ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 56 แค่เรื่องบาดหมางของคนรุ่นก่อน
บทที่ 56 แค่เรื่องบาดหมางของคนรุ่นก่อน
บทที่ 56 แค่เรื่องบาดหมางของคนรุ่นก่อน
ค่ำคืนดึกสงัด ขณะที่หนิวลี่กำลังนอนหลับสบาย ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโวยวายดังมาจากในบ้าน
หนิวลี่ลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังระรัว “หนิวลี่ ตื่นได้แล้ว”
เป็นเสียงของอาสะใภ้
หนิวลี่รีบลุกขึ้นไปเปิดประตู ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนรนของอาสะใภ้ก็ปรากฏขึ้น
เด็กหนุ่มรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง
“หนิวลี่ รีบเก็บเสื้อผ้าไปกับอาเร็ว” อาสะใภ้เผยสีหน้าตื่นตระหนกออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ดวงตาของเขาหรี่ลง ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“อย่าเพิ่งถาม รีบเก็บเสื้อผ้า เดี๋ยวอาจะพาไปบ้านนอก” อาสะใภ้พูดอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ ผมต้องรู้ก่อน” หนิวลี่ดื้อรั้น ไม่ว่าใครก็ต้องไม่เต็มใจที่จะหนีออกจากบ้านกลางดึกแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นตายร้ายดียังไง
อาสะใภ้ยิ้มแห้ง ๆ “ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องบาดหมางของคนรุ่นก่อน พ่อแม่กับอาสองรับมือได้ แกเก็บของเร็ว ๆ แล้วไปกับอา”
เมื่อเขาได้ยินว่าเป็นเรื่องบาดหมางของคนรุ่นก่อน ดวงตาของก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ยิ่งไม่อยากหนีไปไหน ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วถามว่า “อา อาว่าความสามารถของผมเทียบกับพ่อแม่แล้วเป็นยังไง?”
อาสะใภ้ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วนึกถึงตอนที่หนิวลี่สะบัดมือผ่าแอปเปิลขาดได้อย่างง่ายดาย เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อาไม่ใช่คนฝึกวรยุทธ์ ดูไม่ออกว่าใครเก่งกว่ากัน แต่พ่อแม่กับอาสองของแกเก่งมาก ไม่เป็นไรหรอก รีบไปกับอาเถอะ”
หนิวลี่ส่ายหัว “อาพาถิงถิงไปก่อน ผมจะไปดูที่ร้านหน่อย เรื่องนี้ผมต้องรู้ให้ได้”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่” อาสะใภ้โมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
หนิวลี่หันหลังกลับไปแต่งตัว มองอาสะใภ้แล้วพูดว่า “อาไม่ต้องห่วงผม ผมไม่เป็นไร” พูดจบก็กระโดดออกไปจากหน้าต่างห้องของตัวเอง
“อ๊ะ!” อาสะใภ้ตกใจ รีบเอามือปิดปาก แล้ววิ่งไปดู แต่กลับพบว่าร่างของหลานชายหายวับไปบนดาดฟ้าตึกฝั่งตรงข้ามแล้ว
“นี่มัน!”
ถึงแม้ว่าอาสะใภ้จะรู้ว่าหนิวลี่ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งวรยุทธ์แล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเด็กหนุ่มจะเก่งขนาดนี้ ‘นั่นมันชั้นห้าเชียวนะ เขากลับเดินเหินราวกับพื้นราบ!’
