ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 412 จอมปีศาจเรียกอสูร
“สหายม่อไห่ชมเกินไปแล้ว” อันหลินยิ้มบางๆ
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมากเหลือหลาย เขาชินตั้งนานแล้ว
ม่อไห่เข้ามาใกล้งูยักษ์ผลึกกาฬ ใช้ดาบฟันร่างของมัน
เห็นลูกไฟที่มีรูปร่างคล้ายขนนกเพลิงสีแดงฉาน ลุกโชนในตัวของงูยักษ์ พลังเพลิงที่บริสุทธิ์ก่อตัวเป็นริ้วคลื่นแผ่กระจาย ชวนให้คึกขึ้นมา
“โชคดีใช้ได้ อสูรเพลิงพสุธาตัวแรกก็เจอมายาเพลิงวิหคชาดชั้นกลางแล้ว มา อันหลิน เจ้ารับไว้ ดูดซึมมันเสีย!” ม่อไห่ยื่นขนเพลิงให้อันหลินพร้อมรอยยิ้ม
ลูกเพลิงเก็บใส่แหวนมิติไม่ได้ ยามกลับสำนักวิหคชาด ทุกคนจะนำลูกเพลิงไปได้แค่หนึ่งเดียว แต่เป้าหมายของพวกเขาเป็นมายาเพลิงวิหคชาดชั้นสูง สำหรับลูกเพลิงชั้นต่ำพวกนี้ แน่นอนว่าเลือกดูดซึมพลังงานของมัน
อันหลินรับมายาเพลิงมาแล้วเริ่มกระตุ้นวิชาดูดซึม รับพลังเพลิงที่แฝงอยู่เข้าสู่ร่างกาย
พลังเพลิงที่แฝงอยู่ในลูกเพลิงล้นหลามยิ่งนัก ไม่ด้อยไปกว่าสรรพคุณของสุดยอดยาวิเศษเลยสักนิด
เมื่อเขาดูดซึมพลังงานเพลิงเสร็จ ดวงตาก็กระจ่างใส เพลิงเทวะทั้งสี่ในกายต่างก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
“ลูกเพลิงนี่เป็นของดีจริงๆ ด้วย หากว่าล่าอสูรที่นี่ รวบรวมลูกเพลิงไม่พัก เชื่อว่ามรรคพลังเพลิงต้องทะลวงขั้นอย่างใหญ่หลวงแน่ๆ!” อันหลินอุทาน
ม่อไห่ส่ายหน้ายิ้มๆ “มีแต่สหายอันหลินที่พูดเช่นนี้ได้ ลูกศิษย์ของสำนักล้วนเสี่ยงอันตรายมายังแดนต้องห้ามแห่งนี้ ได้มายาเพลิงวิหคชาดชั้นกลางลูกหนึ่งก็ขอบคุณสวรรค์แล้ว ไหนเล่าจะกล้ามองที่นี่เป็นลานล่าสัตว์…”
ดวงตาของอันหลินลุกวาว “การทดสอบคุกวิหคชาดจำกัดเวลาหรือไม่”
ม่อไห่ได้ฟังก็ชะงัก “พลังงานของป้ายเคลื่อนย้ายสีแดงมีเวลาราวๆ เจ็ดวัน ครั้นถึงเวลา ป้ายเคลื่อนย้ายสีแดงจะกระตุ้นมิติแล้วส่งพวกเรากลับสำนักวิหคชาดเอง แน่นอนว่า หลังพวกเราได้ลูกไฟแล้ว จะกระตุ้นก่อนก็ย่อมได้ สหายอันหลิน เจ้าคงไม่ได้คิดจะรวบรวมลูกเพลิงที่นี่อยู่ตลอดหรอกนะ ความอันตรายของแดนต่างมิติแห่งนี้เหนือกว่าที่เจ้าคาดการณ์อักโข แม้แต่นักพรตระดับแปลงจิตขั้นปลายก็เคยสิ้นชีพที่นี่ร่วมยี่สิบกว่าคน”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่อยู่ที่นี่นานปานนั้นหรอก พวกเราออกล่ากันต่อเถอะ” อันหลินพูดยิ้มๆ
ไม่อยู่เจ็ดวัน อยู่แค่หกวันแล้วกัน!
