ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 64 แผนการอันแยบยลของหัวหน้าหน่วยฟาง
บทที่ 64 แผนการอันแยบยลของหัวหน้าหน่วยฟาง
บทที่ 64 แผนการอันแยบยลของหัวหน้าหน่วยฟาง
“บอกให้นะ ที่นี่สถานีตำรวจนะ ถ้าไม่เชื่อฟัง ฉันมีสิทธิ์กักตัวคุณไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมง!” ตำรวจหญิงเบิกตาโพลงมองหนิวลี่ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“กักตัวผมยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเหรอ! ร้ายแรงขนาดนั้นเชียว?” หนิวลี่แสร้งทำเป็นตกใจ
“ใช่สิ กลัวแล้วล่ะสิ บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าคุณรู้เรื่องอะไรบ้าง ไม่อย่างนั้นคุณตายแน่” ตำรวจหญิงพูดอย่างลำพองใจ
“ผมไม่รู้” หนิวลี่ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ยังจะมีอะไรอีก? เอ่อ!.. คุณพูดว่าอะไรนะ” ตำรวจหญิงมองหนิวลี่อย่างงุนงง
“ผมบอกว่าผมไม่รู้” หนิวลี่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางพูดเนิบ ๆ อย่างยั่วเย้า
“ไอ้สารเลวนี่~” ตำรวจหญิงสติแตก ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ เงื้อมือจะคว้าปืน
“ฟางเหว่ย เธอกำลังทำบ้าอะไรอยู่??” ฟางเจิ้งที่รีบมาถึงร้องห้ามด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“ฉัน… ฉันกำลังสอบปากคำผู้ต้องหา” ฟางเหว่ยตอบเสียงอ่อน แต่ไม่กล้ามองหน้าฟางเจิ้ง
“สอบปากคำผู้ต้องหา? ใครบอกว่าเขาเป็นผู้ต้องหา? แล้วใครสั่งให้เธอมาสอบปากคำ?”
“ก็พี่นั่นแหละที่บอกเองไม่ใช่เหรอ? ว่าเขาเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่ทะเลสาบหลิงกวง” ฟางเหว่ยเถียงคอเป็นเอ็น
“ฉันเคยพูดตอนไหนว่าเขาเป็นผู้ต้องหา? ฉันบอกว่าเกี่ยวข้อง เข้าใจความหมายคำว่าเกี่ยวข้องไหม หมายถึงคนที่เราสามารถสอบถามข้อมูลได้ โอ๊ย! ฉันเรียกเธอว่าน้องสาวยังจะไม่พอใจอีกเหรอ อย่าทำให้ฉันเดือดร้อนได้ไหม” ฟางเจิ้งพูดอย่างอ่อนใจแทบจะร้องไห้
“ไม่ได้… ฉันใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจที่ดีรับใช้ประชาชน ฉันต้องมีส่วนร่วมในคดีนี้ให้ได้”
“เหอะ แค่ความรู้ในวิชาชีพยังไม่กระดิก จะมาเป็นตำรวจที่ดีรับใช้ประชาชน หึ มีตำรวจแบบเธอ เมืองเอชไม่รู้จะมีคดีหลุดเกิดขึ้นอีกกี่คดี ” หนิวลี่เบะปากเยาะเย้ย
“นายพูดว่าอะไรนะ? พูดใหม่สิถ้าแน่จริง!” ฟางเหว่ยตวาด มือขวาเลื่อนไปวางที่ซองปืนอีกครั้ง
“ขู่ผมเหรอ? กลัวจังเลย” หนิวลี่เบือนหน้าหนี ไม่แม้แต่จะชายตามอง
“นาย!” ฟางเหว่ยโมโหจัด กำลังจะชักปืนออกมา ฟางเจิ้งรีบคว้าแขนเธอไว้แล้วลากออกไปนอกห้อง
ฟางเจิ้งรู้ทันทีว่าน้องสาวตัวแสบของเขากำลังก่อเรื่องวุ่นวาย ไม่รู้เรื่องอะไรก็คว้าปืนมาข่มขู่คนอื่น ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงเบื้องบน ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่เขาเพิ่งได้รับการเลื่อนขั้นคงปลิวไปแน่
“พี่ใหญ่ ปล่อยฉันนะ ฉันจะสั่งสอนไอ้เด็กบ้านี่ มันกล้าดูถูกฉัน ปล่อยนะ” ฟางเหว่ยขัดขืน แต่ฟางเจิ้งแข็งแรงกว่า เธอจึงได้แต่ดิ้นพล่านไปมาขณะที่ถูกพี่ชายลากออกไปนอกห้อง
เขาปิดประตูแล้วล็อก จากนั้นจึงถอนหายใจพลางหันไปมองหน้าหนิวลี่
“ยินดีด้วยนะ หัวหน้าหน่วยฟาง ได้เลื่อนขั้นแบบฟ้าผ่าเลยนี่” หนิวลี่ยกมือไหว้แสดงความยินดี
สีหน้าของฟางเจิ้งเปลี่ยนไปทันที เขามองหนิวลี่อย่างแปลกใจ ชายคนนี้ดูไม่ออกขึ้นเรื่อย ๆ การเลื่อนตำแหน่งของเขาเพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้กำกับใหญ่แท้ ๆ ทำไมหนิวลี่ถึงรู้ได้! หรือว่าเขามีหูทิพย์ตาทิพย์กันนะ?
