ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 402 ข้าเป็นพ่อครัวดีกว่า
อันหลินยื่นขนมไหว้พระจันทร์ให้สวีเสี่ยวหลานด้วยความจริงใจ ขาดเพียงแปะคำว่าจริงใจไว้บนหน้า
สีหน้าของสวีเสี่ยวหลานอ่อนลงนิดหน่อย แต่ยังคงใช้มือดันขนมไหว้พระจันทร์ออกเบาๆ “เจ้าเคยให้ขนมไหว้พระจันทร์กับข้าหนหนึ่งแล้ว ข้าไม่รับ ข้ายังมีธุระนิดหน่อย ขอตัวไปจากที่นี่ก่อน ทุกคนคุยกันเถอะ”
สวีเสี่ยวหลานพูดแล้วหันหลังจากไป
อันหลินถือขนมไหว้พระจันทร์คามือ ในใจวูบโหวง ความรู้สึกของเด็กที่น้อยอกน้อยใจอย่างยิ่งกำลังลุกลาม
ถังซีเหมินมองขนมไหว้พระจันทร์ในมืออันหลิน เผลอกลืนน้ำลาย ในใจคิดว่าปฏิเสธหินวิญญาณของอันหลินแต่แรกก็ดี เช่นนั้นไม่แน่ว่าอาจจะได้ขนมไหว้พระจันทร์ของฉางเอ๋อมาแทนก็ได้!
อันหลินหมดอาลัยตายอยาก อำลาเพื่อนๆ แล้วขี่ก้อนอิฐกลับบ้านพักของตน
กลางเวหา เขามองระบบที่ตนเกลียดเข้าไส้อีกครั้ง เห็นแถบภารกิจพิเศษแจ้งเตือนว่าภารกิจสำเร็จแล้ว
‘ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ทำภารกิจ ‘เป็นมนุษย์ต้องสงบเสงี่ยม ข้าจะช่วยเจ้าบรรลุเซียน’ สำเร็จ รับโอกาสสุ่มจับรางวัลหนึ่งครั้ง ในการสุ่มจับรางวัลครั้งนี้มีสิทธิ์ลุ้นรับ’
‘อาวุธวิเศษ (50 ชิ้น) อาวุธเซียน (10 ชิ้น) ศาสตราวุธพิเศษ (1 ชิ้น) อาวุธเทวะ (3 ชิ้น)’
อันหลินอ่านคำชี้แจงของระบบ ในใจหยุดก่นด่าได้สักที
สุ่มจับอาวุธครั้งก่อนมีศาสตราวุธหนึ่งร้อยชิ้น ตอนนี้ศาสตราวุธกลายเป็นอาวุธเทวะสามชิ้นไปแล้ว
บ่งบอกว่าคุณภาพของรางวัลที่สุ่มจับน่าจะเกี่ยวข้องกับพลังยุทธ์ของเขา ตอนนี้อยู่ในระดับแปลงจิตแล้ว ศาสตราวุธคงถูกปลดออกจากระบบแล้ว อีกอย่างจำนวนของอาวุธพวกนี้มีจำกัด เพราะก่อนหน้านี้อาวุธพิเศษของระบบมีสองชิ้น นับตั้งแต่ได้ก้อนอิฐสีดำไป ศาสตราวุธพิเศษก็กลายเป็นชิ้นเดียว
แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียเขาก็ไม่สนใจอาวุธพิเศษ สายตาของเขาจับจ้องอาวุธเทวะ!
ดวงตาของอันหลินวาวโรจน์ เขาได้ยินว่าปกติแล้วอาวุธเทวะจะมีพลังหยั่งรู้ฟ้าดิน เป็นอาวุธในตำนาน
ไม่คิดว่าระบบจะมีโอกาสลุ้นรับอาวุธแบบนี้ด้วย สุดยอดจริงๆ!
เขากลืนน้ำลาย เริ่มสุ่มจับรางวัลในสมอง
ระบบก็ฉายแสงสว่างเจิดจ้าในเวลานี้เช่นกัน
ติ้ง
‘ยินดีด้วย ท่านได้รับรางวัลใหญ่!’
อันหลินได้ฟังก็สะดุ้งโหยง ลมหายใจถี่กระชั้นจนแทบจะขาดออกซิเจน
ได้รางวัลใหญ่!
ได้ยินไหม เราได้รางวัลใหญ่!
ขั้นสุดยอดคืออาวุธเทวะ เราไร้เทียมทานแล้ว วะฮ่าๆ ๆ…
เขามองระบบ เห็นระบบแสดงตัวอักษรสีทองว่า
‘ยินดีด้วยท่านได้รับอาวุธพิเศษ กระทะก้นแบนแรกกำเนิด!’
