ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 324 มีอีกไหม ข้าอยากกินอีก
หลังอันหลินเขมือบหัวมังกรเพลิงม่วงแล้วก็ไม่หยุดยั้ง อ้าปากกว้างพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การกระตุ้นพลังของปีกแห่งอัคคี เพลิงเทวะไหลทะลักเข้าสู่ตานเถียนไม่หยุด แต่ไม่ร้อนระอุ อบอุ่นอย่างยิ่งยวด ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว
กินลำคอมังกรเพลิงไปแล้ว ตามมาด้วยลำตัวมังกรเพลิง สุดท้ายคือหางมังกรเพลิง
ลูกไฟที่รูปร่างคล้ายดวงดาวตกใจจนสีซีดเผือด รีบหนีเตลิดไปไกล ชัดเจนว่านั่นเป็นแหล่งพลังงานของเพลิงมารดารา
ทว่าสุดท้ายมันก็หนีปากของอันหลินไม่พ้น ถูกกลืนลงท้องไปในคำเดียว
“เอิ้ก…”
อันหลินเรอออกมาเสียงดัง ทำปากแจ๊บๆ ราวกับรสชาติยังติดปลายลิ้น
“รสสตรอว์เบอร์รี เผ็ดนิดหน่อย”
เขาครุ่นคิดแล้วแล้วทำการประเมิน
เย่ฉงซานอ้าปากค้าง “…”
ซูเฉี่ยนอวิ๋น “…”
คำว่า ‘ดารา’ ปรากฏในวรยุทธ์ปีกแห่งอัคคีของระบบ
อันหลินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ พุ่งลงสู่พื้น เยื้องย่างไปหาเย่ฉงซาน
เย่ฉงซานนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ตกใจจนอกสั่นขวัญหาย ในดวงตามีแต่ความหวาดกลัว
ต้องรู้ว่าเพลิงมารดาราเป็นหนึ่งในสี่เพลิงเทวะที่ปราบพยศได้ยากที่สุดในแผ่นดิน มันถูกคนเขมือบลงท้องไปแบบนั้นเลยหรือ ฉากนี้จะไม่ให้ตกตะลึงได้อย่างไร!
“เจ้ายังมีเพลิงเทวะอีกหรือไม่ รสชาติใช้ได้ ข้าอยากกินอีก” อันหลินเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
เย่ฉงซานส่ายหน้าหวือเหมือนกลองป๋องแป๋งทันทีที่ได้ยิน พูดเสียงสั่นเครือว่า “ไม่…ไม่มีแล้ว ข้ามีแค่ชนิดเดียว…จักรพรรดิสงครามจื่อหยางแห่งจักรวรรดิรุ้งอุดรก็มีเพลิงเทวะชนิดหนึ่งเหมือนกัน ชนิดอื่นข้าไม่รู้แล้ว!”
อันหลินทำหน้าผิดหวัง “เรื่องนี้ข้ารู้ตั้งนานแล้ว”
เย่ฉงซานเห็นอากัปกิริยาอันเฉยชาบนใบหน้าอันหลิน ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากวิงวอน ก็เห็นลำแสงสีดำกะพริบผ่านไป
เย่ฉงซานที่ถูกเพลิงมารดาราแว้งกัดจนเจ็บสาหัสแต่ต้น จะต้านทานกระบี่ที่พุ่งมาโดยไม่ทันตั้งตัวได้อย่างไร
ฉัวะ เลือดสาดเต็มพื้น ปรมาจารย์เย่ฉงเทียนแห่งหอเด็ดดาววายชนม์เสียแล้ว
อันหลินเก็บกระบี่แล้วหันหลังมองหญิงสาวที่ทำหน้าตะลึงอยู่ข้างๆ พูดเสียงนุ่มด้วยรอยยิ้มว่า “ไปกันเถอะ เราไปสถานีต่อไป”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นกะพริบดวงตาคู่งามปริบๆ อดถามไม่ได้อยู่ดีว่า “เจ้า…เจ้ากินไฟไปมากมายปานนี้ ท้อนไม่ร้อนหรือ”
อันหลินยิ้มกริ่ม “ไม่ร้อน สบายมาก!”
