ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 328 สอบปากคำและเบาะแส
อันหลินก้มหน้าลง มองกางเกงในสีน้ำเงินตรงหว่างขาของจักรพรรดิจื่อหยางอย่างเฉลียวใจ
อืม วัสดุน่าจะพิเศษมาก เพราะต้านทานแรงระเบิดของระเบิดไฮโดรเจนสิบล้านตันได้ อาจเป็นอาวุธเทวะก็ได้
แต่เขาก็ส่ายหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจ พูดเสียงจริงจังว่า “ผู้อาวุโสจื่อหยาง เป็นมนุษย์ต้องรู้จักบันยะบันยัง ข้าก็พอรู้อยู่บ้าง กางเกงในตัวนี้เจ้าเก็บไว้เถอะ”
ปากของจักรพรรดิจื่อหยางกระตุกยิกๆ ในใจคำรามลั่นว่า
‘เป็นมนุษย์ต้องรู้จักบันยะบันยังงั้นหรือ’
‘ระยำเอ๊ย เจ้ายังมีหน้ามาพูดเรื่องบันยะบันยังกับข้าอีกหรือ’
‘เซียนกระบี่อันหลิน หนังหน้าเจ้าทำมาจากเหล็กหรืออย่างไร!’
“ถ้าอย่างนั้นเซียนกระบี่อันหลิน ข้าไปได้แล้วใช่ไหม”
จักรพรรดิจื่อหยางฉีกยิ้มแหยๆ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม
อันหลินกะพริบตาปริบๆ “ข้าแค่บอกว่าให้ส่งของดีออกมา จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยเจ้าไปเสียหน่อย”
“บัดซบ!” จักรพรรดิจื่อหยางถลึงตาจนกลมกว้าง เขาประเมินความหน้าด้านของอันหลินต่ำไป
“ไม่ต้องห่วง ข้าเพียงแค่อยากสอบถามอะไรสักหน่อย” อันหลินส่งยิ้มให้จักรพรรดิจื่อหยาง จากนั้นก็สั่งต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ว่า “มา สวมตรวนสอบสวนแม่เหล็กไฟฟ้าให้จักรพรรดิจื่อหยาง!”
ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ได้รับคำสั่งก็พุ่งไปหยุดอยู่ข้างจักรพรรดิจื่อหยาง ห่วงแม่เหล็กไฟฟ้าเจิดจ้าถูกสวมเข้าที่ลำคอ ข้อมือ เอวและข้อเท้าของจื่อหยาง
“เจ้า…เจ้าจะถามอะไร” จักรพรรดิจื่อหยางเห็นเหตุการณ์นี้ ความอัปยศแผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจ
อันหลินเรียกพวกเซวียนหยวนเฉิงมาล้อมรอบเขา ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มชั่วร้าย
อันหลินชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “คำถามแรก เจ้ารู้เบาะแสของเพลิงเทวะกับอาวุธเทวะอื่นๆ หรือไม่”
จักรพรรดิจื่อหยางส่ายหน้า “ไม่รู้ แต่ได้ยินมาว่าพวกมันอยู่ในแดนโบราณรกร้าง”
เพิ่งสิ้นคำพูดของเขา จู่ๆ ห่วงแม่เหล็กไฟฟ้าที่กระจายตามตัวก็ปล่อยกระแสไฟที่น่ากลัวออกมาโดยพลัน
จิ๊ดๆ ๆ…
กระแสไฟล้นหลามไหลไปทั่วร่างกายของเขา จู่โจมจุดเส้นลมปราณแต่ละตำแหน่งของเขา
จักรพรรดิจื่อหยางตาเหลือก ควันลอยโขมงออกจากปาก
อันหลินขำเบาๆ “ตรวนสอบสวนแม่เหล็กไฟฟ้าวิเคราะห์ว่าเจ้าโกหกหรือไม่จากค่าดัชนีต่างๆ ของร่างกาย เหอะๆ คนที่ไม่ซื่อสัตย์อย่างเจ้า ควรจะถูกกระแสไฟเล่นงานสักหน่อย…”
จักรพรรดิจื่อหยางหวาดผวาชอบกล นี่น่ะหรือเวทมนตร์เทคโนโลยี ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร!
