ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 496 : อยู่เพื่อกิน
ตอนที่ 496 : อยู่เพื่อกิน
“อาจารย์โอว! ”
“อาจารย์โอว นี่ใครกัน ? ”
“ คนนอกฝ่าเข้ามาในสำนักคังเฉียงรึ ?”
ตอนที่โอวเสินเฟิงกำลังจะพูดบางอย่าง คังชือหลิน, เทียนเฮ่า,จงเซี่ยวเซี่ยวและจีหลิงต่างก็พากันบินเข้ามาที่นั่น
ทันทีที่พวกนั้นมาถึง พวกนั้นก็มายืนตรงหน้าโอวเสินเฟิง และมองไปยังเด็กสาวตรงหน้า
โอวเสินเฟิงรีบพูดขึ้นมา “ ไม่ต้องกังวลไป นี่ไม่น่าจะใช่คนนอก ”
แม้ว่ารูปลักษณ์ของอ้าวเสี่ยวหร่านจะเปลี่ยนไป แต่เสียงของนางไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เสียงนางแค่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น หากเป็นเรื่องเสียงของอ้าวเสี่ยวหร่านแล้ว โอวเสินเฟิงรู้สึกคุ้นเคยดี
“ เจ้าคือหร่านเอ๋อร์ร์จริงๆรึ ?” โอวเสินเฟิงมองไปที่สาวน้อยตรงหน้าและถามขึ้นมา “ เจ้าลองบอกมาสิว่าเจ้าเป็นอะไรกับเจ้าสำนัก ? ”
อ้าวเสี่ยวหร่านมองไปที่โอวเสินเฟิงและพูดขึ้นมา“ ท่านพี่น่ะรึ ? ข้าเป็นน้องสาวของท่านพี่ไง ! ”
โอวเสินเฟิงยังไม่วางใจ “ นอกจากนี้ล่ะ ?”
อ้าวเสี่ยวหร่านเกาหัวและพูดขึ้นมา“ ข้าทำสัญญาเท่าเทียมกับท่านพี่ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น โอวเสินเฟิงก็ยืนยันตัวตนของอ้าวเสี่ยวหร่านได้ จางหยูและอ้าวเสี่ยวหร่านได้ทำสัญญาเท่าเทียมกัน เรื่องนี้นอกจากคนของสำนักคังเฉียงแล้วมีไม่กี่คนที่รู้
“ เจ้ากลับมาตอนไหนกัน ? แล้วเจ้าสำนักล่ะ ? ” โอวเสินเฟิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและถามขึ้น
“ ท่านพี่ยังบ่มเพาะอยู่ ” อ้าวเสี่ยวหร่านตอบด้วยแววตาใสซื่อ “ ระดับการบ่มเพาะของข้าเพิ่มขึ้นมา ดังนั้นท่านพี่จึงส่งข้ากลับมา…” อ้าวเสี่ยวหร่านเงียบไปก่อนจะมองไปที่คังชือหลินและคนอื่นๆ “ อาจารย์โอวคนพวกนี้เป็นใครกัน ?”
ตอนที่คังชือหลินและคนอื่นๆเข้าร่วมสำนักคังเฉียง ตอนนั้นนางกำลังหลับอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับคนพวกนี้ ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
โอวเสินเฟิงแสดงท่าทีเคารพออกมา“ นี่คืออาจารย์คนใหม่ของพวกเรา พวกเขาคือจีหลิง, คังชือหลิน, เทียนเฮ่าและจงเซี่ยวเซี่ยว พวกเขาอยู่ขอบเขตตุ้นซวน เจ้าควรเคารพพวกเขา ”
อ้าวเสี่ยวหร่านพยักหน้า “ โอ้ …”
แม้ว่าจะรับปากแต่อ้าวเสี่ยวหร่านหาได้ใส่ใจไม่
นางถามขึ้นต่อ “อาจารย์โอวแล้วพี่ซินซินล่ะ ? ”
นางไม่ลืมว่านางกลับมาที่สำนักคังเฉียง เพื่อเล่นกับอู่ซินซิน
“อู่ซินซินรึ ?” โอวเสินเฟิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ ตอนเช้านางยังอยู่ นางเพิ่งกลับบ้านไปเมื่อตอนบ่าย หรือว่าจะให้ข้าพาเจ้าไปที่บ้านนางดี ?”
