ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 674 ลู่หยวนบาดเจ็บ
บทที่ 674 ลู่หยวนบาดเจ็บ
บทที่ 674 ลู่หยวนบาดเจ็บ
เจี้ยนหยวนจับดาบด้วยสองมือพลังอันเกรียงไกรที่เคยเป็นของเขากลับสูญสิ้นไป
กลายเป็นเจตจำนงกระบี่อันสูงส่ง!
เจตจำนงกระบี่นี้ไม่เหมือนกับสิ่งที่ลู่หยวนเคยเห็นมาก่อน มันเปรียบเสมือนเรือน้อยลำหนึ่งในมหานทีโดดเดี่ยวท่ามกลางโลกอันกว้างใหญ่
แม้แต่ลู่หยวนก็ไม่อาจประเมินได้ว่าเจตจำนงกระบี่นี้ทรงพลังเพียงใด แต่ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามหานทีอันกว้างใหญ่นี้ดำรงอยู่ได้เพราะเรือน้อยลำนี้ โลกสามพันที่แผ่ขยายรอบกายล้วนมีชีวิตอยู่ได้เพราะเจตจำนงกระบี่นี้!
พลังของเจี้ยนหยวนได้แทนที่วิถีสวรรค์และวิถีโบราณควบคุมโลกสามพันแล้วในขณะนี้!
ลู่หยวนจ้องมองเจี้ยนหยวนตรงหน้าอย่างเพ่งพินิจ พยายามสังเกตความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขา เพื่อหาวิธีใช้พลังเทพอันน่าอัศจรรย์นี้
“เจ้าหนุ่มรับกระบี่นี้ไปซะ!”
เจี้ยนหยวนเอ่ยขึ้น ทันใดนั้นปราณกระบี่ก็แผ่ซ่านไปทั่วโลก ลมกระโชกราวกับจะฉีกโลกให้แยกออกพัดให้เสื้อผ้าของทั้งเจี้ยนหยวนและลู่หยวนสะบัดพลิ้ว
ดวงตาสองคู่ของเจี้ยนหยวนเปล่งแสงพุ่งออกมา ในชั่วพริบตาพลังอันแข็งแกร่งและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกนี้ก็พุ่งเป้าไปยังลู่หยวนทันที!
เจี้ยนหยวนบเคลื่อนไหวร่างของเขาหายวับไปจากโลกใบนี้ทันที!
ดวงตาของลู่หยวนหรี่ลงทันที เขาจ้องมองเจี้ยนหยวนอยู่ตลอดเวลา แต่อีกฝ่ายกลับหายวับไปต่อหน้าต่อตาเขาในพริบตาเดียว!
ขณะที่ลู่หยวนกำลังจะใช้พลังทั้งหมดของตนเพื่อค้นหาร่องรอยของเจี้ยนหยวนในห้วงอวกาศ เขาก็รู้สึกถึงคลื่นพลังเล็ก ๆ ที่เจี้ยนหยวนบส่งมาโจมตีก่อนรอบ ๆ ตัว
หากเป็นคนอื่นคงไม่สนใจคลื่นเช่นนี้มากนักแต่สีหน้าในดวงตาของลู่หยวนกลับมืดลงทันที!
ร่างของเขาหมุนตัวกลับ กระบี่ยักษ์ในมือของลู่หยวนถูกขับเคลื่อนด้วยพลังเทพของเขาเปลี่ยนเป็นขนาดสามฉื่ออย่างรวดเร็ว
ลู่หยวนจับกระบี่ด้วยมือทั้งสองยกขวางไว้ตรงหน้าตัวเองไว้
ในชั่วขณะนั้นเอง กระบี่เทพเล่มหนึ่งก็แหวกอากาศพุ่งลงมาฟาดฟันลงบนกระบี่ที่ลู่หยวนยกขึ้นมาทันที!
เคร้ง!!
เสียงคำรามดังสนั่นเมื่อกระบี่ทั้งสองปะทะกัน
จากจุดที่ทั้งสองต่อสู้กัน ปราณกระบี่นับหมื่นแสนพุ่งทะยานไปทั่วทุกทิศ ชั้นแล้วชั้นเล่าของห้วงอากาศพังทลายลงภายใต้การสังหารอันรุนแรงของกระบี่เหล่านี้!