“ขอถามเจ้าอีกครั้ง บอกเบาะแสของเพลิงเทวะกับอาวุธเทวะมา” อันหลินถามอีกครั้ง
จักรพรรดิจื่อหยางเข็ดกับการถูกไฟช็อตแล้ว ครั้งนี้จึงไม่กล้าปิดบัง พูดออกมาว่า “เพลิงจันทร์ภฤษฏ์อยู่ในใต้ทะเลลึกละแวกเกาะเต่ายักษ์สมุทรคราม ผสานเป็นหนึ่งกับน้ำทะเลเป็นครั้งคราว บางคราก็หลอมทะเลเป็นเพลิง คิดจะปราบพยศมันยากปานไต่ขึ้นสวรรค์ ส่วนเพลิงอนัตตา ข้ารู้แค่ว่าอยู่ทางตอนเหนือของแดนโบราณรกร้าง ไม่เคยพบเห็น ประคำแพรวพรายอยู่ในมือจักรพรรดินีปี้ฉง ส่วนกระบี่สมุทรกับป้ายอาญาสิทธิ์อัสนีมีเพียงในตำนานเท่านั้น”
อันหลินมองห่วงแม่เหล็กไฟฟ้า พบว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อรู้ว่าจักรพรรดิจื่อหยางไม่ได้โป้ปด จึงพยักหน้าอย่างพอใจ
จักรพรรดิจื่อหยางนั่งแอ้งแม้งกับพื้นอย่างอ่อนแรง เขาเจ็บหนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จิตใจก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก แถมตอนนี้ยังถูกกระแสไฟเล่นงานอีก ทนได้ที่ไหนกัน แน่นอนว่าตอนนี้มีอะไรก็พูดหมดเปลือก ทุกอย่างรอรอดไปได้แล้วค่อยว่ากัน
“คำถามข้อที่สอง ข้อมูลเกี่ยวกับเซียนสวรรค์โสว่หยาง เจ้ารู้มากแค่ไหน” อันหลินถามต่อ
จักรพรรดิจื่อหยางดูจะไม่แปลกใจเลยที่อันหลินถามคำถามนี้ เขาตอบเสียงเรียบว่า “เซียนสวรรค์โสว่หยางเคยปรากฏตัวที่โลกใบนี้เมื่อพันปีก่อนจริง หรือจะเรียกว่าแค่สัญจรผ่านมาก็ได้
เหอะๆ ตอนนั้นข้าเพิ่งเลื่อนระดับเป็นจักรพรรดิสงคราม เร่าร้อนฮึกเหิม คิดไม่ถึงว่าจะพ่ายให้เขาในกระบวนท่าเดียว ตอนนั้นข้าถึงได้รู้ว่า พลังยุทธ์ของข้ากับเขามันคนละชั้นกัน เขาเป็นเหมือนพวกเจ้า ไม่ได้ใช้ปราณสงคราม แต่เป็นพลังงานชนิดอื่น เขาปรากฏกายในแผ่นดินปราณสงครามเพียงชั่วค่ำคืน จากนั้นก็หายสาบสูญ ได้ยินว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นเขาอยู่ทางเหนือของแดนโบราณรกร้าง”
เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ อันหลินและพวกเซวียนหยวนเฉิงต่างก็โล่งอก
เซียนสวรรค์โสว่หยางเคยปรากฏตัว นั่นหมายความทิศทางโดยรวมของพวกเขาถูกต้องแล้ว ต่อไปเพียงแค่เสาะหาตามเบาะแสก็หมดปัญหาแล้ว
เซวียนหยวนเฉิงหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามว่า “แล้วนอกจากพวกเรากับเซียนสวรรค์โสว่หยางแล้ว พวกเจ้าเคยเห็นชาวต่างแดนอื่นๆ อีกไหม”
จื่อหยางส่ายหน้า “ไม่เคย”
อันหลินมองคนที่เหลือ “พวกเจ้ามีคำถามอะไรอยากถามอีกไหม รีบถามตอนที่เขายังอ่อนแรงอยู่”
จื่อหยาง “…”
หูก้วนถามด้วยความแคลงใจว่า “กางเกงในของเจ้าทำมาจากอะไร”
มุมปากของจื่อหยางกระตุกยิกๆ ไม่อยากตอบ
จากนั้นก็ จิ๊ดๆ ๆ…
กระแสไฟแล่นแปลบปลาบอย่างแรงอีกครั้ง!
