ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 53 แผนการบุกของทีมบาส ฯ ปี 3
บทที่ 53 แผนการบุกของทีมบาส ฯ ปี 3
บทที่ 53 แผนการบุกของทีมบาส ฯ ปี 3
“เถียนเถียน แกต้องแนะนำนายคนนั้นให้ฉันรู้จักนะ ฉันอยากขอเป็นศิษย์ ขอเป็นศิษย์ให้ได้เลย!” พี่ชายของเหมียวเถียนเถียนคะยั้นคะยอ ตะโกนใส่น้องสาว
เหมียวเถียนเถียนหันไปมองด้วยสายตาเหยียดหยัน “นี่พี่ไม่ได้ดูถูกเขาอยู่หรอกเหรอ”
“น้องสาวที่น่ารักของพี่ พี่ผิดไปแล้ว คนคนนั้นน่ะเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน ขอแค่พี่เรียนวิชาจากเขาได้สักหนึ่งในสิบส่วน ไม่สิ ขอแค่หนึ่งในร้อยส่วนก็พอ พี่ก็จะครองความยิ่งใหญ่ในทีมได้แบบไม่มีใครเทียบได้ ฮ่า ๆ ๆ” พี่ชายของเหมียวเถียนเถียนหัวเราะอย่างอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผู้ชมรอบข้างหันมามองบ่อยครั้ง พวกเขาคิดว่าเจ้าหมอนี่คงคลั่งไคล้หนิวลี่มากจนหัวเราะอย่างกับคนโง่แบบนี้
เหมียวเถียนเถียนรู้สึกโกรธและอับอาย อยากจะลุกหนีไปไกล ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ ‘มีพี่ชายแบบนี้ช่างน่าโมโหจริง ๆ’
ส่วนข้างล่างสนาม ทีมบาส ฯ ปี 3 ถูกทำลายขวัญกำลังใจอย่างสิ้นเชิง ทุกคนต่างตกตะลึงกับการชู้ตลงห่วงระยะไกลสุดแม่นของหนิวลี่
ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หนิวลี่ดูสุขุมเยือกเย็นมาก เยือกเย็นจนทำให้ทุกคนคิดว่าการชู้ตลงห่วงระยะไกลของเขาไม่ใช่การตัดสินใจชั่ววูบ ไม่ใช่การกระทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เป็นการกระทำที่มั่นใจว่าทำได้
“หัวหน้า แล้วแบบนี้จะแข่งต่อยังไงครับ” จ้าวเฟิงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มหน้าดำด้วยสีหน้าขมขื่นพร้อมกับหัวเราะแห้ง ๆ
เป้าสยงเคร่งเครียด เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แข่ง! แข่งต่อ ถึงจะแพ้ แต่จะให้แพ้แบบคะแนนขาดลอยไม่ได้”
เขาพอจะเดาผลการแข่งขันครั้งนี้ออกอยู่แล้ว แม้จะยอมรับไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับ
หนิวลี่แข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งจนไม่มีใครต้านทานได้
“ใช่!”
จ้าวเฟิงรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย นับตั้งแต่เข้าร่วมทีม แม้ว่าจะพ่ายแพ้มาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีใครสามารถแย่งลูกบาสที่เขากำลังเลี้ยงอย่างรวดเร็วไปได้
หนิวลี่ทำลายสถิติของเขา ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกหดหู่ใจ หากไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนี้ไปได้ ทักษะการเลี้ยงลูกบาสของจ้าวเฟิงก็จะไม่สามารถพัฒนาไปได้อีก
“กลับไปตั้งรับ!” เหมียวต้าเหวยตะโกนด้วยความฮึกเหิม บัญชาการอย่างองอาจราวกับแม่ทัพใหญ่ในสนามรบ
เหมียวต้าเหวยรู้สึกว่าการตัดสินใจดึงหนิวลี่เข้ามาเป็นกำลังหลักเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมา
เมื่อมองดูทีมคู่แข่งในสนามที่กำลังสิ้นหวังและขวัญกระเจิง หัวหน้าห้องก็รู้สึกว่าชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม
“ปี๊ดดดด!”