หลุมดำที่เกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าที่เกิดจากการแตกสลายของอวกาศก็ยังถูกตัดขาดและแตกออกภายใต้ปราณกระบี่อันทรงพลังนี้!
เหล่าเทพที่ยืนอยู่บนก้อนเมฆมองดูการต่อสู้ระหว่างเจี้ยนหยวนกับลู่หยวนอย่างเงียบ ๆ
ถึงอย่างไรก้อนเมฆใต้เท้าของพวกเขาก็ยังไม่สั่นไหวเมื่อถูกพลังอันน่าเกรงขามนี้กระทบ
เพียงแต่ ณ ขณะนี้ ความคิดของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้ว
ท่ามกลางเหล่าเทพที่ยืนเรียงรายกัน มีสตรีผู้หนึ่งยืนสง่างามอยู่พร้อมถือหอคอยแก้วเก้าชั้นไว้ในมือ
นางสวมเสื้อผ้าพลิ้วไหวงดงามราวกับจะทำให้เมืองล่มสลาย รอบกายเปล่งประกายด้วยพลังเทพยิ่งทำให้นางประดุจผู้ทรงเกียรติสูงสุดในโลก ไม่มีผู้ใดกล้าคิดลบหลู่
หอคอยแก้วเก้าชั้นในมือขวาของนางค่อย ๆ หมุนตามการเคลื่อนไหวของพลังเทพรอบกาย
หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเป็นพลังของนางนี่เองที่สร้างโล่ป้องกันขึ้นเบื้องหน้าเหล่าเทพทั้งหลาย
ปราณกระบี่รุนแรงที่พุ่งเข้ามาทำลายห้วงอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่สุดท้ายก็สลายหายไปหมดสิ้นเมื่อปะทะกับโล่ป้องกันนั้น!
สตรีผู้นี้มีนามว่า ‘เจิ้นเทียน’ ในมือของนางถือหอคอยแก้วเก้าชั้น มีชื่อว่า ‘หอคอยเทพเจิ้นเทียน’
เจิ้นเทียนผู้นี้นับว่ามีพลังอำนาจติดอันดับสามในบรรดาเหล่าเทพทั้งหลาย
นางทอดสายตาลงมองสนามรบจากนั้นจู่ ๆ ก็ยกมือซ้ายขึ้นลูบหอคอยเทพเจิ้นเทียนเบา ๆ ทันใดนั้นชั้นล่างสุดของหอคอยก็เปล่งแสงสว่างจาง ๆ ออกมา
เหล่าเทพที่อยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเจิ้นเทียน หนึ่งในนั้นจึงเอ่ยปากขึ้นช้า ๆ ว่า “เทพเจิ้นเทียนชั้นล่างสุดของหอคอยของเจ้านั้นใช้สำหรับการรักษา เจ้าเปิดใช้มันตอนนี้เห็นผลแพ้ชนะของศึกนี้แล้วรึ?!”
เทพเจิ้นเทียนไม่ตอบเพียงแต่วางมือซ้ายลงแล้วมองดูสนามรบใต้เมฆต่อไป
เหล่าเทพที่เหลือคุ้นเคยกับท่าทีเฉยเมยของเจิ้นเทียนดีจึงไม่พูดอะไรมองดูต่อไป
เหล่าเทพต่างสบายใจ แม้ในหมู่เทพจะมีความแข็งแกร่งต่างกันแต่ก็อยู่ในระดับเดียวกัน วันนี้แม้เทพเจี้ยนหยวนกับลู่หยวนจะสู้กันจนสามพันโลกพินาศ ตราบใดที่พวกเขาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวการปกป้องตัวเองก็ยังทำได้ง่ายดาย
แต่พวกมหาจักรพรรดิแดนเซียนกลับลำบากอย่างยิ่ง
ปราณกระบี่กวาดผ่านไปรุกรานมาถึงที่อยู่ของเหล่ามหาจักรพรรดิแดนเซียน!