ฟางเจิ้งนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานอย่างเงียบเชียบ ดวงตาจ้องมองหนิวลี่ไม่วางราวกับต้องการจะมองทะลุเขาไปให้ได้ แต่โชคร้ายที่เขาดูไม่ออกเลย ตอนนี้หนิวลี่ดูธรรมดาเกินไป ธรรมดาจนคนสามารถลืมได้ในชั่วพริบตา
ฟางเจิ้งเลิกสนใจความลึกลับของหนิวลี่แล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ฉันอยากรู้ว่าคดีฆาตกรรมที่ทะเลสาบหลิงกวงเกี่ยวข้องกับนายรึเปล่า?”
“เกี่ยว” หนิวลี่ปฏิบัติตาม
“เกี่ยว?” ฟางเจิ้งหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เพราะเมื่อคืนพวกนั้นมาทุบร้านอาหารของที่บ้าน ไล่ฆ่าพ่อแม่และอารองของฉัน ฉันถึงมาแจ้งความ” หนิวลี่พูดเบา ๆ สายตายังคงเป็นปกติ ไม่มีวี่แววของการโกหกเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องจริง
“แค่นี้?” ฟางเจิ้งไม่เชื่ออย่างชัดเจน
“แล้วจะให้มีอะไรอีกล่ะ หัวหน้าหน่วยฟาง ฉันมาแจ้งความนะ ไม่ได้มามอบตัว อย่าบอกนะว่านายคิดว่าคดีฆาตกรรมที่ทะเลสาบหลิงกวงนั่นเป็นฝีมือของฉัน?” หนิวลี่หัวเราะเยาะ
“ฉันรู้สึกแบบนั้น” ฟางเจิ้งพูดอย่างจริงจัง ดวงตาดูมุ่งมั่น
“มุขนี้ไม่ตลกเลย ตอนนี้ฉันแค่อยากรู้ว่าพ่อแม่ของฉันอยู่ที่ไหน ถ้าตำรวจไม่น่าเชื่อถือ งั้นฉันก็จะไปตามหาเอง” หนิวลี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“หึ ชีวิตคนตั้งร้อยกว่าชีวิต ฉันไม่เชื่อว่านายจะมีความกล้าขนาดนั้น แต่พ่อแม่ของนายเป็นผู้ต้องสงสัย ดังนั้นนายต้องอยู่ที่สถานีตำรวจเพื่อช่วยเราตามหาพ่อแม่ของนาย” ในที่สุดฟางเจิ้งก็เข้าประเด็น
“อะไรนะ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิวลี่หายไป แววตาที่เปล่งประกายออกมาทำให้ฟางเจิ้งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่น นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“พวกคุณจะข่มขู่ผม จับพ่อแม่ของผมงั้นเหรอ? ฮึ แปลกดีจริง ๆ โดนคนมาทุบร้าน ทำลายข้าวของ แถมคนยังหายไปอย่างไร้ร่องรอย สุดท้ายกลับโดนใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกร? นี่เหรอตำรวจดี ๆ ที่ประชาชนเมืองเอชให้ความไว้วางใจ? หัวหน้าหน่วยฟาง คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปหน่อยเหรอ?” หนิวลี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่แปลกหรอก เพราะคนที่ทุบร้านอาหารของนายตายหมด แถมยังหาศพไม่เจอ ในขณะที่พ่อแม่ของนายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะได้รับอันตราย ดังนั้นการถูกจัดให้เป็นผู้ต้องสงสัยจึงไม่แปลก แต่ต้องมีการตรวจสอบหลักฐานให้ชัดเจน เพราะเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ก่อนจะยืนยัน เราจะไม่ทำอะไรพ่อแม่ของนาย” ฟางเจิ้งอธิบาย
“ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ผมทำไม่ได้ ผมมาแจ้งความ พวกคุณก็แค่รับเรื่องไว้ก็พอ แต่จะให้ผมช่วยพวกคุณจับพ่อแม่ของตัวเอง ขอโทษด้วย ผมคงทำไม่ได้” หนิวลี่ลุกขึ้นยืนแล้วพูดเบา ๆ
“หนิวลี่ ทำตัวให้สมกับที่เป็นพลเมืองที่ดี เพื่อความสงบสุขของเมืองเอชและการไขคดีฆาตกรรม ฉันมีอำนาจที่จะขอให้นายให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนคดี” ฟางเจิ้งพูดอย่างเฉียบขาด
