ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 414 ทางเลือกสำคัญ
อันหลินตะลึงงันเมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนอี้
ผู้หญิงคนนี้…สุดยอดจริงๆ!
ในกระทะมีเนื้อแค่สามร้อยชิ้น ม่อไห่ได้หนึ่งร้อยชิ้น แต่นางจะซื้อสองร้อยชิ้น…
นี่มันจะให้อันหลินเลียกระทะชัดๆ!
“ขออภัย ข้าขายได้มากสุดแค่หนึ่งร้อยชิ้น”
อันหลินพูดอย่างเคร่งขรึม ท่าทางไม่ยี่หระ
อย่างไรเสียเราก็เป็นเถ้าแก่ เพิ่มเงื่อนไขตามใจชอบได้อยู่แล้ว
“ได้เลย งั้นข้าขอสิบชิ้น!” ซ่างกวนอี้พูด
อันหลิน “…”
ม่อไห่ “…”
อันหลินรับสามพันหินวิญญาณมา หยิบถ้วยชามออกมาให้ซ่างกวนอี้กับม่อไห่ ทั้งสามนั่งล้อมรอบกระทะก้นแบน
ตอนแรกซ่างกวนอี้แค่อยากร่วมสนุก แต่เมื่อนางกินเนื้อชิ้นแรกเข้าไป ก็เกือบจะบรรลุจุดสูงสุด คุณพระ! ในโลกหล้ามีเนื้อที่อร่อยเลิศล้ำเช่นนี้ด้วยหรือ!
ม่อไห่ยิ่งกว่า แทบจะกลืนลิ้นของตนลงไปด้วยแล้ว “พี่อันหลิน ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า เจ้ายอมไม่ลงมือ แต่ต้องผัดเนื้อให้เสร็จ อาหารโอชารสปานนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด!”
“ด้วยประโยคนี้ของเจ้า ข้ามอบเนื้อให้เจ้าอีกสิบชิ้น!” อันหลินพูดอย่างเริงร่า
ม่อไห่สั่นสะท้าน รีบใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีประจบประแจงอันหลินทันที
“สหายอันหลิน ข้าขอพูดอะไรหน่อย เป็นคนแบบไหน ก็ทำอาหารออกมาแบบนั้น ฝีมือการปรุงอาหารเป็นความสามารถ เป็นความปราดเปรื่อง เป็นความเที่ยงธรรม…” ม่อไห่พูดไม่หยุด ด้วยหวังว่าอันหลินจะมอบเนื้อให้อีกสักหน่อย
หลังซ่างกวนอี้กินเนื้อสิบชิ้นหมด ใบหน้าก็ฉายความเสียดาย
ทำไมเมื่อครู่ข้าไม่ซื้อให้เยอะหน่อย
ทำไมข้าถึงได้โง่ขนาดนี้
ข้ากำลังทำอะไรกันแน่
มองดูสองคนที่กำลังสวาปาม ในที่สุดซ่างกวนอี้ก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเบาว่า “สหายอันหลิน ข้าอยากซื้ออีกสักหน่อย คำพูดเมื่อครู่…ถอนได้หรือไม่”
อันหลินเงยหน้ามองซ่างกวนอี้ หญิงงามที่ถูกลูกศิษย์สำนักวิหคชาดขนานนามว่าหญิงงามผู้เย็นชา บัดนี้ใบหน้าเจือความเขินอายและปรารถนา
เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าลงทุนระยะยาวได้ จึงพยักหน้า “ศิษย์พี่ซ่างกวนอี้ อย่างไรเสียข้าก็ถือเป็นคนของสำนักวิหคชาดแล้ว มอบให้เจ้าอีกเก้าสิบชิ้น ไม่คิดเงิน ได้กินคนละหนึ่งร้อยชิ้น แบบนี้สิเรียกว่ามีสุขร่วมเสพ!”
ซ่างกวนอี้นิ่งไปหลายอึดใจ ราวกับถูกความสุขมวลมหาศาลจู่โจม นัยน์ตาสั่นระริก พูดขอบคุณว่า “สหายอันหลิน ขอบคุณเจ้ามากเหลือเกิน เจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ!”
