ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 398 หลิวเชียนฮ่วน vs เซวียนหยวนเฉิง
ท่ามกลางความคาดหวังของฝูงชน หลิวเชียนฮ่วนเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจม
คทาขนนกของนางสาดแสงโชติช่วง ก่อตัวเป็นพลังงานลำแสงเจ็ดสี พุ่งไปหาเซวียนหยวนเฉิง ทุกเส้นล้วนเทียบเท่าการโจมตีสุดกำลังของนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย
สีหน้าของเซวียนหยวนเฉิงนิ่งเฉย ฝ่าเท้าย่ำก้าวไท่จี๋ หลบหลีกพลังงานลำแสงที่ทรงอานุภาพเหล่านั้นด้วยฝีก้าวอันน่าเหลือเชื่อ มีลำแสงเส้นสองเส้นที่หลบหลีกไม่ได้ โจมตีร่างกายเขาซึ่งหน้า ก็จะถูกมิติประหลาดบางอย่างทำให้บิดเบี้ยว เปลี่ยนแปลงทิศทาง
ครืน…
พลังงานลำแสงระเบิดด้านหลังเขาพาเศษหินให้กระจายเต็มนภา แผ่นดินสั่นสะเทือนไม่หยุด
“ระวังตัวด้วย” เซวียนหยวนเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ เท้ากระทืบอย่างแรง ความเร็วทะลุกำแพงเสียง ก่อตัวเป็นระเบิดสุญญากาศ พุ่งตัวไปหาหลิวเชียนฮ่วน
ยามนี้หลิวเชียนฮ่วนอยู่ในสภาวะของสาวน้อยนักเวท ย่อมไม่ปล่อยให้เซวียนหยวนเฉิงประชิดกาย ถอยหลังอย่างฉับไวทันที
“พันธนาการ!” เซวียนหยวนเฉิงสวมถุงสีขาวไว้ที่มือซ้าย จากนั้นก็ยื่นมือจะคว้าหลิวเชียนฮ่วน
จู่ๆ ก็มีโซ่กึ่งโปร่งแสงสีทองหลายเส้นปรากฏกลางนภา พุ่งไปจะพันรอบกายหลิวเชียนฮ่วนปานงูบิน! มันเป็นอาวุธเซียนที่เซวียนหยวนเฉิงแลกซื้อในสุสานโส่วหยาง ถุงมือเซียนพันธนาการอันแฝงด้วยคาถาฟ้าประทาน!
“โอ้โฮ! เป็นเด็กเป็นเล็กไม่รักดี คิดจะพันธนการศิษย์พี่!” หลิวเชียนฮ่วนบิดเอวคอดกิ่ว ร่างกายดุจอินทรีบินย้อน คทาขนนกวาดบาเรียแสงสีชมพูกลางอากาศ สะเทือนโซ่สีทองให้กระเด็นออกไป
แต่เพราะชั่วเวลาไม่ถึงอึดใจที่นางถูกถ่วงเวลา เซวียนหยวนเฉิงถือกระบี่โบราณพุ่งมาประชิดตัวหลิวเชียนฮ่วนแล้ว กระบี่ธาตุแท้แห่งสรรพสิ่งทำงานเต็มกำลัง ทำให้หลิวเชียนฮ่วนตกอยู่ในหลุมพราง อาศัยความอ่อนโยนที่ประสานเป็นหนึ่งกับสรรพสิ่ง จองจำนางไว้ และทำให้นางไม่อาจรักษาระยะห่างได้!
อันหลินลอบสังเกตการณ์อยู่หลังก้อนหินที่อยู่ไกลออกไป เหงื่อชุ่มฝ่ามือ ในใจตะโกนไม่หยุดว่าศิษย์พี่รีบใช้กระบี่สิ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีโอกาสแล้ว!
ยามนี้เหนือม่านแบ่งเขต หลังหดตัวเหลือเพียงขอบเขตสุดท้ายแล้ว อาจารย์ที่ประเมินพลังต่อสู้ยังคงเป็นเซียนพสุธาชางชิง
เขาลูบเครามองเซวียนหยวนเฉิงที่ยิ่งรบก็ยิ่งห้าวหาญด้วยความปลื้มใจ เอ่ยชมว่า “วิชาธาตุแท้แห่งสรรพสิ่งของเซวียนหยวนเฉิงบรรลุระดับหลอมเป็นหนึ่งกับร่างกายแล้ว ในความอ่อนโยนเจือความเด็ดขาดแกร่งกร้าว ปานนักรบที่อาบเลือดในสนามรบ อยู่ไม่ไกลจากแปลงจิตแล้ว”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคลื่นมิติกระเพื่อมข้างกายเขาระลอกหนึ่ง
จากนั้นบุรุษที่มีคิ้วดกตาโต ไว้หนวดสองแฉกคนหนึ่งทะลุมิติมาหาเซียนพสุธาชางชิง ก่อนจะกล่าวว่า “เซวียนหยวนเฉิงคนนี้น่าจะบรรลุธรรมที่แดนมนุษย์ ไม่รู้ว่าเขาประสบพบเจออะไร หลอมทุกสรรพสิ่งด้วยความอ่อนโยนและแข็งกร้าว ค่อยๆ กลายเป็นกระบวนท่าที่แฝงด้วยพลังทำลายล้างภายในร่างกาย เป็นเหมือนระเบิดไร้รูปร่าง พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ”
เซียนพสุธาชางชิงเห็นผู้มาเยือน จึงรีบคำนับอย่างนอบน้อม แย้มยิ้มพูดว่า “รองผู้อำนวยการอวี้หัว ไม่คิดว่าท่านจะปลีกเวลามาชมศึกได้ หายากจริงๆ”
รองผู้อำนวยการอวี้หัวยิ้ม “ข้ามาที่นี่เพราะอยากเห็นพฤติกรรมของอัจฉริยะแปลงจิตแห่งสำนัก หวังว่าเขาจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
พูดแล้วก็เบนสายตามองกระดาษคะแนนของเซียนพสุธาชางชิง ค้นหาชื่อของใครบางคน
เมื่อเห็นคำว่า ‘อันหลิน’ ใบหน้าของเขาก็กระตุกน้อยๆ
อันหลิน ‘ค่าพลังต่อสู้ ? ค่าความดี ?’
“นี่…นี่มันอะไรกัน” รองผู้อำนวยการอวี้หัวอุทาน
“อันหลินไม่ได้ทำการรบเลยสักครั้ง ท่านดูสิ ตอนนี้เขายังหลบอยู่หลังก้อนหิน อำพรางลมปราณอยู่แน่ะ” เซียนพสุธาชางชิงพูดพลางชี้ก้อนหินที่อยู่ไม่ไกล
รองผู้อำนวยการอวี้หัวเห็นชายหนุ่มที่กำลังลอบสังเกตการณ์คนนั้น ใบหน้าฉายความฉงน “เขาทำอะไรอยู่ ความสามารถอย่างเขายังต้องหาโอกาสเหมาะสมอีกหรือ เขาชอบทำเท่มากไม่ใช่หรือ ไยจึงไม่ต่อสู้”
ผู้แข็งแกร่งระดับแปลงจิตที่ยิ่งใหญ่ เป็นว่าที่มือวางอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าจนตอนนี้แล้วยังไม่ได้รบเลยสักครั้ง มันช่างน่างุนงงจริงๆ
เซียนพสุธาชางชิงก็ผ่อนลมหายใจยาว “เฮ้อ อาจเพราะหลังอันหลินข้ามอสนีบาต พบเจอปัญหาอะไรกระมัง เราต่างรู้กันดีว่าอสนีบาตนั่นพิลึกยิ่งนัก อาจเพราะประสบการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เขาพบเจอกับอุปสรรคบางอย่าง ทำให้ลงมือไม่ได้”
เซียนสวรรค์อวี้หัวคิด บางทีอาจเป็นไปได้จริงๆ อย่างไรเสียทุกเรื่องที่เกี่ยวกับอันหลินล้วนเหนือธรรมดาสามัญ มันทำให้เขายิ่งคาดหวังกับการพัฒนาหลังจากนี้
ในเวลาเดียวกัน สงครามของเซวียนหยวนเฉิงกับหลิวเชียนฮ่วนก็ดุเดือดแล้ว
ภายใต้การบีบคั้นของเซวียนหยวนเฉิง หลิวเชียนฮ่วนบาดเจ็บไม่บันเบา พลังปราณก็ผลาญอย่างรุนแรง
ลำแสงกระบี่ของเซวียนหยวนเฉิงเจิดจ้าขึ้นทุกขณะ กลายเป็นค่ายกลจองจำสุดลูกหูลูกตา ทำให้นางหลบหนีไม่ได้
ณ จัตุรัสหยกขาว นักเรียนส่วนใหญ่ต่างก็เพ่งความสนใจไปที่การต่อสู้ของเซวียนหยวนเฉิงกับหลิวเชียนฮ่วน วิจารณ์กันอื้ออึง
“ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่หลิวจะถูกเซวียนหยวนเฉิงกำราบ เพลงกระบี่ของเซวียนหยวนเฉิงน่ากลัวขึ้นทุกวัน!”
“เฮ้อ ตอนแรกคิดว่าหลิวเชียนฮ่วนจะสร้างชื่อให้ชั้นปีที่ห้าของเราได้ ปรากฏว่าก็ต้องแพ้คนวิปริตปีสามนั่นอยู่ดี”
“เซวียนหยวนเฉิงอยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย แต่ศิษย์พี่หลิวน่ะกึ่งแปลงจิต ไม่คิดเลยว่านางจะแพ้ข้ามระดับ ข้ารับไม่ได้…”
“ทำไมต้องรับไม่ได้ด้วย เจ้าลองคิดถึงเทพอันสิ ชนะคนอื่นข้ามระดับตั้งกี่ครั้งแล้ว”
“เอ๊ะ มีเหตุผล พอคิดแบบนี้ ข้าก็สบายใจขึ้นเยอะเลย!”
