๆก็เหมือนมีคนเอาหมอนมาให้และยังทำให้อีกฝ่ายเป็นหนี้บุญคุณอีกต่างหาก สวรรค์ช่างเมตตาเราเสียจริงๆ!”
เย่เย่ก็ได้มองไปยังทิศทางที่หวงจิ้งเฟิงจากไปด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายและเผยรอยยิ้มที่หายไปนานแล้วขึ้นมา
เสวี่ยหยูที่อยู่อีกด้านหนึ่งเมื่อเห็นสีหน้าของเย่เย่ที่ผ่านเมฆฝนไปได้แล้วนั้น หัวใจของนางก็ได้รู้สึกโล่งอก และหอใบหยกนั้นก็ได้รุ่งเรืองขึ้นมาอย่างมากภายใต้การดูแลของนางในช่วงนี้ และได้ตั๋วทองมาให้เย่เย่เป็นจำนวนมากทุกวัน ซึ่งเย่เย่ก็ได้ใช้ตั๋วทองเหล่านั้นแลกเป็นยาจิตตั้งมั่นเพื่อฝึกวิชาต่อ และทำให้พลังยุทธ์ของเขานั้นเข้าใกล้จอมเทพขั้นสุดมากขึ้นเรื่อยๆ