“อย่ามาข่มขู่ผม ผมเห็นแก่ระบบข่าวสารของตำรวจถึงมาขอความช่วยเหลือ ถ้าพวกคุณคิดจริง ๆ ว่าผมอ่อนแอและรังแกง่าย ลองดูก็ได้ว่าจะรั้งผมไว้ได้รึเปล่า” หนิวลี่จ้องมองฟางเจิ้งอย่างเย็นชาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยการคุกคาม
“นายกำลังข่มขู่ตำรวจ!” ฟางเจิ้งลุกขึ้นยืน มือของเขาสัมผัสไปที่ด้ามปืนแล้ว
“ไม่ใช่การข่มขู่ตำรวจหรอก นี่ผมเรียกว่าป้องกันตัว มีคนมาข่มขู่ผม ผมก็มีสิทธิ์ป้องกันตัวเองไม่ใช่เหรอ ขอโทษด้วยละ ดูท่าตำรวจเมืองนี้ก็ไม่ได้เรื่องอย่างที่คิด ถ้าอย่างนั้นผมไปตามหาเองก็แล้วกัน” หนิวลี่พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
“หยุดนะ!” หัวหน้าหน่วยฟางกำด้ามปืนพกแน่น ท่าทางเหมือนพร้อมจะยิงให้สักนัดถ้าหนิวลี่ยังขัดขืนอีก
“ยังอยากจะเปลี่ยนปืนอีกกระบอกไหม?” หนิวลี่ไม่ได้หยุดเดิน พูดจบก็เปิดประตูออกไป
หัวหน้าหน่วยฟางชะงัก มือที่กำปืนก็สั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รั้งหนิวลี่ ไว้
เมื่อออกมาจากห้อง หนิวลี่ก็เห็นฟางเหว่ยเอนหลังพิงกำแพงฝั่งตรงข้าม มองมาทางนี้ด้วยความโกรธ ตำรวจที่เดินผ่านไปมาต่างก็ทำเป็นไม่เห็น รีบเดินผ่านไป ไม่กล้าเข้ามายุ่ง
หนิวลี่ยิ้มเยาะ หันหลังเดินออกจากสถานีตำรวจไป
ฟางเหว่ย จ้องมองแผ่นหลังของหนิวลี่อย่างเกลียดชัง ก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปในห้องทำงานของฟางเจิ้ง
เมื่อออกจากสถานีตำรวจ หนิวลี่ก็รู้สึกหนักใจ
ไม่คิดว่าเรื่องนี้ตำรวจจะสรุปว่าพ่อแม่เป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม แบบนี้พ่อแม่เขาก็จะมีมลทินติดตัว แล้วจะใช้ชีวิตในสังคมต่อไปอย่างไร จะให้หลบหนีไปตลอดชีวิตก็ไม่ได้
แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องตามหาพ่อแม่ให้พบ พวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หนิวลี่ก็โบกรถแท็กซี่ไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุด
เขาใช้เงินที่ติดตัวซื้อโทรศัพท์รุ่นล่าสุด จากนั้นก็ซื้อขนมและเครื่องดื่มจำนวนมากให้เอลฟ์ตัวน้อยที่ส่งเสียงโวยวายอยู่ในแหวนมิติ แล้วจึงไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ใหม่ที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือ
มีโทรศัพท์มือถือแล้วก็ติดต่อหลี่เตาปาได้สะดวก
หนิวลี่ตัดสินใจว่านอกจากตำรวจแล้ว เขายังต้องพึ่งพาพวกคนในวงการมืดเพื่อตามหาพ่อแม่ เพราะพวกนี้รู้จักคนมากมายหลายแบบ ข้อมูลข่าวสารถือว่ากว้างขวางไม่แพ้ตำรวจ การตามหาแบบสองทางน่าจะเร็วกว่า
เขาโทรหาหลี่เตาปาขอให้ช่วยสืบหาเบาะแสของพ่อแม่
หลี่เตาปากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะผูกมิตรกับหนิวลี่ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พอได้ยินแบบนั้นก็ตอบตกลงทันที น้ำเสียงราวกับได้กินผลไม้วิเศษ ฟังดูสดใส
หลังจากวางสายไป หนิวลี่ก็มีแววตาเย็นชา
เรื่องของมัตสึชิตะเป็นแค่ก้าวแรก ในเมื่อพวกมันอยากจะเล่นงานครอบครัวของเขา พวกมันก็ต้องได้รับบทลงโทษที่สาสมยิ่งกว่าไตรภาคีงั้นเหรอ เขาจะถอนรากถอนโคนชาวญี่ปุ่นในเมืองเอชให้หมดสิ้น
“มิยาโมโตะ นายพร้อมหรือยัง?”