เมืองทะเลทรายย้ายจากบนยอดเขาไปที่ตีนเขาแล้ว ตระกูลอู่เองก็ย้ายไปที่เมืองใหม่เช่นกัน
“ ไม่เป็นไร ข้าจะไปหาพี่ซินซินเอง ” อ้าวเสี่ยวหร่านส่ายหน้าและแผ่การรับรู้ออกมา แค่ชั่วครู่การรับรู้ก็แผ่ไปทั่วเมืองทะเลทราย ไม่นานนางก็พบกับอู่ซินซิน นางได้หัวเราะออกมาทันที “ ข้าเจอแล้ว พี่ซินซินอยู่ที่เมืองใต้เขานี่เอง ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น โอวเสินเฟิง,จีหลิง,คังชือหลิน,จงเซี่ยวเซี่ยวและเทียนเฮ่า ต่างก็มองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
อ้าวเสี่ยวหร่านโบกมือที่ขาวราวกับหยกให้กับทุกคน และพูดขึ้น “อาจารย์โอว ข้าจะไปเล่นกับพี่ซินซินก่อน ข้าขอตัว ”
โอวเสินเฟิงกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เขายังไม่ทันได้พูด ร่างของอ้าวเสี่ยวหร่านก็หายไปจากที่นั่น
“ เคลื่อนย้ายพริบตา ! ” จีหลิงหรี่ตาลงและพูดขึ้นมา “ นางเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด ! ”
คังชือหลินเองก็ตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่คิดว่าเด็กสาวที่ดูอายุ 16-17 ปีจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดได้ โลกนี้มันบ้าเกินไปแล้ว !
จีหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆและถามขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่น “ อาจารย์โอว เด็ก…เด็กสาวคนนี้เป็นใครกัน ?”
โอวเสินเฟิงเองก็ทึ่งอย่างมาก แต่เขาอยู่สำนักคังเฉียงมานานแล้ว เรื่องแปลกๆหลายเรื่องเขาเจอมันจนชินแล้ว ดังนั้นเขาจึงรวบรวมสติได้อย่างรวดเร็ว เขายิ้มและพูดขึ้นมา “ นี่คือสัตว์อสูรที่ทำสัญญาเท่าเทียมกับเจ้าสำนัก ชื่อว่าอ้าวเสี่ยวหร่านพวกท่านเรียกนางว่าหร่านเอ๋อร์ก็ได้ ” เขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนมังกรโลหิตของนาง เพราะจางหยูเคยห้ามไม่ให้ใครพูดถึงเรื่องมังกรโลหิต
“ สัตว์อสูรที่ทำสัญญาเท่าเทียมกับเจ้าสำนักรึ ? ทำไมเราไม่เคยเห็นนางมาก่อน ? ” จงเซี่ยวเซี่ยวถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ ตอนที่พวกท่านเข้าร่วมสำนักคังเฉียง หร่านเอ๋อร์ถูกเจ้าสำนักส่งไปยังที่ลับ ” โอวเสินเฟิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ ดูเหมือนว่านางน่าจะไปบ่มเพาะ ตอนนี้เจ้าสำนักได้ส่งนางกลับมาแล้ว ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น จีหลิงก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ มีอะไรอื่นนอกจากการบ่มเพาะหรือไม่ ? นางแค่บ่มเพาะเฉยๆรึ ?”
นี่คือยอดฝีมือระดับสูงสุด !
หากมองทั้งทวีปป่าแล้ว แน่นอนว่าเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง และนางยังดูอายุแค่ 16-17 ปี ยอดฝีมือระดับสูงสุดที่เยาว์วัยแบบนี้ จีหลิงไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่แค่ทำการบ่มเพาะจริงๆรึ ?
หากโอวเสินเฟิงรู้ความคิดของจีหลิง เขากลัวว่าเขาคงอดไม่ได้ที่จะบอกว่า อย่าดูรูปลักษณ์ภายนอกของอ้าวเสี่ยวหร่าน นางดูอายุ 16-17 ปีก็จริง แต่อันที่จริงแล้วนางเพิ่งฟักออกมาจากไข่ได้ไม่นาน นางอายุน้อยกว่านั้นมาก
“ คนที่นี่ดูแปลกไปหมด ! ” คังชือหลินยิ้มออกมา “ ข้าคิดว่าพรสวรรค์ของข้าสูงกว่าอาจารย์ และคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะแล้ว แต่หากเทียบกับหร่านเอ๋อร์แล้ว …” เขาส่ายหน้า ชัดแล้วว่าเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง
เมื่อคิดถึงอ้าวเสี่ยวหร่าน คังชือหลินและคนอื่นๆต่างก็นึกถึงเหล่าศิษย์ที่เพิ่งกลับมายังสำนัก แม้ว่าพรสวรรค์ของศิษย์เหล่านี้จะด้อยกว่าอ้าวเสี่ยวหร่าน แต่ทุกคนต่างก็มีพลังที่น่ากลัว อัจฉริยะในรุ่นเก่าต้องรู้สึกว่าตัวเองเย่อหยิ่งเกินไปแน่ๆ
ที่นี่คือสำนักคังเฉียง ที่ที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะที่น่ากลัว !
โอวเสินเฟิงหัวเราะออกมา เขาไม่ได้ตอบกลับอะไรในเรื่องนี้ และเปลี่ยนเรื่องทันที “ เอาล่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวลเรื่องสำนักแล้ว พวกท่านไปทำธุระของตัวเองกันต่อเถอะ ”
คังชือหลินและคนอื่นๆมองหน้ากัน ก่อนจะจากไปด้วยสีหน้าซับซ้อน
แต่ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปได้ไกลนัก ร่างของอ้าวเสี่ยวหร่านก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆโอวเสินเฟิง
“ หร่านเอ๋อร์ ” โอวเสินเฟิงตะลึงและพูดขึ้นมา
“อาจารย์โอวข้าเกือบลืมไป ตอนที่ข้ากลับมา ท่านพี่ฝากข้ามาบอกท่านว่า อีก 10 วันท่านพี่จะกลับมายังสำนักคังเฉียง ” อ้าวเสี่ยวหร่านโผล่มาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทันทีที่นางพูดจบนางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าไม่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาของนางนั้นดีกว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดอย่างเฉินกูและอ้าวเยว่ ทุกครั้งที่เคลื่อนย้าย ราวกับว่านางกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน เคลื่อนไหวได้ดั่งใจ
ตอนที่โอวเสินเฟิงได้สติ เขาก็ไม่เห็นร่างของอ้าวเสี่ยวหร่านแล้ว
คังชือหลินและคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลนัก ต่างก็พากันแปลกใจยิ่งกว่าเก่า พวกเขายิ่งตะลึงในสำนักคังเฉียงมากกว่าเดิม
สำนักที่ดูธรรมดาแห่งนี้ กลับมีพยัคฆ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่ !