เมื่อคิดได้ดังนั้น อาสะใภ้ก็เบาใจลง อย่างน้อยก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขาแล้ว หันหลังกลับไปเก็บของ แล้วรีบพาถิงถิงที่ยังคงงัวเงียออกจากบ้านของหนิวลี่ไป
ครึ่งชั่วโมงหลังจากที่อาสะใภ้ออกไป กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาในบ้าน พังประตูเข้ามาอย่างอุกอาจ ค้นหาไปทั่วแต่ไม่พบใคร ชายหน้าบึ้งที่เป็นหัวหน้าเตะโต๊ะกระจกในห้องโถงด้วยความไม่พอใจ พูดด้วยความโกรธแค้นว่า “ไปกันเถอะ”
ในขณะเดียวกัน หนิวลี่ก็กำลังเร่งฝีเท้าไปที่ร้านอาหารของครอบครัว สวมเสื้อคลุมสีดำและผมยาวที่ปลิวไสวไปตามสายลม ในความมืดมิด ดูราวกับวิญญาณตนหนึ่ง
ดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า
ตอนนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว
บนท้องถนนนอกจากรถราที่วิ่งไปมา ก็แทบจะไม่มีคนเดินบนทางเท้าแล้ว
หนิวลี่ยืนอยู่บนดาดฟ้าตึกห้าชั้น จ้องมองไปที่ร้านอาหารด้านล่างด้วยสายตาเป็นประกาย
นั่นคือร้านอาหารฮุ่ยหมินที่พ่อแม่เปิด แม้ว่าน่าจะปิดร้านไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ไฟกลับสว่างไสว ไม่มีเสียงคนดังออกมาเลยแม้แต่น้อย
จิตสัมผัสของหนิวลี่แผ่ขยายออกไปสุดกำลัง ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีสามร้อยห้าสิบเมตรปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
ร้านอาหารฮุ่ยหมินถูกครอบคลุมด้วยพลังจิตของหนิวลี่ในพริบตา
เขาตกใจมากเมื่อสัมผัสได้ว่าภายในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้กลับซ่อนชายฉกรรจ์ไว้เกือบร้อยคน ในจำนวนนั้นมีกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากำลังนั่งรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ในห้องทำงานของพ่อ
เขาสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่พบร่องรอยของพ่อแม่และอาสองเลยแม้แต่น้อย หัวใจของเขาก็พลันหนักอึ้งขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม หนิวลี่ก็ไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดคอยสังเกตการณ์กลุ่มแขกไม่ได้รับเชิญเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ พวกเขาเป็นแค่ลูกกระจ๊อกอย่างเห็นได้ชัด เบื้องหลังยังมีคนคอยบงการอยู่อีก สิ่งที่เขาต้องทำคือลากตัวการที่แท้จริงออกมา
[ติ๊งหน่อง! ติ๊งหน่อง!]
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากในห้องทำงาน เป็นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ
ชายวัยกลางคนร่างกำยำที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะขึ้นมาแนบหู
[คุณซันจิ หนึ่งในครอบครัวของเป้าหมายหมายหมายเลขหนึ่งถูกย้ายไปแล้ว ปัจจุบันยังไม่ทราบที่อยู่] เสียงทุ้มต่ำดังมาจากในโทรศัพท์
ชายวัยกลางคนไม่พูดอะไร ปิดโทรศัพท์แล้ววางลง มองไปที่คนอื่น ๆ ในห้องทำงาน
“แผนการครั้งนี้ล้มเหลว” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น สีหน้าของทุกคนในห้องทำงานดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที
“ทำให้ตื่นตระหนก ฉันไม่เห็นด้วยกับแผนการครั้งนี้อยู่แล้ว คุณซันจิไปอธิบายกับมิยาโมโตะซังเองก็แล้วกัน” หญิงสาวร่างกำยำในห้องทำงานแสยะยิ้มอย่างเย็นชา แล้วหันหลังเดินออกไปนอกห้องทำงาน