ม่อไห่ได้ยินว่าอันหลินไม่ได้คิดเช่นนั้น ก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง
ตอนนี้เขายอมรับความสามารถของอันหลินแล้ว ทั้งสองร่วมมือกันแม้จะเจออสูรเพลิงสวรรค์ บางทีอาจหาโอกาสสังหารมันได้ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ใช้อาวุลับที่มีมูลค่าสูงยิ่งชิ้นนั้น
หากไม่มีอะไรผิดพลาด คงรวบรวมลูกเพลิงขั้นสูงสองลูกได้ภายในสี่วัน
ทั้งคู่ไม่ประวิงเวลาอีก เหาะขึ้นฟ้าแล้วหายลับไปในขุนเขาอีกครั้ง
ผ่านไปอีกราวๆ สิบชั่วยามโดยไม่รู้ตัว
ทั้งคู่สังหารอสูรเพลิงวิญญาณไปทั้งสิ้นสิบกว่าตัว อสูรพสุธาสี่ตัว เก็บเกี่ยวเรียกได้ว่ามหาศาลอย่างยิ่ง แต่ไม่เจออสูรเพลิงสวรรค์สักที
พรึ่บ
ลำแสงสีแดงยาวสิบกว่าจั้งเส้นหนึ่งแฝงด้วยพลังเพลิงอันน่ากลัว ทลายม่านเพลิงของเสือขาว อสูรเพลิงพสุธา ร่างมโหฬารก็ถูกลำแสงฉีกเป็นสองท่อนในพริบตา
ม่อไห่ชักดาบกลับอย่างสง่างาม ใบหน้าฉายความหงุดหงิด เอ่ยเสียงเย็นว่า “แมวตัวกระจ้อยยังอาจหาญมาคำรามใส่ข้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ!”
“แปะๆ ๆ…” อันหลินปรบมือ “ความเท่เจ็ดสิบคะแนน ถ้าสายตาของเจ้าไม่มองเสือที่ล้มลง แต่จ้องมองท้องฟ้า คะแนนจะเพิ่มอีกสิบคะแนน!”
ม่อไห่ได้สติทันใด พยักหน้าอย่างถ่อมตัว “ขอบคุณสหายอันหลินที่ชี้แนะ ครั้งหน้าข้าจะระวัง!”
อันหลินผงกศีรษะอย่างปลื้มใจ ระหว่างการล่าอสูรที่จืดชืด เขาจะชี้แนะม่อไห่ว่าควรวางมาดอย่างไรอยู่ตลอด ตลอดระยะเวลานี้ ความขี้เก๊กของม่อไห่จึงพุ่งทะยาน ได้ประโยชน์ก่ายกอง
ม่อไห่ดูดซึมพลังเพลิงของมายาวิหคชาดแล้วพยักหน้าอย่างพออกพอใจ ก่อนจะพูดว่า “เราไปกันเถอะ ค้นหาอสูรเพลิงสวรรค์กันต่อ”
อันหลินได้ฟังกลับนิ่งไม่ไหวติง แต่มองเนื้อสีขาวแกมทองของเสือขาวตัวนั้น
เขาคำนวณเวลาครู่หนึ่ง คิดว่าตอนนี้พลังของกระทะก้นแบนน่าจะฟื้นฟูแล้ว จะพลาดโอกาสทำอาหารครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะนั่นมันอาหารเลิศรสเชียวนะ!