“อ้อ…” ซูเฉี่ยนอวิ๋นพยักหน้าอย่างงุนงง ไม่ซักไซ้อีก ขี่กงจักรแสงจันทร์ มุ่งหน้าสู่สถานที่ต่อไปกับอันหลิน
ศิษย์หอเด็ดดาวที่รอดชีวิตมองสองร่างที่เหาะขึ้นฟ้าอึ้งๆ บางสิ่งบางอย่างในใจเริ่มพังทลาย
ร่องลึกดำทะมึนหลายทางบนขุนเขา ตำหนักและหอที่แตกทลาย ศพที่ไร้ลมหายใจ…
แม้แต่มังกรเพลิงม่วงที่แผดเผาสรรพสิ่งซึ่งก่อตัวจากเพลิงมารดาราหนึ่งในสี่เพลิงเทวะที่ปรมาจารย์เซ่นสรวง ก็ต่อกรกับสองคนนั้นไม่ได้…หอเด็ดดาวของพวกเขาพินาศสิ้นแล้ว
เซียนกระบี่อันหลินกับนักบุญหญิงแสงจันทร์บุกหอเด็ดดาว ประมุขหลิงเซียงเล่อและปรมาจารย์เย่ฉงซานรบจนตัวตาย
เพลิงมารดาราแห่งสี่เพลิงเทวะปรากฏ ถูกเซียนกระบี่อันหลินเขมือบ
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจาย ก็เป็นที่ฮือฮาไปทั่วจักรวรรดิอ้าวซิน ถึงขั้นทำให้แผ่นดินปราณสงครามสั่นคลอน
ทุกคนเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
นั่นมันหอเด็ดดาวหนึ่งในสิบอิทธิพลใหญ่แห่งจักรวรรดิอ้าวซินเชียวนะ! ประมุขหอและปรมาจารย์เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับอริยะสงคราม แต่บุคคลระดับนี้น่ะหรือถูกสองคนที่บุกเข้าสำนักแล้วปลิดชีพ แม้แต่เพลิงมารดาราหนึ่งในสี่เพลิงเทวะที่ปรากฏตัว สุดท้ายก็ถูกเขมือบไป
พลังที่แฝงอยู่เบื้องหลังมันชวนให้พรั่นพรึงจริงๆ!
ผู้คนอดนึกถึงคำพูดที่เซียนกระบี่อันหลินท้าทายจักรพรรดิสงครามเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้
เมื่อหลายวันก่อน ผู้คนเห็นคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงเรื่องตลก แทบจะทุกคนที่คิดว่าอันหลินไม่เจียมตัว เป็นคนสติฟั่นเฟือน
แต่ตอนนี้ ประโยคนั้นกลับทำให้พวกเขาต้องเสียวสันหลังวาบ
คนที่ทำลายหอเด็ดดาวหนึ่งในสิบอิทธิพลใหญ่แห่งจักรวรรดิอ้าวซินให้ราบเป็นหน้ากลอง เขมือบเพลิงเทวะได้ ยังไม่ควรค่าให้จักรพรรดิสงครามเผชิญหน้าอีกหรือ
“หึๆ คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว…”
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต่อให้จักรพรรดิซวีหมิงอยากมองข้ามก็ทำไม่ได้ ต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเป็นแน่”
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หากจะลบล้างความผิดให้นักบุญหญิงแสงจันทร์กับเซียนกระบี่อันหลินคงเป็นไปได้ยาก สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคงเป็นเปิดศึกสู้รบกัน”
“ข้ากลับคิดว่าเซียนกระบี่อันหลินกับนักบุญหญิงแสงจันทร์จะเลือกหลบหนี แม้พวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ไม่มีทางเอาชนะจักรพรรดิสงครามได้ อย่างมากก็อยู่ในระดับอริยะสงคราม”
“นั่นสิ ความแตกต่างของระดับพลังยุทธ์แค่หนึ่งระดับ ก็ต่างราวฟ้ากับเหวแล้ว หากเซียนกระบี่อันหลินอยากจะสู้จริง ก็ต้องบรรลุเป็นจักรพรรดิสงครามคนที่สี่ของแผ่นดินจึงจะมีสิทธิ์!”
ขณะที่ชาวโลกต่างก็วิพากษณ์วิจารณ์อยู่นั้น ก็มีข่าวตะลึงโลกแพร่กระจายอีกเป็นก่ายกอง ก่อกวนจักรวรรดิอ้าวซินจนกลับหัวกลับหาง
สำนักสัตว์ทมิฬลุกไหม้ มารร้ายระดับกษัตริย์สงครามสองตนถูกสังหาร ว่ากันว่าเป็นฝีมือของหูก้วน
สำนักปีศาจเก้าบงกชถูกพังราบ กษัตริย์สงครามห้าคนถูกปลิดชีพ และผู้ลงมือมีเพียงคนเดียว เขามีฉายาว่านักพรตหมื่นวิญญาณ ชื่อเซวียนหยวนเฉิง
ลัทธิกฤษณะหนึ่งในสิบอิทธิพลใหญ่แห่งจักรวรรดิอ้าวซิน ก็ถูกสตรีรุกราน ปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งระดับอริยะสงครามวายชนม์ หญิงคนนี้เป็นเซียนเพลิงลึกล้ำ มีนามว่าสวีเสี่ยวหลาน
มวลชนในจักรวรรดิอ้าวซินต่างก็ตะลึงงันจนพูดไม่ออก ขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ ถึงมีผู้แข็งแกร่งหน้าใหม่ผุดขึ้นมากมายเช่นนี้ สำนักลัทธิที่ก่อกรรมทำชั่วทั้งหลายแหล่ครั่นคร้ามทุกคืนวัน ไม่กล้ากำเริบเสิบสานอีก
แทบจะทุกผู้ทุกคนมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจนั่นก็คือ ‘จักรวรรดิอ้าวซินจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว!’