อันหลิน “…”
ม่อไห่กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่สิ ในกระทะมีเนื้อแค่สามร้อยชิ้นไม่ใช่หรือ ข้าได้เพิ่มอีกสิบชิ้นเท่ากับหนึ่งร้อยสิบชิ้น งั้นสหายอันหลินก็เหลือแค่เก้าสิบชิ้นไม่ใช่หรือ”
อันหลินได้ฟังก็กระจ่างแจ้งทันใด พยักหน้าพูดว่า “สหายม่อไห่พูดมีเหตุผล งั้นข้าจะหักของเจ้าสิบชิ้น แบบนี้ทุกคนก็เท่าเทียมกันแล้ว!”
“พรืด” ม่อไห่กระอักเลือด อยากจะตบปากตัวเองจริงๆ
เวรตะไล เมื่อครู่ข้าจะพยายามเลียแข้งเลียขาแทบล้มประดาตายไปทำไม!
ซ่างกวนอี้เองรู้สึกขบขำกันภาพนี้ จึงป้องปากขำ
ทั้งสามกินเนื้อเสือขาวในกระทะจนเกลี้ยง จากนั้นก็นั่งบนพงหญ้าด้วยความรู้สึกที่ยังไม่หนำใจ
“ศิษย์พี่ซ่างกวนอี้ ในเมื่อเจ้าได้มายาเพลิงวิหคชาดชั้นสูงแล้ว สามารถกระตุ้นป้ายเคลื่อนย้ายสีแดง ย้อนกลับสำนักได้แล้ว ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ” ม่อไห่ถาม
“ต้องขอบคุณพวกเจ้าทั้งสองที่ช่วยจัดการอสูรเพลิงสวรรค์ตัวนั้น ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่มีโอกาสสังหารนกเพลิงตัวนั้น ตอนนี้ข้าจะขอตอบแทนพวกเจ้าด้วย” ซ่างกวนอี้เอ่ยเรียบๆ
“นี่มัน…คุกวิหคชาดเต็มไปด้วยภัยอันตราย พวกเราไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยง…” ม่อไห่สองจิตสองใจ
“ม่อไห่ เจ้าไม่ต้องพูดให้มากความ เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว” ซ่างกวนอี้พูดอย่างจริงจัง
อันหลินมองสองคนที่กระบิดกระบวนด้วยความงุนงง
มีสหายแข็งแกร่งที่คอยช่วยเหลือเพิ่มมาเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ ทำไมม่อไห่ต้องผลักไสคนอื่นด้วยล่ะ
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เข้าก็ได้ยินกระแสจิต “สหายอันหลิน เจ้าพูดอะไรหน่อยสิ ช่วยเกลี้ยกล่อมให้ศิษย์พี่ซ่างกวนอี้กลับไปหน่อย!”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ ส่งกระแสจิตกลับไปว่า “ทำไมต้องเกลี้ยกล่อมนางด้วย มีสหายแข็งแกร่งคอยช่วยเหลือดีจะตายไป แถมยังเป็นคนสวยด้วย มีอาหารตาตลอดทาง เจ้าทำแบบนี้จะโดดเดี่ยวไปชั่วชีวิต!”
“โดดเดี่ยวไปชั่วชีวิตกับผีน่ะสิ ในคุกวิหคชาดที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย หากให้นางติดตามไปด้วย พวกเราอาจจะจบเห่ก็ได้!” ม่อไห่ส่งกระแสจิตกลับมาอย่างร้อนรน “เจ้าไม่รู้วีรกรรมของนาง รัศมีความโชคร้ายของนางเป็นที่ลือเลื่องในสำนักวิหคชาด มักจะพบเจอเรื่องไม่ดีอยู่บ่อยๆ ไม่ได้แค่ซวยตัวเอง แต่ยังซวยคนอื่นด้วย เจ้าคิดว่าฝูงนกเพลิงเป็นพันตัวมีให้เห็นบ่อยๆ หรือไง เป็นเพราะนางดวงซวยเรียกมาทั้งนั้น!”