เสียงนกหวีดเป่ายาวดังขึ้น จากนั้นกรรมการก็ประกาศออกไมค์ว่า “ทีม A ขอเปลี่ยนตัวผู้เล่น”
“อะไรกันวะ เพิ่งจะเริ่มไปได้กี่นาทีเอง ขอเปลี่ยนตัวแล้วเนี่ย ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”
“นี่เหรอทีมบาส ฯ โรงเรียนม.ปลายหมิงซิง? น่าขายหน้าจริง ๆ”
“หึ! ใครใช้ให้พวกนั้นหยิ่งผยองนัก ไม่ยอมให้ปี 1 ปี 2 เข้าร่วมทีม คิดว่าโรงเรียนขาดพวกนั้นแล้วจะไม่มีใครเล่นบาส ฯ ได้งั้นสิ คราวนี้แหละดูซิว่าพวกนั้นจะตายยังไง”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ไปทั่วอัฒจันทร์ ส่วนใหญ่เป็นเสียงโห่ร้องด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
เมื่อไหร่ที่คุณล้ม คนอื่นก็จะเหยียบซ้ำ นี่แหละคือความจริง
ก่อนหน้านี้ ด้วยฝีมือของทีมบาสเกตบอลปี 3 แม้ว่าจะมีคนไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าทำให้พวกนั้นขุ่นเคืองได้ง่าย ๆ แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นว่าทีมบาส ฯ ของโรงเรียนที่ว่านั่นอ่อนแอเช่นนี้ ใครที่เคยมีเรื่องคับแค้นก็พร้อมที่จะออกมาซ้ำเติม
ทีมบาสปี 3 กลับมายังเขตแดนของตนเองด้วยสีหน้าซีดเซียว สมาชิกในทีมไม่พูดอะไรสักคำ
ที่เก้าอี้นักกีฬาและสต๊าฟฝั่งทีมปี 3 ชายชรารูปร่างผอมบางยังนั่งนิ่ง ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อยกับคะแนนที่เสียไปของทีม บุคคลผู้นี้คือหวังกั๋วเหวย โค้ชมืออาชีพที่เกษียณแล้ว ซึ่งโรงเรียนมัธยมปลายหมิงซิงจ้างมา
“อย่าเพิ่งท้อ หนุ่ม ๆ พวกเรายังมีโอกาสอยู่” แม้โค้ชหวังจะมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ปลอบใจ เพราะไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้จริง ๆ
แม้ว่าทั้งสองทีมจะได้เผชิญหน้ากันเพียงไม่กี่นาที แต่ก็ทำให้โค้ชหวังตื่นตะลึงในความสามารถที่แข็งแกร่งของหนิวลี่ ‘นี่มันระดับนักบาสเกตบอลมืออาชีพที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับนานาชาติแล้ว ไม่สิ อาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ แรงกระโดดที่ทรงพลัง แรงแขนที่รุนแรง และความแม่นยำในการส่งลูกเข้าห่วงของเด็กหนุ่มคนนั้น หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์บาสเกตบอล ก็แทบจะไม่มีใครเทียบได้เลย’
“นี่มันเทพจากที่ไหนโผล่มาเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย?”
โค้ชหวังตกตะลึงอย่างหนัก ‘ถ้าส่งนักบาสแบบนี้เข้าทีมชาติล่ะก็…’
แต่แล้วใบหน้าของโค้ชหวังก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างครุ่นคิด
‘มีฝีมือขนาดนี้ แต่กลับไม่เคยแสดงออกมาก่อนเลย ดูก็รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นจุดสนใจ ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ป่านนี้คงโด่งดังไปแล้ว คงถูกสโมสรต่าง ๆ รุมแย่งตัวไป’ คิดได้แบบนั้น โค้ชหวังก็รู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาทันที
“โค้ชครับ เราจะเอายังไงต่อดี?” เป้ายสงเงยหน้าขึ้นถาม
โค้ชจึงดึงสติกลับมาที่ปัจจุบัน “บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นทีม สิ่งสำคัญคือการประสานงานกันเป็นทีม ทีมปี 2 พวกเขามีทีเด็ดอยู่หนึ่งอย่าง แต่มันก็เป็นแค่อย่างเดียวเท่านั้น ถ้าพวกนายรับมือกับไม้ตายนี้ของพวกเขาได้ พวกนายก็ยังมีหวัง”
ดวงตาของเป้าสยงเป็นประกาย นี่ก็เป็นความคิดของเขาเหมือนกัน เพียงแต่การรับมือกับหนิวลี่ต้องใช้คนไม่น้อยเลยทีเดียว
เป้าสยงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันพูดออกมา “กัวเถี่ย หลี่เหมิง หลิวซิน พวกแกสามคนไม่ต้องไปสนใจคนอื่น คอยประกบไอ้หมอนั่นไว้ให้แน่น จ้าวเฟิงกับฉันจะรุกเอง จำไว้ เกมนี้เราไม่สนแพ้ชนะ ขอแค่ทำแต้มก็พอ!”
ผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึง จากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกับวิธีการของเป้าสยง
โค้ชหวังเองก็พยักหน้าเบา ๆ เช่นกัน โค้ชหวังพยักหน้าเงียบ ๆ การเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ฝีมือเหนือกว่าทีมบาสเกตบอลปี 3 ไปไกลลิบ กลยุทธ์แบบนี้เป็นทางเดียวที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตรอดต่อไปได้
“หมดเวลาแล้ว ทั้งสองทีมเข้าสนาม!” เสียงกรรมการประกาศ นักกีฬาของทั้งสองทีมจึงเดินเข้าสู่สนามอีกครั้ง
คราวนี้เป็นฝ่ายทีมปี 2 ที่ยืดอกเดินอย่างสง่าผ่าเผย ส่วนทีมปี 3 กลับเงียบกริบ
“อย่าเพิ่งได้ใจไปนักเลย การแข่งยังไม่ถึงไหน” เป้าสยงจ้องเขม็งไปที่เหมียวต้าเหวย
“ไม่หรอก พวกนายแพ้แล้ว” เหมียวต้าเหวยพูดติดตลก ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“หึ!”