“คุณซันจิ แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป?” ชายหนุ่มหน้าม้าถามด้วยความหนักใจ หันไปจ้องมองร่างของหญิงสาวที่จากไปด้วยความโกรธ
“ถอนตัว แล้วสั่งการนินจาเงาลงไป ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ก็ต้องจับตัวชาวจีนทั้งสามคนนั้นมาให้ได้!” ซันจิลุกขึ้นยืน พูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“ครับ!” ชายหนุ่มหน้าม้าตอบรับอย่างหนักแน่น
“ไอ้พวกญี่ปุ่นอีกแล้ว แล้วยังเป็นมิยาโมโตะคนนั้นอีก!” สีหน้าของหนิวลี่พลันมืดครึ้มลงมาอย่างน่ากลัว ‘พวกญี่ปุ่นแกว่งเท้ามาถึงบ้านฉันแล้ว งั้นก็อย่าหาว่าโหดร้ายก็แล้วกัน’
‘จับตัวคนสามคน? คงจะเป็นพ่อแม่กับอาสองแน่ ๆ แบบนี้ก็แปลว่าพวกเขายังปลอดภัยอยู่’
‘ได้ ในเมื่อแกอยากเล่นกับไฟก่อน งั้นฉันก็จะเล่นกับแกให้เต็มที่ มาดูกันว่ายากูซ่าของญี่ปุ่นมันมีอะไรดีนักหนา’ หนิวลี่พูดอย่างเคียดแค้นอยู่ในใจ
ซันจินำลูกน้องเกือบร้อยคนออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว ขึ้นรถสิบกว่าคันที่จอดอยู่หน้าร้านอาหาร เคลื่อนขบวนหายลับไปในยามราตรี
หนิวลี่มองร้านอาหารฮุ่ยหมินอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ร่ายเวทวายุ ใช้ทักษะเหินเวหากระโดดไปมาระหว่างตึก แต่ละครั้งที่กระโดดขึ้นไปก็สูงถึงสิบกว่าเมตร ตอนที่ร่วงลงมาก็เบาเหมือนไร้น้ำหนัก
นี่คือการฝึกฝนทักษะเหินเวหาจนชำนาญ พลังเวทของเขาเพียงพอที่จะร่ายเวทได้อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เขาค่อย ๆ เข้าใจแก่นแท้ของเวทเหินเวหาแล้ว
หนิวลี่สะกดรอยตามขบวนรถของพวกญี่ปุ่นไปตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงเขตบ้านพักตากอากาศริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง
เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ ปรากฏว่าเขารู้จักที่นี่ นี่คือทะเลสาบหลิงกวงของเมืองเอช ว่ากันว่าทุก ๆ สิบปีในคืนพระจันทร์เต็มดวงของเทศกาลไหว้พระจันทร์ น้ำในทะเลสาบผืนนี้จะเปล่งแสงสว่าง ส่องประกายไปทั่วแผ่นฟ้า เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก! แต่ไม่ว่าใครจะมาตรวจสอบ แม้แต่ดำน้ำลงไปสำรวจ ก็ไม่พบสาเหตุหรือสมบัติใด ๆ จึงกลายเป็นปริศนาที่ไม่มีใครไขได้
ตอนเด็ก ๆ เขาจำได้เลือนลางว่าเคยเห็นแสงส่องสว่างไปทั่วแผ่นฟ้าครั้งหนึ่ง
แต่ด้วยผลกระทบจากตำนานอันน่าอัศจรรย์นี้ นักธุรกิจหัวใสบางคนได้สร้างบ้านพักตากอากาศริมน้ำขึ้นมาเป็นแถว ขายในราคาแพงลิบลิ่ว ทำกำไรมหาศาล
ไม่คิดว่าพวกญี่ปุ่นจะมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่านี่จะเป็นรังใหญ่ของพวกมันหรือเปล่า
เห็นขบวนรถแยกย้ายกันไป หลายคันเลี้ยวเข้าไปในประตูใหญ่ของบ้านพักตากอากาศ ส่วนขบวนรถคันอื่น ๆ กลับมุ่งหน้าไปยังย่านที่พักอาศัยซึ่งไม่ไกลจากที่นี่เท่าใดนัก
หนิวลี่แสยะยิ้มอย่างเย็นชา ไม่นึกเลยว่าจะเจอฐานที่มั่นของพวกมันเข้าจนได้ ‘งั้นฉันก็ไม่เกรงใจล่ะ ขอเก็บดอกเบี้ยที่พวกแกมายุ่งกับครอบครัวของฉันก่อนก็แล้วกัน’
ร่างของหนิวลี่พุ่งผ่านระหว่างตึก ร่ายเวทเหินเวหา ลงจอดบนดาดฟ้าของบ้านพักตาก สายตาเป็นประกาย จิตสัมผัสแผ่ขยายลงไปด้านล่าง ในชั่วพริบตาทุกความเคลื่อนไหวในบ้านหลังนี้ก็อยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด