ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 6 ภัยคุกคามจากฉางเหมา
บทที่ 6 ภัยคุกคามจากฉางเหมา
บทที่ 6 ภัยคุกคามจากฉางเหมา
ห้องเรียนกลับมาอยู่ในความเงียบสงบอย่างอีกคร้ัง โต๊ะเรียนถูกจัดเรียงเข้าที่เดิมอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้เพื่อนร่วมชั้นทุกคนไม่กล้ามองหนิวลี่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไป
มีคำกล่าวที่ว่า ‘หมากัดไม่เห่า’ หรือว่าเด็กคนนี้โดนรังแกจนสมองกระทบกระเทือน เก็บกดจนเปลี่ยนจากคนขี้ขลาดตาขาวกลายเป็นคนเลวทรามไปแล้ว?
ทุกคนต่างก็ซุบซิบนินทากันไปต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะเพื่อนที่นั่งรอบ ๆ หนิวลี่ พากันทำปากขมุบขมิบ เพราะกลัวว่าหนิวลี่จะได้ยิน บางครั้งก็แอบมองเขาด้วยสายตาระแวดระวัง ไม่มีท่าทีท้าทายเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
แน่นอนว่ามีบางคนที่ยังดูถูกเหยียดหยามเขา แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยารุนแรงอะไรออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เพียงแต่จ้องมองหนิวลี่ด้วยสายตาเย็นชา
[ว้าว! พี่ชายเก่งจังเลย] เอลฟ์น้อยในแหวนร้องอย่างตื่นเต้น ดวงตาสีฟ้าอ่อนเบิกกว้างด้วยความชื่นชม
‘ก็ธรรมดานั่นแหละ พี่ไม่ได้เก่งกาจเหมือนเตียวเสี้ยนที่ใช้เวทมนตร์ได้หรอก’ หนิวลี่ส่งกระแสจิตคุยกับเอลฟ์น้อยอย่างภาคภูมิใจ
[ฮี่ ๆ พี่ชายก็ใช้เวทมนตร์ของเตียวเสี้ยนได้นะ] เอลฟ์น้อยแลบลิ้นและพูดอย่างซุกซน
หนิวลี่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความตกใจ ระคนตื่นเต้น
‘เธอว่ายังไงนะ? เตียวเสี้ยน พูดอีกทีซิ’ หนิวลี่ถามเสียงสั่น เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป เขาจะใช้เวทมนตร์ของเอลฟ์น้อยได้ยังไง?
แต่ในหนังสือที่เคยอ่านก็เหมือนจะมีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหมือนว่าหลังจากทำสัญญาแล้ว มนุษย์ก็สามารถใช้พลังเวทของเอลฟ์ได้!
[พี่ชายโง่จัง เตียวเสี้ยนทำสัญญาเลือดกับท่านไง ตามข้อตกลงในสัญญา พี่ชายสามารถยืมพลังเวทครึ่งหนึ่งจากเตียวเสี้ยนไปใช้ได้ แต่ตอนนี้พลังเวทของเตียวเสี้ยนอ่อนแอมาก คงใช้ได้แค่เวทธาตุน้ำไม่กี่อย่าง] เอลฟ์น้อยกลอกตาอย่างน่ารัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ
‘อ้า! งั้นก็เยี่ยมเลยสิ! ฮ่า ๆ ฉันใช้เวทมนตร์ได้เหมือนกัน’ หนิวลี่ตกตะลึง จินตนาการถึงภาพตัวเองเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้โลกอย่างห้ามใจไม่อยู่
[พี่ชายบื้อจริง ๆ เลย เตียวเสี้ยนบอกแล้วไงว่าพี่ใช้เวทมนตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้แค่ไม่กี่อย่าง จะดีใจอะไรนักหนา] เอลฟ์น้อยไม่เข้าใจความคิดเรื่องเวทมนตร์ของหนิวลี่ และทำหน้าหดหู่เล็กน้อย
‘ไม่เป็นไรหรอก พี่จะช่วยให้เตียวเสี้ยนแข็งแกร่งขึ้นเอง พี่สัญญา’ หนิวลี่พูดอย่างจริงจัง แต่ในใจกลับคิดไปไกล