เขาน้ำลายฟูมปาก ร่างกายกระตุก มีเพียงคำหยาบวนเวียนอยู่ในใจ ‘ระยำเอ๊ย!’
“กางเกงในของข้าเป็นกางเกงป้องกันระดับชั้นฟ้าที่อยู่ต่ำกว่าอาวุธเทวะ เนื้อผ้านุ่มโปร่งสบาย สามารถปล่อยพลังหยางออกมาคุ้มกันยามเจ้าของตกอยู่ในอันตราย มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต…” จักรพรรดิจื่อหยางตอบด้วยใบหน้าที่หมดอาลัยตายอยาก
ตอนแรกอันหลินทำหน้ารังเกียจกางเกงในตัวนี้ ตอนนี้เมื่อได้ฟังกลับใจสั่นหวั่นไหวขึ้นทุกที
แม้แต่หูก้วนกับเหยาหมิงซีก็จ้องช่วงล่างของจักรพรรดิจื่อหยางด้วยความอิจฉา
จักรพรรดิจื่อหยางน้ำตาคลอ “พวกเจ้าคงไม่ได้จะเอาแม้กระทั่งกางเกงในของข้าหรอกนะ”
“อะแฮ่ม…สหายอันหลิน พวกเรารู้จักบันยะบันยังหน่อยดีกว่า” เซวียนหยวนเฉิงกระแอมแล้วห้ามปราม
ส่วนสวีเสี่ยวหลานกับซูเฉี่ยนอวิ๋นเบือนหน้าหนีนานแล้ว ทนดูไม่ได้
“อืม ก็ได้! ผู้อาวุโสจื่อหยาง เจ้าช่วยสาบานต่อสวรรค์ด้วย สาบานว่าต่อไปจะไม่ต่อกรกับพวกเรา ก็ไปได้เลย” อันหลินครุ่นคิด แล้วล้มเลิกความคิดจะชิงกางเกงใน
จักรพรรดิจื่อหยางยอมให้คำสัตย์สาบานแต่โดยดี ตอนนี้เขาแค่อยากไปจากที่บ้าๆ นี่ให้เร็วที่สุด
ให้ตายสิ หากช้ากว่านี้ เกิดเจ้าพวกนี้เปลี่ยนใจ เขาจะไม่เหลือแม้แต่กางเกงในแล้วจริงๆ!
“จักรพรรดิจื่อหยาง แล้วพบกันใหม่!” อันหลินโบกมือลา
“เซียนกระบี่อันหลิน ขอตัวลาก่อนนะ” จักรพรรดิจื่อหยางพยักหน้า
แล้วพบกันใหม่กับน้องเจ้าสิ เขาไม่อยากเห็นหน้าเจ้าคนต่ำช้าอีกแล้ว!