ปรมาจารย์กำหนดอาหาร 6 ดาว, เด็กน้อยที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด, ราชาสัตว์อสูร, อาจารย์จากเผ่ามังกร,โอวเสินเฟิงที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา, เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งและเจ้าสำนักที่ลึกลับ….แค่ข้อมูลเล็กน้อยของสำนักคังเฉียงก็ทำให้พวกเขากลัวและทึ่งแล้ว ยิ่งพวกเขารู้เกี่ยวกับสำนักคังเฉียงมากเท่าไหร่ พวกเขายิ่งรู้สึกตะลึงกับสำนักคังเฉียงมากเท่านั้น
ใต้ภูเขาร้าง
ณ.ห้องส่วนตัวภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง มีคนมากมายอยู่ในห้องส่วนตัวนั้น อ้าวอู่เหยียน, อู่โม่, อู่ซินซิน, เซียวเหยียน,โจวซินเอ๋อร์และเติ้งชิวฉาน ต่างก็นั่งล้อมวงพูดคุยหัวเราะกันอยู่ บรรยากาศนั้นดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก
“ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน ข้าอยากเชิญท่านไปยังเมืองตงโจว ที่ร้านหลินจิงมีอาหารที่อร่อย แม้ว่าจะไม่ใช่อาหารทางการแพทย์แต่รสชาติมันก็ไม่เลว ” เซียวเหยียนหัวเราะออกมา“ ข้ากล้าบอกเลยว่านอกจากท่านอู่และท่านโหวของสำนักคังเฉียงแล้ว ทั้งเขตตงโจว ไม่มีใครกล้าบอกว่าทำอาหารได้ดีกว่าพ่อครัวที่นั่น ที่สำคัญที่สุดคือเราได้กินอาหารที่ท่านอู่และท่านโหวทำอยู่ตลอด การกินอาหารของที่อื่นบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ”
โจวซินเอ๋อร์พยักหน้า “ ใช่ ข้าได้ตามพี่เซียวเหยียนไปที่ร้านหลินจิงอยู่หลายครั้ง อาหารที่นั่นรสชาติดี แต่ราคาแพงกว่าที่อื่น แต่ไปกินบ้างก็ถือว่าไม่เลว เราไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินกันสักหน่อย ”
“ ร้านหลินจิงรึ ? ข้าเหมือนกับเคยได้ยิน ร้านอาหารนี้โด่งดัง แต่โชคร้ายที่ข้าไม่เคยไปมาก่อน ”อู่โม่รู้สึกเสียดาย
อู่ซินซินพึมพำออกมา “ พี่บอกว่าจะพาข้าไปเมื่อปีที่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป ”
“ พี่อู่โม่ ซินซิน หากพวกเจ้าต้องการจะไป เราไปด้วยกันตอนไหนก็ได้ ”เติ้งชิวฉานพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ เซียวเหยียน พวกเจ้าเองก็ไปด้วยกันสิ ”
นางเคยไปเมืองตงโจวมาหลายครั้ง และเคยกินอาหารที่ร้านหลินจิงมาหลายครั้งด้วย ดังนั้นนางจึงไม่ได้สนใจอาหารที่นั่นนัก
เซียวเหยียนหัวเราะออกมา“ แน่นอน ! พี่อู่โม่ ซินซิน พี่ชิวฉาน พวกเจ้าจะไปตอนไหนก็บอกข้าด้วย ข้าจะได้เตรียมการไว้ ” เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ “ หากคนในตระกูลข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะไปที่ร้านหลินจิง ข้ากลัวว่าพวกเขาคงจะจองที่นั่นไว้ให้ พวกนั้นน่ะมันตีสองหน้า ” แม้ว่าเซียวเหยียนจะไม่ได้ใส่ใจพวกคนแก่ในตระกูลมากนัก เพราะคนพวกนั้นมักจะกลั่นแกล้งเขาในอดีต แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยังรู้สึกเศร้าในใจ และคงยากที่จะมองข้ามเรื่องนี้ไปได้
“ แค่ก แค่ก เซียวเหยียนเรื่องไม่ดีน่ะไม่ต้องพูดถึงหรอก ” อู่โม่ยิ้มออกมาและเปลี่ยนเรื่องทันที “ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าหมั้นกับซินเอ๋อร์แล้ว เรายังไม่ได้ยินดีกับเจ้าเลย ….”