“การแข่งขันเริ่มได้!”
ในรอบนี้ ทีมบาสเกตบอลปี 3 ยังคงเป็นฝ่ายรุก ส่วนทีมบาสเกตบอลปี 2 เป็นฝ่ายรับ
“มาเลยเจ้ากอริลลา” เหมียวต้าเหวยจัดรูปแบบทีมเสร็จก็ตะโกนยั่วยุเป้าสยง
เป้าสยงไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ใช้สายตาสื่อสารกับสมาชิกในทีม ทุกคนในทีมพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นทั้งห้าคนก็เริ่มกระจายกำลังบุก
“พี่น้อง ตั้งรับให้ดี” เหมียวต้าเหวยตะโกนเสียงดัง
“บุก!” เป้าสยงมองหนิวลี่ที่กำลังเดินเล่นอยู่นอกเส้นสามคะแนน ทันใดนั้นก็ตะโกนเสียงดัง
สมาชิกทีมปี 3 สามคนก็แยกย้ายกันออกไป พุ่งตรงไปที่หนิวลี่
หนิวลี่ชะงักฝีเท้าลง มองดูชายหนุ่มสามคนที่เข้าประกบตัวเขาด้วยสีหน้าตึงเครียด
“ทำบ้าอะไร ส่งคนมาสกัดฉันตั้งสามคน”
สีหน้าของเหมียวต้าเหวยเปลี่ยนไป ตะโกนเสียงดังว่า “รวมพล”
สิ้นเสียง สมาชิกในทีมมัธยมปลายปี 2 ก็มารวมตัวกันทันที
ตอนนี้เป้าสยงกับจ้าวเฟิงที่พุ่งเข้ามา ไม่มีความกดดันจากหนิวลี่อีกต่อไป พวกเขาผ่อนคลายลงมาก ประสานการเล่นกันเป็นหนึ่งเดียว เคลื่อนไหวราวสายน้ำ ไหลลื่นจนตาลาย ฝ่าผู้เล่นสองคนไปได้อย่างรวดเร็ว สายตาของเหมียวต้าเหวยเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จ้าวเฟิงกระโดดขึ้น ชู้ตลูกบอลเข้าห่วงอย่างสวยงาม
“บ้าเอ้ย! แบบนี้ก็ได้เหรอ” หนิวลี่ พูดไม่ออก
บนอัฒจันทร์ เสียงปรบมือเบาบางลง มีแต่ความเงียบงันและตกตะลึง
“ไม่มีคนเก่งอย่างนาย พวกแกก็แค่ทีมบาส ฯ กระจอกเท่านั้นแหละ” เป้าสยงหันไปพูดจาดูถูกเหมียวต้าเหวยอย่างไม่ไว้หน้า
“แก!” เหมียวต้าเหวยพูดไม่ออกกัดฟันกรอด เขาต้องยอมรับว่าพึ่งพาหนิวลี่มากเกินไป จนทำให้ทีมบาส ฯ ปี 2 อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อขาดหนิวลี่ ปล่อยให้ทั้งสองคนจากทีมปี 3 บุกทะลวงเข้ามาทำแต้มโดยที่ไม่สามารถสกัดกั้นได้เลย
“กลับไปตั้งรับ” เป้าสยงยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะวิ่งกลับไป
สีหน้าของหนิวลี่เคร่งขรึมขึ้น บาสเกตบอลไม่ใช่กีฬาที่เล่นคนเดียวได้ แม้เขาจะเก่ง แต่ก็ไม่สามารถฝ่าวงล้อมของคนสามคนไปได้ง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นกลโกงของเขาจะถูกเปิดเผย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นมากที่สุด
หนิวลี่เดินไปหาเหมียวต้าเหวยแล้วตบไหล่เขาเบา ๆ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พวกนายอย่าพึ่งพาผมมากเกินไป ในการแข่งขันนัดต่อ ๆ ไป ให้ถือว่าผมเป็นอาวุธลับ จำไว้ ผมจะพยายามส่งลูกให้พวกนายทำคะแนน พวกเราทีมบาส ฯ ปี 2 เท่านั้นที่จะเอาชนะปี 3 ได้”
หนิวลี่เน้นย้ำคำว่า ‘ทีมบาส ฯ ปี 2’ เหมียวต้าเหวยตาเป็นประกาย พยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ขอบคุณมาก หัวหน้าหนิว ผมเข้าใจแล้ว”
“พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องเกรงใจ รีบไปกันเถอะ กลับไปสู้ต่อ!” หนิวลี่กวักมือเรียก ความฮึกเหิมของทีมบาส ฯ ชั้นปีที่ 2 พุ่งพล่านขึ้น พวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายชนะให้ได้