หลังตรวนสอบสวนแม่เหล็กไฟฟ้าถูกปลดออกไป เขาก็รีบหลบหนีไปไกลโดยไม่เหลียวหลังมอง มุ่งมั่นอย่างยิ่ง ไม่อาลัยอาวรณ์
พวกอันหลินมองเขาจากไป ในใจก็รู้สึกเศร้าสลดเช่นกัน เพราะสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งแผ่นดินสิ้นไร้ไม้ตอก น่าอนาถจริงๆ
จากนั้นพวกเขาก็มาถึงจุดระเบิด ตรงนั้นมีหลุมใหญ่ที่มหึมาเหนือคำบรรยาย
เปลวไฟ ควันโขมง รังสีเป็นเหมือนปีศาจร้ายที่น่าสะพรึงจะเขมือบทุกสรรพสิ่งในโลกหล้า
พวกอันหลินไม่ได้ฝืนเข้าใกล้จุดศูนย์กลาง แต่ส่งต๋าอีกับต๋าเอ้อร์เข้าไปเก็บกวาด
จากนั้นไม่นาน พวกมันก็นำกระบี่พร้อมฝักเล่มหนึ่งมา
กระบี่คู่กายของจักรพรรดิซวีหมิง กระบี่แสงนิล หนึ่งในห้าอาวุธเทวะ
อันหลินชักกระบี่ออกจากฝักอย่างสนอกสนใจ แสงแวววาวฉายวาบ คลื่นพลังงานสีดำกระเพื่อมกลางอากาศทันที
กระบี่สลักรูปอสูรสีนิลตัวเขื่อง ใบหน้าของมันดุร้าย ลำตัวเป็นสิงห์ มีเขาคู่หนึ่งงอกบนหัว รูปร่างคล้ายไป๋เจ๋อ สัตว์มงคลในตำนาน
“อาวุธของแผ่นดินปราณสงครามส่วนใหญ่จะสร้างโดยอิงการทำงานของปราณสงคราม หากพวกเราจะใช้ จำต้องดัดแปลงใหม่ แต่อาวุธเทวะชิ้นนี้ กลับใช้พลังปราณกระตุ้นได้โดยตรง…”
เขาหยิบกระจกเอกภพออกมา มันก็กระตุ้นได้โดยตรงเช่นกัน ไร้อุปสรรคกีดขวาง
เห็นได้ชัดว่าอาวุธเทวะทั้งห้าดำรงอยู่ก่อนเซียนสวรรค์โสว่หยางจะมาที่นี่ มันค่อนข้างน่าสนใจ
ขณะที่ทุกคนกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น จู่ๆ อันหลินก็โพล่งขึ้นมาว่า
“อาวุธเทวะเหล่านี้เทียบเท่าสุดยอดอาวุธวิเศษ เป็นของดีหายาก สู้พวกเราแบ่งอาวุธเทวะสองชิ้นนี้กันตอนนี้เลย กติกาเดิม”
เขาลบล้างรอยตราของกระจกเอกภพกับกระบี่แสงนิลทิ้ง จากนั้นก็วางพวกมันลงบนพื้นราบ
ทุกคนสบตากัน กติกาเดิมที่อันหลินกล่าวถึงคือ กฎของกลุ่มล่าสมบัติในวงการบำเพ็ญเซียน ผู้ที่โลหิตมีวาสนาต่ออาวุธวิเศษจะได้มันไป
อันหลิน เซวียนหยวนเฉิง เหยาหมิงซี หูก้วน สวีเสี่ยวหลานกับซูเฉี่ยนอวิ๋นต่างก็ปล่อยเลือดหนึ่งหยุดของตนให้ลอยกลางอากาศ
จากนั้นพวกเขาก็ประสานอิน เลือดทั้งหกหยดเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า
อาวุธเทวะสองชิ้นบนพื้นสั่นระริกโดยพลัน ราวกับถูกพลังบางอย่างชักนำ
มีอสูรคำรามดังออกมาจากกระบี่แสงนิล กระบี่ทั้งเล่มตั้งขึ้น
กระจกเอกภพแผ่แสงสีขาวและดำ ลอยขึ้นแล้วพุ่งไปยังทิศทางหนึ่ง!