‘กระทะใบนี้เหมาะแก่การอบแห้ง อบ นึ่ง ย่าง ผัด มีสรรพคุณช่วยเพิ่มรสชาติ ไร้น้ำมันไร้ควัน ไม่ติดกระทะ เป็นกระทะอันดับในโลก!’
‘กระทะใบนี้ประณีต มีรูปร่างกลมอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นสีที่สบายตาที่สุด น่าดูชม ใครเห็นใครชอบ ประณีตอันดับหนึ่งของโลก!’
พรึ่บ
กระทะก้นแบนที่ภายในดำเมี่ยม ด้านนอกส่องสีทองระยิบระยับปรากฏในมืออันหลิน
อืม…เนื้อสัมผัสของด้ามจับดีมาก รูปลักษณ์ก็น่าดูชมจริงๆ สวยงามมาก ก้อนอิฐดำชิดซ้ายไปสิบซอย…
อันหลินสั่นไปทั้งตัว เลือดอัดแน่นในทรวงอก
อาวุธพิเศษเหรอ
กระทะนี่เรียกว่าอาวุธงั้นเหรอ!
อาวุธเป็นสิ่งที่ใช้ในการต่อสู้ กระทะใบนี้จะเอาไปสู้อย่างไร ต่อให้จะจับศัตรูมาอบ นึ่ง ย่าง ผัดได้ แต่เนื้อที่มันก็ใหญ่ไม่พออยู่ดี!
บัดซบ!
อันหลินโมโหจนหน้ามืด เกือบจะปากระทะก้นแบบออกไป ระบบนี่มันจงใจชัดๆ!
ระบบไร้ศีลธรรม คืนอาวุธเซียนให้ฉัน! คืนอาวุธเทวะของฉันมา!
อันหลินกลับบ้านพักของตนด้วยความโมโหเดือดดาล กินยาสงบใจก็ไร้ประโยชน์
นับวันระบบก็จะเกินเหตุขึ้นไปทุกทีแล้ว สุ่มจับรางวัลต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ๆ!
เขาเสี่ยงวิกฤตหดตัว พยายามล้มประดาตายกว่าจะทำภารกิจสำเร็จ กลับได้กระทะก้นแบบมาเนี่ยนะ
การกระทำที่ไร้สมองแบบนี้ ระบบยังมีหน้ากระทำด้วยเหรอ!
“ให้ตายสิ กระทะบ้า กระทะเวรตะไล! เราพยายามไปมากมายปานนี้เพื่อนอะไร แม้แต่เสี่ยวหลานยังรังเกียจเรา ผลปรากฏว่าได้กระทะบ้าๆ นี่มา!” เสียงดังปึงปังแว่วมาจากห้องครัว พร้อมกับเสียงตวาดของอันหลิน
เจ้าอัปลักษณ์ทำหน้างุนงง “พี่อันหลินใส่อารมณ์กับกระทะก้นแบบทำไมกัน”
ต้าไป๋นอนแผ่บนเบาะฟางอย่างเกียจคร้าน เมื่อได้ยินก็ลืมตาปรือปรอย “พี่อันน่าจะโดนสวีเสี่ยวหลานทิ้ง ไม่มีที่ระบายอารมณ์ ก็เลยมาใส่อารมณ์กับกระทะ…”
เจ้าอัปลักษณ์ไม่เข้าใจความนัยที่แฝงในคำพูด ทำได้เพียงพยักหน้างงๆ
“อาหารที่หอมกรุ่น เด็กน้อยชื่นชอบนัก กินเกลี้ยงไม่ทิ้งขว้าง ยะฮู้ ยะฮู้กินอร่อย…” เสี่ยวหงโยกศีรษะแดงฉานไปมาริมหน้าต่าง ร้องเพลงพลางสังเคราะห์แสงไปด้วย
“พี่อันเพิ่งรบมา เมื่อครู่เปื้อนเลือดกลับมา ไม่ต้องพักรักษาตัวก่อนหรือ” เจ้าอัปลักษณ์ยังคงห่วงกังวล
ต้าไป๋หาวหวอดๆ “ไม่ต้องห่วง พี่อันเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าแมลงสาบ อาการแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก...”