ก็แค่พลังงานธรรมชาติใช่ไหมล่ะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันหยุดยาวช่วงวันแรงงานแล้ว ที่ที่ใกล้ที่สุดคือภูเขาเสินหนงเจี้ยที่เคยไปเที่ยวเมื่อนานมาแล้ว ถึงเวลานั้นก็ไปพักผ่อนหย่อนใจสักหน่อย ทั้งยังได้ดูดซับพลังงานธรรมชาติให้เอลฟ์น้อยไปอัปเกรดพลังด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ได้ยินคำพูดของหนิวลี่แล้ว เอลฟ์น้อยถึงได้ร่าเริงขึ้นมา จริง ๆ แล้วเอลฟ์น้อยไม่ได้สนใจเรื่องอัปเกรดมากนัก สิ่งที่เธอใส่ใจคือความห่วงใยที่หนิวลี่มีต่อเธอ มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ
“กริ๊งงง!” ช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงกริ่งดังขึ้นบอกเวลาเลิกเรียน
หนิวลี่เก็บหนังสือเรียน แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องเรียนไป
ที่มุมหลังสุดของห้องเรียน เด็กชายผอมเกร็งคนหนึ่งมองตามแผ่นหลังของหนิวลี่ที่กำลังออกจากห้องไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรออก
“พี่ฉางเหมา เด็กนั่นออกจากห้องไปแล้ว”
หนิวลี่เดินออกจากโรงเรียนไปตามถนนสายหนึ่งที่คับคั่งไปด้วยผู้คน
“หนิวลี่! หยุดก่อน!”
เสียงตะโกนดังขึ้น หนิวลี่เงยหน้ามองตามสัญชาตญาณ
เสาไฟฟ้าข้างทางด้านหน้า ปรากฏชายหนุ่มสามคนเดินกร่างเข้ามาใกล้
คนกลุ่มนี้อายุไม่มาก ราว ๆ ยี่สิบปี คนที่เดินนำหน้ามาเป็นหนุ่มผมยาว แขนที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้อเต็มไปด้วยลายสัก
หนิวลี่รู้จักและคุ้นเคยกับคนทั้งสามเป็นอย่างดี เขาเคยถูกฉางเหมาคนนี้รังแกเพื่อความสนุกอยู่บ่อย ๆ
ในใจของเขารู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง ฉางเหมาคนนี้ไม่เหมือนกับนักเรียนรุ่นเดียวกันที่เขาสามารถตอบโต้ได้ สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในแก๊งมาเฟียแบบนี้ หนิวลี่ต้องระมัดระวังสักหน่อย เพื่อไม่ให้เรื่องร้ายมาถึงร้านอาหารของครอบครัว และทำให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง
“พี่ฉางเหมา” หนิวลี่เรียกอย่างนอบน้อม
“อืม” ฉางเหมาตอบรับเบา ๆ แล้วหยิบบุหรี่กับไฟแช็กออกมาจากกระเป๋า จุดบุหรี่สูบแล้วพ่นควันหนา ๆ ออกมา จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย “เด็กดี ได้ยินว่าเช้านี้นายทำตัวเก่งมากเลยนะ”
“เก่งเหรอ” หนิวลี่งุนงงไปชั่วขณะ สีหน้าดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ เรื่องนี้เกิดขึ้นในห้องเรียน ต้องมีเพื่อนร่วมชั้นบางคนไปฟ้องแน่ ๆ
‘หรือว่าฉางเหมามาแก้แค้นแทนจ้าวเฟย?’
“ไม่หรอก ฉันจะไปเก่งเท่าพี่ฉางเหมาได้ยังไงกัน” หนิวลี่หัวเราะแห้ง ๆ พร้อมกับประจบ
“หืม?!” ฉางเหมามองหนิวลี่อย่างประหลาดใจ ยกยิ้มมุมปาก “ไม่คิดว่านายจะเปลี่ยนไปนะ ก่อนหน้านี้นายยังไม่กล้าพูดกับฉันแบบนี้เลย”
หนิวลี่อึ้งไปครู่หนึ่ง หัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อน การพูดคุยกับนักเลงพวกนี้ยิ่งน้อยยิ่งดี พูดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นหาเรื่อง
“ช่างเถอะ เรื่องที่เด็ก ๆ อย่างพวกนายตีกันอะไรนั่น ฉันไม่สนใจหรอก ครั้งนี้ฉันมาหานายเพื่อทำธุรกิจด้วยต่างหาก ว่าไง? พี่ฉางเหมาใจดีใช่ไหม ถ้ามีเรื่องดี ๆ จะต้องคิดถึงพี่น้องเสมอ” ฉางเหมาคุยโวอย่างสนุกสนาน
“ทำธุรกิจอะไรเหรอพี่ฉางเหมา ฉันยังเป็นแค่นักเรียนนะ เรื่องใหญ่อย่างการทำธุรกิจนี่ ฉันจะทำได้เหรอ!” หนิวลี่รู้สึกอึดอัดใจ ทำไมถึงต้องมาสนใจเขาด้วย?