เซียวเหยียนและโจวซินเอ๋อร์มองหน้ากัน ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างออกมา ทั้งสองต่างก็พากันบอกกับอู่โม่ “ ขอบคุณพี่อู่โม่ ! ”
อ้าวอู่เหยียน,เติ้งชิวฉานและอู่ซินซินเองก็ยินดีกับทั้งคู่ “ ยินดีด้วย ! ”
“ ขอบคุณ ขอบคุณอาจารย์อ้าวอู่เหยียน ขอบคุณทุกคน !” เซียวเหยียนลุกขึ้นยืนและยกแก้วขึ้นมา “ ได้รับการอวยพรจากทุกคน ข้าเซียวเหยียนรู้สึกซาบซึ้งมาก ข้าไม่มีอะไรต้องพูดมาก หมดแก้ว ! ”
โจวซินเอ๋อร์เองก็ยกแก้วของนางขึ้นมาจิบ ก่อนจะหัวเราะออกมา
“ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน พูดกันตามตรง ข้าได้ยินตำนานของเผ่ามังกรมานานแล้ว และสงสัยในเรื่องเผ่ามังกร ท่านเล่าเรื่องเผ่ามังกรได้หรือไม่? เกาะมังกรเป็นแบบไหน? ในตำนานบอกว่ามังกรศักดิ์สิทธิ์ทุกตัวต่างก็มีพลังทำลายล้างโลก ส่วนราชามังกรก็ถือว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลก ความแตกต่างระหว่างมังกรเป็นยังไง แล้วความต่างเรื่องทักษะศักดิ์สิทธิ์ล่ะ เรื่องพวกนี้มันจริงหรือไม่? ” หลังจากที่นั่งลง เซียวเหยียนก็มองไปที่อ้าวอู่เหยียนด้วยสีหน้าสงสัยและคาดหวัง
อันที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขามากินข้าวด้วยกัน
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พวกเขาอยู่ด้วยกันแทบทุกวันจนสนิทกัน ตั้งแต่ที่อ้าวอู่เหยียนแสดงตัวว่าเป็นนักกิน ภาพลักษณ์ที่สูงส่งของเขาก็หายไปจากหัวของเหล่าลูกศิษย์ แต่เพราะแบบนั้นความสัมพันธ์ของอ้าวอู่เหยียนกับเหล่าศิษย์จึงใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม พวกเขามักจะมากินข้าวด้วยกันบ่อยๆ และทำตัวเหมือนกับพี่น้องกัน
เมื่อได้ยินที่เซียวเหยียนถาม อู่โม่, อู่ซินซิน,เติ้งชิวฉานและโจวซินเอ๋อร์ต่างก็มองไปที่อ้าวอู่เหยียนด้วยสีหน้าสงสัยเช่นกัน
อ้าวอู่เหยียนโยนผักเข้าไปในปากและเคี้ยว เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับกลืนผักลงคอ “ อึก…เผ่ามังกรแข็งแกร่งจริงๆ แต่ไม่ได้วิเศษแบบที่พวกเจ้าคิด…อึก หากเทียบกับสำนักคังเฉียงแล้ว เผ่ามังกรไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย พ่อข้าเคยถูกยกว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าก็เคยคิดแบบนั้น แต่เมื่อได้พบกับเจ้าสำนัก ข้าก็พบว่ามันเป็นเรื่องโกหก คนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่สำนักคังเฉียงต่างหาก..”
“ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน กินช้าๆ ไม่มีใครแย่งท่านกินหรอก ” เซียวเหยียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
สุดท้ายอ้าวอู่เหยียนก็กรอกตาใส่“ เจ้าจะไปรู้อะไร ? ข้าเกิดมาเพื่อกิน เจ้าจะมาพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน กินสิ กินเยอะๆ ! ”
ตอนนั้นธาตุแท้ของอ้าวอู่เหยียนผู้ตะกละก็ได้เผยออกมา