“สหายอันหลิน เจ้าเป็นอะไรไป” เมื่อเห็นอันหลินทำหน้าแปลกๆ ม่อไห่ก็ถามด้วยความสงสัย
“ฮะ” อันหลินได้สติ ถามจริงจังว่า “สหายม่อไห่ เจ้าหิวหรือยัง”
ม่อไห่ส่ายหน้า “ข้าระดับแปลงจิตแล้ว อยู่ได้หลายวันโดยที่ไม่กินอะไร ไม่มีผลกระทบเลย”
อันหลินพยักหน้า “อืม ไม่หิวก็ดี งั้นข้าจะผัดเนื้อเสือสักจานก่อน บอกไว้ก่อนนะ ถึงตอนนั้นเจ้าห้ามมาแย่งข้ากินละ!”
เขาพูดพลางถือกระบี่พิชิตมารเดินเข้าไปหาเสือขาวแล้วเริ่มหั่นเนื้อ
ม่อไห่มองอันหลินอย่างงุนงง “เจ้าจะผัดเนื้อเสือตอนนี้หรือ แถมยังกลัวข้าจะแย่งเจ้ากินอีก เจ้าล้อกันเล่นหรือไง เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่!”
อันหลินเมินคำพูดของม่อไห่ ก้มหน้าก้มตาหยิบกระทะก้นแบนออกจากแหวนมิติ ก่อไฟ ใส่เครื่องปรุง โยนเนื้อเสือขาวขึ้นกลางอากาศ กระบี่พิชิตมารกลายเป็นเงาดำเป็นระลอกๆ ตัดเนื้อก้อนใหญ่เป็นชิ้นเนื้อหลายร้อยชิ้นขนาดเท่ากันในพริบตา ตกลงในกระทะ จากนั้นก็เริ่มผัด!
ม่อไห่มองกิริยาท่าทางที่คล่องแคล่วเหล่านี้ อดชูนิ้วโป้งไม่ได้ “มืออาชีพนี่นา!”
เมื่อคลุกเคล้าไม่หยุด ในที่สุดกลิ่นหอมยั่วยวนก็เริ่มฟุ้งกระจาย
ม่อไห่สะดุ้งโหยงทันทีที่ได้กลิ่นหอม ความไม่อยากจะเชื่อปรากฏบนใบหน้า “คุณพระ…กลิ่นนี้มัน…เนื้อของเสือขาวตัวนี้เป็นวัตถุดิบชั้นสูงหรือ!”
“เหอะๆ เสือขาวอย่างมากก็เป็นได้วัตถุดิบที่ดีนิดหน่อย สำคัญที่ฝีมือการปรุงอาหารของยอดพ่อครัวอัน ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะทิ้งซากเสือขาวตัวเป้งไว้แบบนั้นหรือ” อันหลินพูดพลางยิ้มบางๆ
ม่อไห่คิดๆ ดูแล้วก็คิดว่ามีเหตุผล
เมื่อกลิ่นหอมอบอวลขึ้นเรื่อยๆ เนื้อก็จวนได้ที่แล้ว เขาเผลอกลืนน้ำลาย ดวงตาจับจ้องเนื้อในกระทะอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ พูดแกมขอร้องว่า “ข้าถอนคำพูดเมื่อครู่ได้ไหม”
อันหลินเหลือบมองม่อไห่แวบหนึ่ง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าไม่หิว บอกว่าข้าล้อเล่นไม่ใช่หรือ”
ม่อไห่เขินอาย จากนั้นก็พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “เมื่อครู่ข้าพูดเหลวไหล! ข้าไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว เจ้าช่วยสงสารข้าแบ่งเนื้อในกระทะให้ข้าหน่อยได้ไหม”
อันหลินยืนกรานหนักแน่นว่า “ไม่ได้!”