“ไม่เป็นไร ธุรกิจของฉัน ต้องการเด็กผู้ชายที่แข็งแรงอย่างนายพอดี เหอะ ๆ ไม่ต้องกังวล งานนี้เป็นงานสบาย ๆ” ฉางเหมาแสดงสีหน้าหื่นกาม
“พี่ฉางเหมา พูดให้ชัด ๆ หน่อยได้ไหม?” หนิวลี่ระแวงมากขึ้น คำพูดพวกนักเลงเชื่อถือไม่ได้ อย่าบอกนะว่าจะล่อเขาไปติดกับ?
“รู้จักไนต์คลับเยี่ยเยี่ยหลายไหม?”
“อืม รู้จัก เป็นร้านที่พี่ฉางเหมาดูแลอยู่ใช่ไหม?”
“เหอะ ๆ คืนนี้ไม่ต้องไปเรียนพิเศษหรอก เดี๋ยวฉันจะพานายไปเปิดหูเปิดตา” ฉางเหมาพูดยิ้ม ๆ
“แบบนี้ไม่ได้นะ ฉัน…”
“หยุดเลย ไม่มีใครในห้องนายรู้หรอก ขาดเรียนสักสัปดาห์ก็ไม่เป็นไรหรอก ไง ไม่ให้เกียรติพี่ฉางเหมาเหรอ?” ฉางเหมาสีหน้าเย็นชาลงอย่างไม่พอใจทันที
ลูกน้องสองคนที่ยืนเงียบมาตั้งแต่ต้น จู่ ๆ ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า จ้องเขาอย่างดุร้ายทันที
หนิวลี่เงียบไปชั่วขณะ หลุบสายตาไปมา
ถึงแม้จะไม่อยากข้องเกี่ยวกับพวกมาเฟีย แต่ถ้าพวกเขาบังคับ ก็คงขัดขืนไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องยอมก้มหัวก่อน ไม่ใช่ว่าผู้ชายต้องคิดให้ดีก่อนลงมือทำเสมอไป
“อืม คิดให้ดีล่ะ ตอนบ่ายฉันจะมารับนาย อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ” ฉางเหมาหัวเราะเย็นชา แล้วหันหลังเดินจากไปพร้อมลูกน้องสองคน
[พี่ชาย คนนี้ร้ายกาจกว่าคนที่ท่านซัดไปอีก เขาอยากทำร้ายท่าน!] ภายในแหวนสรรค์สร้าง เอลฟ์น้อยพูดอย่างไม่พอใจ วันนี้เดิมทีก็มีความสุขมาก แต่เจ้านายกลับถูกรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เอลฟ์น้อยที่สนิทสนมกับหนิวลี่รู้สึกไม่พอใจ ทำไมถึงมีคนเลวมากขนาดนี้?
หนิวลี่ตกใจ และถามกลับ “ทำไมเขาถึงอยากทำร้ายพี่ล่ะ? เธอรู้ได้ยังไง?”
เอลฟ์น้อยทำหน้างง [ก็ต้องรู้สิ เมื่อกี้ตอนที่พี่ชายมองเขาอยู่ ฉันรู้สึกถึงคลื่นประหลาด ๆ เหมือนได้ยินเขาพูดว่าถ้าพี่ชายไปกับเขา ต่อไปจะหย่อนสมรรถภาพทางเพศอะไรประมาณนั้น พี่ชาย หย่อนสมรรถภาพทางเพศคืออะไรเหรอ?]
“หย่อน… หย่อนสมรรถภาพทางเพศ?!”
ได้ยินเอลฟ์น้อยถามด้วยสีหน้าสงสัย หนิวลี่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ในใจกลับมีเงามืดเพิ่มขึ้นมาอีก
‘ไอ้บ้าเอ๊ย! ยังจะคิดว่าฉันเป็นกระสอบทรายให้ซ้อมเล่นอีกเหรอ’