เมื่ออันหลินได้ฟังคำพูดเหล่านี้ก็ชะงัก กลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจซ่างกวนอี้เสียมากกว่า ส่งกระแสจิตชี้แนะม่อไห่ด้วยความจริงใจว่า “สหายม่อไห่ ข้าไม่ได้ว่าเจ้านะ ในฐานะที่เป็นศิษย์ของสำนักวิหคชาด ควรจะรักใคร่กลมเกลียวกัน ทำไมถึงได้ต่อต้าน ศิษย์พี่ซ่างกวนอี้น่าสงสารนัก เป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือ แต่เจ้ากลับผลักไสนาง เจ้าไม่ปวดหัวใจหรือ ยังจะบอกว่ารัศมีความโชคร้ายอีก เจ้ามันงมงายชัดๆ! เคยเห็นตัวซวยที่สวยขนาดนี้หรือ”
ม่อไห่ “… แล้วเจ้าจะเสียใจ”
อันหลินกลอกตาไปมา คร้านจะสนใจเขา
ในตอนนั้นเอง สีหน้าของม่อไห่กับซ่างกวนอี้ก็เปลี่ยนไป
พวกเขาต่างก็หยิบยันต์สีเหลืองออกมาด้วยสีหน้าที่ขึงขังอย่างยิ่ง
“เป็นอะไรไป” อันหลินก็พลอยระแวงไปด้วย
“ถ้าลูกศิษย์คนสำคัญของสำนักประสบอันตรายในละแวกใกล้เคียง ยันต์ของสำนักก็จะสว่าง ดูจากตำแหน่งของพลังแล้ว อยู่ในตำแหน่งทางใต้ไกลออกไปพันลี้” ซ่างกวนอี้เอ่ยช้าๆ
“พันกว่าลี้เป็นเขตเทือกเขาขุมทรัพย์ทางใต้ของคุกวิหคชาด หลู่เจียจื้อไปทางตะวันตก จี้หย่งฟางไม่มีความกล้าไปทางใต้หรอก งั้นก็เป็นหยางหยวนที่เจออันตรายแล้ว” ม่อไห่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
อันหลินไม่ค่อยเข้าใจ “พวกเรามีป้ายเคลื่อนย้ายไม่ใช่หรือ หากเจออันตรายที่จัดการไม่ได้ ก็กระตุ้นป้ายอาญาสิทธิ์ส่งตัวกลับไปก็พอแล้วไม่ใช่หรือ”
ซ่างกวนอี้ถอนหายใจ “ศิษย์พี่หยางหยวนอาจจะเข้าไปในแดนพิศวงที่ตัดขาดจากมิติ หรือเจอกับศัตรูที่ใช้วิชามิติ…”
สุดท้ายทั้งสามก็เงียบงัน
แม้การทดสอบของคุกวิหคชาดจะขึ้นอยู่กับโชคชะตา แต่พวกเขาไม่อยากทอดทิ้งศิษย์สำนักเดียวกัน จะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตมุ่งหน้าไปช่วยเหลือ แต่จะกลายเป็นทางเลือกที่ยากลำบาก คุ้มค่าหรือไม่
ทางใต้ของคุกวิหคชาดเป็นดินแดนอันตรายที่มีอัตราการตายสูงกว่าร้อยละเก้าสิบ แม้แต่หยางหยวนที่เป็นสุดยอดของการแปลงจิตก็ยังเจออันตรายที่รับมือไม่ได้ จะเห็นได้ว่าที่นั่นอันตรายปานใด
ดวงตาของม่อไห่แปรเปลี่ยนเป็นดุดัน เอ่ยว่า “ศิษย์พี่หยางหยวน ข้านิ่งดูดายไม่ได้ ข้าอยากดูสิว่าทางใต้ของคุกวิหคชาดที่ถูกขนานนามว่าแดนมรณะร้ายกาจปานใดกันแน่”
“ข้าไปด้วย” ซ่างกวนอี้พูดเสียงเรียบ
อันหลินเองก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล “ข้าจะไปด้วย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นอันดับหนึ่งของศิษย์ในนามสำนักวิหคชาด จะทำให้ฉายานี้ขายหน้าไม่ได้”
ทั้งสามยิ้มให้กัน จากนั้นก็พุ่งขึ้นฟ้า มุ่งหน้าเหาะไปทางใต้ของคุกวิหคชาด!
อันหลินขี่ก้อนอิฐเหาะเหิน ทอดมองแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาล ในใจปั่นป่วนยิ่งแล้ว
เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องราวของการทดสอบครั้งนี้ จะทำให้ตนเลือกดินแดนที่อันตรายที่สุด บางทีนี่คงเป็นโชคชะตาล่ะมั้ง
แต่จู่ๆ เขาก็พรั่นใจ เหลียวหลังมองซ่างกวนอี้ ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในใจ
คงไม่ใช่เพราะนางหรอกนะ
ไม่หรอก ต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ๆ!