ม่อไห่ “…”
ในตอนนั้นเอง หมาป่าที่แผ่เปลวไฟสีดำตัวเขื่องหลายตัวก็ค่อยๆ เข้าใกล้อันหลิน นัยน์ตาจ้องเนื้อในกระทะไม่วางตา ใบหน้าฉายความอันตรายและหิวกระหาย
“โอ้โฮ เนื้อของข้าดึงดูดอสูรได้ด้วย ได้กำไรแล้วๆ…” ใบหน้าของอันหลินฉายความประหลาดใจเมื่อเห็นหมาป่าฝูงนี้
“สหายอันหลิน ข้าจะปกป้องเจ้าเอง หมาป่าบรรพกาลพวกนี้ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง! เจ้าผัดเนื้อให้สบายใจเถอะ หลังข้าจัดการสัตว์ประหลาดพวกนี้แล้ว ช่วยแบ่งเนื้อให้ข้าสักนิดเพื่อบำรุงกำลังเป็นพอ!” ม่อไห่พูดอย่างฮึกเหิม
ขณะนั้นเอง เมฆเพลิงที่อยู่ไกลๆ ก็เคลื่อนไหวรุนแรง
ร่างสีขาวเหาะมาทางพวกเขา ด้านหลังมีนกเพลิงร่วมพันตัวติดตามมา
“ซ่างกวนอี้!” ม่อไห่ตะลึงงันเมื่อเห็นผู้มาเยือน
คุกวิหคชาดใหญ่โตปานนี้ พบเจอกันเป็นวาสนาสูงล้ำจริงๆ เสียดายที่เหมือนว่าวาสนานี้จะไม่เป็นมิตรขนาดนั้น
นกเพลิงพันตัวหลังซ่างกวนอี้ประดุจทะเลเพลิงที่เกลือกกลิ้ง ม้วนตัวมาอย่างมโหฬารพันลึก ความน่ากลัวทำให้เขาเริ่มหายใจติดขัด
นกไฟสีทองหกปีกที่อยู่หน้าขบวนตัวนั้นเป็นอสูรเพลิงระดับเพลิงสวรรค์ด้วยซ้ำ!
“สหายม่อไห่ สหายอันหลิน! รบกวนพวกเจ้าช่วยควบคุมนกเพลิงเหล่านี้ให้ข้าสิบอึดใจ ข้าขอเตรียมวิชาหน่อย!” ซ่างกวนอี้หน้าซีดเซียว ส่งกระแสจิตบอกกล่าวแต่ไกล
อันหลินเห็นขบวนทัพนั้นก็นิ่งไปหลายวินาที “พับผ่าสิ ซ่างกวนอี้ เจ้าดึงดูดอสูรได้สุดยอดกว่าข้าอีก! มาเป็นพันตัวในรวดเดียว!”
ซ่างกวนอี้ทำหน้าละอายใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง แต่ความเร็วที่เหาะมาทางพวกอันหลินกลับเพิ่มขึ้น…
อันหลินมองเนื้อที่ยังผัดไม่สุกในกระทะแวบหนึ่ง ปวดใจอย่างหาที่สุดไม่ได้
หากว่าดับไฟตอนนี้ โอกาสเพิ่มรสชาติของกระทะก้นแบนในวันนี้ก็จะสูญเปล่า!
“สหายม่อไห่ เจ้าเคยพูดว่าเจ้าจะปกป้องข้า ข้าขอทำอาหารก่อน ส่วนนกเพลิงขอยกให้เจ้า! หลังเสร็จธุระ ข้าจะแบ่งเนื้อผัดให้เจ้าเป็นหนึ่งในสามเลย!” อันหลินมองม่อไห่แวบหนึ่งแล้วพูดอย่างนอบน้อม
ม่อไห่ได้ฟังก็หน้ามืด ระยำเอ๊ย!
นกเพลิงระดับอสูรเพลิงสวรรค์หนึ่งตัว บวกกับนกเพลิงระดับอสูรเพลิงวิญญาณนับร้อยตัวและนกเพลิงอสูรสามัญร่วมพัน เขาจะเอาอะไรไปขวาง!
“สหายอันหลิน เมื่อครู่ข้าแค่พูดส่งเดช เจ้าคิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดได้ไหม” ม่อไห่มองฝูงนกเพลิงที่แผดเผานภา น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อแล้ว