ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 51 ดังก์สะท้านฟ้า
บทที่ 51 ดังก์สะท้านฟ้า
บทที่ 51 ดังก์สะท้านฟ้า
“การแข่งขันพร้อมที่จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ขอเชิญนักกีฬาทุกทีมเข้าสู่สนาม”
ในช่วงเวลาที่บรรยากาศกำลังร้อนระอุถึงขีดสุด กรรมการที่เตรียมตัวมาอย่างดีก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับเสียงนกหวีดดังกังวาน ก้องไปทั่วสนาม ส่งสัญญาณให้ทั้งสองทีมเริ่มต้นเดินเข้าสู่สนาม
ทีมบาสเกตบอลของนักเรียนปี 3 นำโดยชายร่างกำยำหน้าดำ ท่าทางแข็งแกร่งราวกับหมี
ทันทีที่เหล่าสมาชิกในทีมปรากฏตัว เสียงเชียร์อันบ้าคลั่งก็ดังกระหึ่มราวกับแผ่นดินจะสะเทือน
“เป้าสยง! กัปตันเป้าสยง! อ๊าาาาา”
“จ้าวเฟิง! จ้าวเฟิง จ้าวแห่งสายฟ้า! ไอดอลของฉัน ฉันชอบนาย สู้ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ส่วนทีมบาสเกตบอลของนักเรียนปี 2 นำทีมโดยเหมียวต้าเหวย
เมื่อทีมของพวกเขาปรากฏตัว เสียงเชียร์กลับเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงเสียงเชียร์จากเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งอยู่ด้านหลังและเพื่อนนักเรียนบางส่วนในระดับชั้นปีเดียวกันเท่านั้นที่ยังคงดังต่อเนื่อง
เห็นได้ชัดว่าทีมบาสเกตบอลมัธยมปลายปี 3 ได้รับความนิยมกว่าปี 2 มาก
สมาชิกทีมปี 3 มองปี 2 ด้วยแววตาเหยียดหยัน
ทุกคนในทีมปี 2 จ้องเขม็งด้วยความโกรธ แต่ไม่มีใครปริปากพูด
หัวหน้าทีมปี 3 เจ้าของใบหน้าบึ้งตึง มองเหมียวต้าเหวยอย่างเย็นชา “ลูกไก่ในกำมือ ฉันควรจะขอบคุณนายที่ครั้งล่าสุดยังเป็นกระสอบทรายให้กับพวกเราทีมมัธยมปลายปี 3 วันนี้ฉันจะให้พวกนายได้เห็นผลลัพธ์จากการฝึกซ้อมอย่างหนักของพวกเรา และทำให้พวกนายหมดหวังโดยสิ้นเชิง”
“อย่าพูดมาก เกมยังไม่เริ่ม ใครแพ้ใครชนะยังไม่แน่” เหมียวต้าเหวยตอบกลับโดยไม่เกรงกลัว
“ดีมาก ฉันอยากเห็นว่าพวกนายจะมีไพ่ตายอะไรบ้าง แบบนี้ชนะพวกนายแล้ว พวกเราถึงจะดูเหนือกว่า” เป้าสยงพูดพลางเหลือบมองหนิวลี่ดวงตาเป็นประกาย
หนิวลี่ยิ้มหวานให้ แต่เป้าสยงกลับทำหน้าเย็นชาและเมินเฉย
“เชอะ คนอะไรหยิ่งชะมัด” หนิวลี่หน้าเสีย เบ้ปากสบถเบา ๆ
“ผู้เล่นทั้งสองฝ่าย จำไว้ว่าน้ำใจนักกีฬา ยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะ ตอนนี้เริ่มการแข่งขันได้”
กรรมการเตือนสติด้วยความจริงใจ เพราะรู้ดีว่าเด็กหนุ่มเหล่านี้กำลังคึกคะนอง
ทันใดนั้นผู้เล่นทั้งสองทีมก็กระจายตัวออกไป เป้าสยงยืนเผชิญหน้ากับเหมียวต้าเหวย
เมื่อมองดู ทีมปี 2 ก็ขาดความมั่นใจ แม้ว่าเหมียวต้าเหวยจะสูงใหญ่ แต่เขาก็เตี้ยกว่าเป้าสยงครึ่งหัว การแย่งลูกเปิดสนามจึงเป็นที่คาดการณ์ได้ว่าจะแพ้
กรรมการยกบาสเก็ตบอลในมือขึ้นแล้วโยนขึ้นฟ้า
ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้น เป้าสยงก็มองเหมียวต้าเหวยด้วยสายตาเหยียดหยาม เขากระโดดขึ้นไปแล้วตบบาสเก็ตบอลลงมา
มันดูเท่และทรงพลังมาก เรียกเสียงเชียร์ดังกระหึ่มจากผู้ชมในสนาม
“สูงแล้วไง” หนิวลี่พูดอย่างอิจฉา ตอนนี้เขาเพิ่งค้นพบว่าในบรรดาผู้เล่นทั้งสองทีม ตัวเขาเองกลับเป็นคนที่เตี้ยและผอมที่สุด ช่างน่าสงสารจริง ๆ
“ทุกคนระวัง! ตั้งรับ” เหมียวต้าเหวยผ่านโลกมาเยอะ รู้ว่าแย่งลูกกับเป้าสยงไม่ไหว เขาจึงไม่ฝืน จากนั้นก็รีบหันหลังกลับมาจัดแผนป้องกัน
ส่วนหนิวลี่นั้น เขาไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษ เหมียวต้าเหวยปล่อยให้หนิวลี่ทำตามใจ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยร่วมมือกันมาก่อน จึงไม่รู้ว่าฝีมือของหนิวลี่เป็นอย่างไร กลัวว่าจะประสานงานกันไม่ติด
แต่ด้วยฝีมือเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หนิวลี่แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ บวกกับวิทยายุทธ์ที่หนิวลี่มี คาดว่าการปล่อยให้หนิวลี่ทำตามลำพังน่าจะเป็นผลดีกับทีมมากกว่า
เมื่อตั้งรับแล้ว เป้าสยงก็เริ่มเลี้ยงลูกบาส นำผู้เล่นสี่คนพุ่งเข้าใส่ราวกับกอริลลาบ้าคลั่ง ผู้เล่นบาสเกตบอลปี 2 หลายคนที่เผชิญหน้าอยู่ต่างก็หน้าซีดเผือด
ในขณะนั้นเอง เสียงเชียร์ของผู้ชมก็ดังกระหึ่มขึ้น พวกเขาร้องตะโกนเรียกชื่อ ‘เป้าสยง’ ยิ่งทำให้ชายหน้าดำมีพลังใจฮึกเหิม
เป้าสยงเลี้ยงลูกบาสไปข้างหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา “มาเลย! ข้าจะบรรเลงเพลงแห่งความบ้าคลั่งให้พวกเจ้าฟังก่อนเป็นการชิมลาง!”
“ตั้งรับ!” เหมียวต้าเหวยตะโกนลั่นพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปขวางเป้าสยงอย่างรวดเร็ว
แต่เป้าสยงนั้นเตรียมการมาเป็นอย่างดี เขาส่งลูกทีมสองคนเข้ามาขัดขวางเหมียวต้าเหวย ทำให้เขาไม่สามารถฝ่าไปได้
“เข้าไปเลย! เครซี่ดังก์!”
นี่คือสไตล์การเล่นอันโอ้อวดของเป้าสยง เขามักจะตะโกนโหวกเหวกก่อนทำคะแนน นอกจากจะเป็นการกดดันฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยังเป็นการโอ้อวดฝีมืออันเหนือชั้นของตัวเองไปด้วยในตัว
ด้วยส่วนสูงกว่า 180 เซนติเมตร เกือบ 190 เซนติเมตร บวกกับพลังกระโดดอันยอดเยี่ยม เป้าสยงสามารถฝ่าผู้เล่นสามคนไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะพุ่งตรงไปยังใต้แป้น เขากระโดดตัวลอยขึ้นด้วยท่าทางที่ดูเหมือนว่าต้องการจะดังก์ตั้งแต่เริ่มเกม!
‘หึ! เก่งนักนะ! วันนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้ซึ้งถึงผลของการไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา!’ หนิวลี่ แทบจะไม่ขยับไปไหน เขาวิ่งวนไปวนมาเหมือนกับพวกอันธพาลที่คอยเก็บของเก่าในกลุ่มนักเลงตีกัน!