ณ เมืองซินจิ้ง เมืองหลวงของจักรวรรดิอ้าวซิน
อันหลินกับซูเฉี่ยนอวิ๋นกำลังเยื้องย่างลอยชายอยู่บนถนนของเมืองหลวง
แน่นอนว่าพวกเขาก็ได้รับข่าวคราวมาบ้างเหมือนกัน ปฏิกิริยาแรกของอันหลินก็คือ นักพรตหมื่นวิญญาณกับเซียนเพลิงลึกล้ำมันอะไรกัน ช่างเรื่องฉายาที่พิลึกนี่ เขารู้ว่าเหล่าสมาชิกกำลังสื่อสารทางไกลถึงกัน อารมณ์ในตอนนี้นับว่าไม่เลวทีเดียว
“อยากพบสวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิงโดยเร็วจริงๆ”
รอยยิ้มของซูเฉี่ยนอวิ๋นสดใสดุจลมวสันต์ กินถังหูลู่พลางเอื้อนเอ่ยวาจา ท่าทางน่ารักยิ่งนัก
หากไม่ใช่คนที่เคยพบเจอนักบุญหญิงแสงจันทร์กับตา ไหนเล่าจะเชื่อมโยงหญิงสาวที่น่ารักปานนี้กับหญิงปริศนาที่น่าพรั่นพรึงคนนั้นได้
“นั่นสิ พวกเรารอพวกเขาอยู่ที่นี่แหละ” อันหลินลูบศีรษะของซูเฉี่ยนอวิ๋นด้วยรอยยิ้ม
ซูเฉี่ยนอวิ๋นหยีตา ไม่ทำท่ารังเกียจ กลับเพลิดเพลินประหนึ่งเป็นแมวน้อยเสียอย่างนั้น
แสงแดดสาดกระทบร่างของทั้งคู่ แลดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
การได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังตลอดหลายวันนี้ ได้ย่นระยะห่างระหว่างทั้งสอง ความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อขึ้นเยอะโขแล้ว
ร่องรอยที่อันหลินกับซูเฉี่ยนอวิ๋นเปิดเผยล้วนเป็นเส้นทางที่ชัดเจน ชี้ชัดไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิอ้าวซิน ฉะนั้นขอเพียงเหล่าสมาชิกตั้งใจ ก็จะเลือกเดินทางมารวมตัวกันที่เมืองซินจิ้ง จากนั้นร่วมมือกันตีบอส
อันหลินกับซูเฉี่ยนอวิ๋นก้าวเข้าไปในภัตตาคาร สั่งอาหารชั้นเลิศมาอย่างล้นหลาม
ปัญหาทางด้านการเงินนั้น ในแหวนมิติของอริยะสงครามสองคนนั่นมีเงินอยู่ไม่น้อยเลย ที่น่าเสียดายคืออาวุธของพวกเขาใช้การไม่ได้ อาวุธเหล่านั้นล้วนต้องใช้ปราณสงครามในการกระตุ้น หากจะเปลี่ยนเป็นใช้พลังปราณ จำต้องทำการดัดแปลง
อันหลินเป็นจอมตะกละทุกหนแห่งที่ไปเยือน กินอาหารที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของต่างแดน ไม่อาจหยุดได้เลย โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ที่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากปราณสงคราม รสสัมผัสชอบกล เหนียวนุ่มอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าสุดยอด
ซูเฉี่ยนอวิ๋นเมื่อเจอกับอาหารโอชะเต็มโต๊ะ กลับไม่ยี่หระ ละเลียดเคี้ยวอย่างเชื่องช้าตามแบบฉบับสุภาพสตรี
คนรอบข้างที่มองนางกินข้าว ต่างก็รู้สึกดุจเป็นทิวทัศน์อันงดงาม
ขณะที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในภัตตาคารอยู่นั้น จู่ๆ ประกาศฉบับหนึ่งก็แพร่กระจายไปทั่วผืนแผ่นดิน สะเทือนชาวโลก
จักรพรรดิสงครามซวีหมิงเชื้อเชิญเซียนกระบี่อันหลินกับนักบุญหญิงแสงจันทร์ ให้มาร่วมถกประเด็นกันที่เขาซินจิ้งในอีกสิบวันข้างหน้า