“สบายใจอะไรกัน เกี่ยวข้องกับปีห้าของพวกเราหรือ อย่างไรเจ้าวิปริตปีสามนั่นก็สุดยอดอยู่ดี…”
…
ในป่าพันยอด ลำแสงกระบี่สีขาวเส้นแล้วเส้นเล่าทำให้พายุและเมฆกระเพื่อม สะเทือนทุกสรรพสิ่ง
ร่างของหลิวเชียนฮ่วนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ต้านทานการโจมตีของเซวียนหยวนเฉิงอย่างยากลำบาก
“ศิษย์พี่หลิว ท่านใช้กระบี่เถอะ ที่นี่ไม่ต้องอ่อนข้อให้กัน ข้าต้องการการต่อสู้ที่สง่าผ่าเผย” เซวียนหยวนเฉิงตวัดกระบี่พลางเอ่ยเสียงเรียบ
หลิวเชียนฮ่วนมองท่าทางหนักแน่นของเซวียนหยวนเฉิง จึงทอดถอนใจ นึกถึงคำพูดที่อันหลินเคยกล่าวไว้ ในที่สุดก็ตัดสินใจแล้ว
แหวนมิติกะพริบ กระบี่สีฟ้าเล่มหนึ่งปรากฏในมือของนาง
เสียงแผดร้องกึกก้อง มหาเหมันต์ปรากฏแล้ว!
ชั่วพริบตาที่พายุหิมะกระจายเต็มท้องฟ้า!
หลิวเชียนฮ่วนมีผ้าสีน้ำเงินคลุมกาย เท้าย่ำหิมะน้ำแข็ง
ลมปราณเย็นเยือกกระจายตัวเป็นวงกลม ก่อตัวเป็นเขตอาคมขั้นสุดยอด
ณ จัตุรัสหยกขาว นักเรียนหลายหมื่นคนต่างก็ตะลึงงันเมื่อเห็นภาพนี้
นอกจากการทำสอบแก่นแท้ของชุมนุมมรรคเทศนาสี่ทิศ พวกเขาเพิ่งเคยเห็นหลิวเชียนฮ่วนใช้กระบี่สู้ศึกเป็นครั้งแรก
หญิงสาวที่เป็นเอกเทศกลางอากาศเหน็บหนาว เย่อหยิ่งทระนง ฝังลึกลงในสมองของพวกเขา
แม้แต่รองผู้อำนวยการอวี้หัวเหนือม่านแบ่งเขตก็ทำหน้าตกใจเช่นกัน “ไม่คิดว่าพลังส่วนตนของหลิวเชียนฮ่วนจะเป็นพลังอากาศ ใช้พลังได้ถึงระดับขั้นสุดยอด มีความสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ฟ้าดิน! สมกับเป็นกายกระบี่ สมกับเป็นสุดยอดอัจฉริยะแห่งสำนักกระบี่สวรรค์! เฮ้อ…แต่น่าเสียดายที่ปมในใจนั้นยากจะคลี่คลาย…”
“ดีมาก ข้าก็จะใช้พลังทั้งหมดแล้ว!” ใบหน้าของเซวียนหยวนเฉิงเรียบเฉย ถุงมือสีขาวในมือระเบิดแสงสว่างไสว ขณะเดียวกัน ภาพของปลาคู่ใต้ฝ่าเท้าขยายใหญ่ขึ้นสิบจั้ง ทลายน้ำแข็งทั้งปวงที่รุกราน
“ธาตุแท้แห่งสรรพสิ่ง ปราณสุริยะ!” กระบี่ของเซวียนหยวนเฉิงสาดแสงสีทองอันไร้เทียมทานทันใด พุ่งทะลวงชั้นเมฆในพริบตา ทำให้ม่านแบ่งเขตเหนือนภาสั่นสะเทือนปริแตก
“หิมะสะท้าน!” มือเรียวยาวของหลิวเชียนฮ่วนกำมหาเหมันต์แน่น ตวัดวาดกลางอากาศ หมื่นหิมะโลดแล่น น้ำแข็งท่วมท้นอัมพร!
ลำแสงสีทองพุ่งใส่หลิวเชียนฮ่วนพร้อมกับเจตจำนงของสุริยะ ทลายมิติที่หยุดนิ่ง ละลายพายุหิมะที่ม้วนตัว
หิมะขาวโพลนบดบังท้องนภา พลังเหมันต์แฝงเร้นเมื่อพานพบจะแข็งตัวทันที บดขยี้ลำแสงกระบี่สีทองไม่หยุดหย่อน ทำให้ฟ้าดินกลายเป็นสีทองและสีขาว!