แต่เมื่อได้เห็นท่าทางอวดดีของเป้าสยง หนิวลี่ก็แอบยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ถึงแม้ว่าฝีมือการเล่นบาสของเขาจะสู้ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้กันง่าย ๆ หรอกนะ
พลังจิตเคลื่อนไหว บีบอัดพลังลมปราณให้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอยู่ภายในห่วงบาส
‘แกยัดเข้าไปเลย ถ้ายัดเข้าไปได้ ฉันจะใช้นามสกุลเดียวกับแก’ หนิวลี่แสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ
แม้หลายคนจะถูกดึงดูดความสนใจไปที่ท่าไม้ตายของเป้าสยง แต่ก็ยังมีบางส่วนจับจ้องไปที่หนิวลี่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่หนิวลี่แสยะยิ้ม คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังจับตาดูเขาอยู่ต่างพากันหนาวสันหลังโดยไม่รู้ตัว พวกเขาคิดว่าหมอนี่ต้องกำลังคิดเรื่องร้ายกาจอะไรอยู่แน่ ๆ
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ในขณะที่เป้าสยงกำลังจดจ่ออยู่กับการใช้เทคนิคอันยอดเยี่ยมของตัวเองอย่างเต็มที่ เขาก็กำลังเตรียมตัวลงจากการกระโดดดังค์ มือของเขายกสูงเหนือแป้นบาสเกตบอล นิ้วมือกดลูกบอลลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปล่อยมือออกแล้วจับที่ห่วง ตาของเขาเป็นประกายด้วยความภาคภูมิใจ รอคอยเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้อง
รอ…
รอต่อไป…
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ทำไมไม่มีเสียงเชียร์เลย?” เป้าสยงขมวดคิ้วด้วยความสับสน เขาหันไปมองโดยรอบ ก็พบว่าผู้ชมทางด้านข้างพากันอ้าปากค้าง เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ทางด้านขวาเองก็เช่นกัน ทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขาด้วยสีหน้าไม่เชื่อสายตา
‘หรือว่า พวกเขาจะตะลึงในทักษะของฉันจนพูดไม่ออก?’ เป้าสยงคิดด้วยความหลงตัวเอง
“ช็อตนี้มัน…”
เสียงตวาดดังลั่น! นั่นคือเสียงของเหมียวต้าเหวย
เป้าสยงหน้าดำคล้ำไปเล็กน้อย คิดในใจว่า ‘เกิดอะไรขึ้น? ฉันยังลงมาไม่ถึงพื้นเลยนะ นี่เพิ่งทำแต้มได้ลูกเดียว เกมยังไม่ทันจะเริ่มใหม่ ถึงแม้จะถึงตาพวกแกส่งลูกแล้ว แต่นี่มันก็ผิดกติกาชัด ๆ !’
แต่ทว่าเสียงฝีเท้าอลหม่านก็ดังขึ้น เป้าสยงหันกลับไปมอง เพียงพบว่าลูกบาสเกตบอลถูกเจ้าเด็กตัวเล็กที่เขาไม่เคยสนใจ พาลูกบุกเข้ามาแล้ว
“เกิดบ้าอะไรขึ้น?”
“กัปตัน ลูกนั้นไม่ลง ถูกเด้งออกมาแล้ว” สมาชิกทีมบาสเกตบอลมัธยมปลายปี 3 คนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง อยากจะมุดดินหนีเสียตรงนั้น หัวหน้าของเขายังคงหลงตัวเองแบบนี้ แต่กลับทำแต้มแบบดังค์ไม่ลง เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้ทำให้สมาชิกในทีมต่างเงียบไร้ซึ่งบทสนทนาใด ๆ ‘หรือว่าวันนี้เป็นวันซวย? ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้’
“อะไรนะ? ไม่ลงงั้นเหรอ?” เป้าสยงสะดุ้งสุดตัว รีบลงมาจากห่วงบาสเกตบอล มองไปรอบ ๆ เห็นผู้ชมบางคนเริ่มหัวเราะออกมา ใบหน้าดำคล้ำนั้นถึงกับแดงก่ำขึ้นมาทันที
‘บ้าน่า! ครั้งนี้เสียหน้าย่อยยับเลย’
“บ้าเอ๊ย! ยังยืนโง่อยู่ทำไม รีบไปตั้งรับ!” เป้าสยงตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ
“ครับ!”
ทีมปี 3 รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ตะโกนตอบกลับด้วยความโกรธเกรี้ยว
‘อยากป้องกันเหรอ ดูท่าไม้ตายของฉันนี่ ดังก์สะท้านฟ้า!’ หนิวลี่แสยะยิ้มเย็น ในใจนึกทบทวนท่วงท่าดังค์ลูกบาสที่ซ้อมมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน บาสเกตบอลในมือก็เหมือนมีชีวิต กระโดดไปมาอยู่ในมือเขา เวทเหินเวหาก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนี้เขาเลยเส้นแบ่งเขตมาแล้ว กำลังเข้าใกล้เส้นสามคะแนน
‘จังหวะนี้แหละ’
สมาชิกชมรมบาสเก็ตบอลชั้นมัธยมปลายปี 3 สองคนปรี่เข้ามาประกบเขาซ้ายขวา สีหน้าดุดัน
“คิดจะหยุดผมเหรอ ฝันไปเถอะ” หนิวลี่ยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวสะอาด ขาทั้งสองข้างที่กำลังวิ่งสุดกำลังก็ลอยขึ้นจากพื้นต่อหน้าต่อตาสมาชิกทีมปี 3 ทั้งสองคนที่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
“นี่มันอะไรกัน?”
“นี่มัน!”
“หรือว่า!!”
สายตาทุกคู่ในสนามต่างจับจ้องไปที่หนิวลี่ ม้ามืดที่โผล่มาอย่างกะทันหัน ทุกคนต่างอยากรู้ว่ามือใหม่อย่างเขาจะมีดีอะไร แต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้ก็ทำให้ทุกคนตะลึงงัน
‘หนิวลี่ นี่เขาคิดจะ…’