ต้าไป๋พูดพลางหลับตาลงช้าๆ นอนหลับต่อไป
จู่ๆ ก็มีเสียงผัดกับข้าวดังมาจากห้องครัว
“ให้ตายสิ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้สักรางวัล หากไม่ได้ใช้ข้าคงไม่สบายใจ หวังว่ากระทะบ้าๆ จะทนการปรุงอาหารด้วยเพลิงเทวะของเราได้!” เสียงตวาดของอันหลินแว่วมาจากครัว
“เสร็จกัน พี่อันบ้าไปแล้วจริงๆ ถึงได้ปะทะอารมณ์กับกระทะ” ดวงตาสุกใสของเจ้าอัปลักษณ์เปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่กลับไม่รู้ว่าควรปลอบใจอย่างไร
ไม่รู้ว่ากลิ่นหอมกรุ่นของไข่ลอดออกมาจากครัวตั้งแต่เมื่อใด
เจ้าอัปลักษณ์นิ่งงันกับที่ ต้าไป๋สะดุ้งตื่นทันควัน เสี่ยวหงหยุดร้องเพลง
กลิ่นนี้มัน…
หอมจังเลย!
“คุณพระ ข้ารู้แค่ว่าปิ้งย่างของพี่อันไม่เลว ทำไมทำกับข้าวถึงได้หอมปานนี้ด้วยเล่า โฮ่ง!” ต้าไป๋อุทาน
“ไม่คิดเลยว่าในปฐพีนี้ จะมีอาหารที่ทำให้ข้าหวั่นไหวขณะที่กำลังสังเคราะห์แสงได้ด้วย!” เสี่ยวหงเอ่ยเสียงหวาน
เจ้าอัปลักษณ์ไม่พูดอะไร พุ่งเข้าห้องครัวทันที
ต้าไป๋เห็นดังนั้นก็ร้องเสียงหลง “อย่าคิดจะแย่งของกินกับข้า น้องสาม ข้าเป็นพี่ไป๋ของเจ้า ตามศักดิ์แล้วข้าต้องมาก่อน!”
“ตามศักดิ์แล้วต้องข้าก่อนต่างหาก!” เสี่ยวหงแปลงร่างเป็นหญิงชุดแดง พุ่งเข้าห้องครัว
พอเข้าห้องครัว เหล่าสัตว์เลี้ยงก็เห็นอาหารทองอร่ามที่เพิ่งผัดเสร็จ
อันหลินมองอาหารบนจาน มือยังถือตะหลิวอยู่ ตกอยู่ในความเงียบงันอย่างยาวนาน
ต้าไป๋สูดหายใจเข้าลึก ชี้อาหารพวกนี้พลางถามว่า “พี่อัน นี่อะไรหรือ”
อันหลินตอบนิ่งๆ ว่า “ข้าวผัดไข่”
“ไม่มีทาง!”
ต้าไป๋ เจ้าอัปลักษณ์ และเสี่ยวหงอุทานลั่นพร้อมกัน
ทำไมข้าวผัดไข่ถึงได้มีสีทองอร่ามแบบนี้!
ทำไมข้าวผัดไข่ถึงได้ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจถึงปานนี้!
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ มันก็คือข้าวผัดไข่ ผัดจากไข่ไก่ธรรมดา ข้าวธรรมดาๆ ของโรงอาหาร” อันหลินพูดต่อ
เสี่ยวหงหยิบช้อนออกมา ตักข้าวผัดไข่กินคำหนึ่ง
“โอ้…รสชาตินี้มัน…สวรรค์!”
ร่างของเสี่ยวหงอ่อนยวบ ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ ตื่นเต้นจนต้องอุทาน
“ตาข้าแล้วๆ โฮ่ง!”
ต้าไป๋ก็หยิบช้อนออกมาอย่างตื่นเต้นเช่นกัน กินไปคำหนึ่งแล้วนิ่งไปทันที
จากนั้นดวงตาก็เป็นประกาย อ้าปากกว้างจะเข้าใกล้จานใบนั้น หมายจะเขมือบข้าวผัดไข่ในจานลงท้องให้หมดเกลี้ยง!
เพี๊ยะ
เจ้าอัปลักษณ์ตบต้าไป๋กระเด็น
มันหยิบช้อนออกมากินไปคำหนึ่ง จากนั้นก็แน่นิ่งไปปานโดนฟ้าผ่า
“รสชาตินี้มัน…มีความสุขยิ่งกว่ารสชาติของแม่เสียอีก...”
น้ำตาไหลออกจากดวงตาประดุจโคมไฟของเจ้าอัปลักษณ์ ร้องไห้เสียแล้ว
อันหลินกินข้าวผัดไข่ไปคำหนึ่งก่อนแล้ว จึงเข้าใจดีว่าทำไมเหล่าสัตว์เลี้ยงถึงแสดงท่าทีแบบนี้
มันเป็นเพราะข้าวผัดไข่จานนี้ทั้งนั้น อร่อยเหนือธรรมชาติ!
เขามองกระทะก้นแบนด้วยความเงียบงัน
นานทีเดียวกว่าเขาจะเอ่ยปากว่า “อย่างที่คิด บำเพ็ญเซียนจะไปมีความหมายอะไร…”
“ต่อไปเป็นพ่อครัวดีกว่า”