เหล่ามหาจักรพรรดิในยามนี้ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างไม่คาดคิด รวมพลังทั้งหมดเข้าด้วยกันสร้างเป็นกำแพงป้องกันต้านทานปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามาอย่างยากลำบาก!
หลังจากคลื่นปราณกระบี่ผ่านไป พวกเขายังต้องรับมือกับหลุมดำในอากาศรอบ ๆ ที่แตกสลายไปทั้งหมดด้วย
พวกเขาแทบจะรับมือไม่ไหวแต่ก็ไม่ยอมถอยออกไปไกลกว่านี้เพราะต้องคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา รอคอยให้ลู่หยวนตกจากบัลลังก์เทพ!
ในสนามรบ ลู่หยวนและเทพเจี้ยนหยวนยังคงชูกระบี่เผชิญหน้ากันอยู่!
ปราณกระบี่สองสายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงปะทะกันไม่หยุดกลางอากาศ!
เทพเจี้ยนหยวนจับด้ามกระบี่ด้วยมือทั้งสองข้าง กระแสพลังรอบกายของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
“ไอ้หนู กฎของโลกใบนี้คือการต่อสู้ด้วยกระบี่ นั่นหมายความว่ากระบี่คือสิ่งสูงสุดของโลกนี้ ระหว่างเจ้ากับข้าใครกันแน่ที่เหมือนกระบี่มากกว่า?!”
ทันทีที่คำพูดนี้จบลง เทพเจี้ยนหยวนก็กลายร่างเป็นประกายดาวหลอมรวมเข้าไปในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์!
บนท้องฟ้า เทพเจี้ยนหยวนและวิถีกระบี่ต่างส่งพลังอำนาจลงมาสู่กระบี่เล่มนี้อย่างน่าเกรงขาม!
ในตอนนี้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เพียงอาวุธอีกต่อไปแต่ถูหลอมรวมกับเป็นเทพด้วย!
รวมด้วยตนเองเข้าสู่ร่างกระบี่ เพื่อเป็นกระบี่เทพ!
“กระบี่เทพแห่งขุนเขาและสายน้ำ!”
เสียงพึมพำแผ่วเบาดังแหวกอากาศมาจากทุกทิศทุกทาง
กระบี่เทพนั้นถอยหลังออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ฟันฟาดลงมาอย่างสุดกำลัง!
ลู่หยวนรู้สึกว่าตนเองถอยไม่ได้อีกแล้วจำต้องเผชิญหน้ารับกระบี่นี้เท่านั้น!
ทันใดนั้นลู่หยวนก็ทุ่มพลังทั้งหมดใส่กระบี่ในมือแล้วฟาดขึ้นไปจากล่างสู่บนเพื่อป้องกัน
…
แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นห่อหุ้มลู่หยวนและกระบี่เทพไว้ทั้งหมด
การปะทะของกระบี่ทั้งสองเล่มกลับไม่มีเสียงดังแม้แต่น้อย
เห็นเพียงคลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่ออกจากจุดปะทะกระจายออกไปเป็นชั้น ๆ
ทุกสิ่งเลือนหายไปหลังจากคลื่นพลังนั้นพัดผ่าน
เพียงชั่วลมหายใจเดียว นอกจากมหาจักรพรรดิแดนเซียนและเทพบนเหนือเมฆแล้ว สามพันโลกต่างมลายกลายเป็นขาวดำ
ทุกโลกต่างวุ่นวายอลหม่าน!
พลังวิถีกระบี่พุ่งทะยานถึงขีดสุดในทุกโลกในชั่วพริบตา!
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างจ้องมองแสงสีขาว
หลังจากผ่านไปหลายลมหายใจ ร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากแสงสีขาว กระเด็นออกไปไกลหลายพันลี้ กระแทกเข้ากับขอบเขตของโลกใบนี้อย่างรุนแรงส่งเสียงดังสนั่น!
ทุกคนต่างเบือนหน้าไปมองเห็นว่าคนที่ถูกกระเด็นออกมานั้นกำลังกระอักเลือด กระบี่ในมือก็สลายหายไประหว่างที่ถูกกระเด็นออกมา คนผู้นั้นก็คือ ลู่หยวนนั่นเอง!