ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 48 นายเป็นคนฆ่าเฉินเถี่ยเยาจริง ๆ ด้วย
บทที่ 48 นายเป็นคนฆ่าเฉินเถี่ยเยาจริง ๆ ด้วย
บทที่ 48 นายเป็นคนฆ่าเฉินเถี่ยเยาจริง ๆ ด้วย
“ผมก็ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้เหมือนกัน แต่ตำรวจฟาง ตอนนี้คุณควรคิดว่าจะช่วยผมยังไงมากกว่านะ” หนิวลี่เบ้ปากอย่างจนใจ
“ฮื้ม!” ฟางเจิ้งไม่พอใจท่าทีของหนิวลี่เอามาก ๆ แต่ตอนนี้การช่วยตัวประกันและจับโจรสำคัญกว่า ดวงตาของเขาเป็นประกายจ้องมองชายหนุ่มแล้วพูดว่า “ปล่อยตัวประกันซะ แล้วผมจะไม่เอาเรื่องการกระทำบุ่มบ่ามของคุณ”
“เหอะ! สารภาพมาซะดี ๆ ติดคุกหัวโต ข้อนี้ฉันก็รู้ดี ถอยไป อย่าเข้ามาใกล้ มีดฉันมันไม่เลือกหน้า” ชายหนุ่มดูท่าทางแน่วแน่มาก แถมยังมองการณ์ไกลอีกต่างหาก เขาถอยหลังไปพลางลากหนิวลี่ไปพลางและเตือนฟางเจิ้งไปด้วย
“ฟังนะ คุณแค่ขโมยกระเป๋าเงิน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร อย่างมากก็แค่โดนปรับและใช้แรงงานครึ่งเดือน แต่ถ้าคุณทำร้ายตัวประกัน เรื่องมันจะใหญ่กว่านั้น แม้จะไม่โดนประหารชีวิต คุณก็ต้องติดคุกหัวโตจริง ๆ นั่นแหละ คิดให้ดี ๆ” ฟางเจิ้งกลับเปลี่ยนท่าทีจากตอนที่หนิวลี่เห็นเป็นครั้งแรก โดยใช้วิธีทั้งข่มขู่และปลอบใจ
“เหอะ! พูดมากน่ารำคาญ ตำรวจไม่มีใครน่าเชื่อถือทั้งนั้น อย่าเข้ามา ไม่งั้นฉันลงมือจริง ๆ แน่!” ชายหนุ่มเริ่มใจร้อนขึ้น มีดในมือจ่อไปที่ลำคอของหนิวลี่อย่างแรง!
“โอเค ฉันหยุด คุณห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด!” ฟางเจิ้งโมโหจนได้ จึงได้แต่หยุดกดดัน เพียงแต่สายตาที่มองหนิวลี่นั้นไม่ค่อยเป็นมิตรนัก
‘เด็กนี่มันตัวซวยชัด ๆ ทุกครั้งที่ถึงเวลาสำคัญต้องออกมาสร้างความวุ่นวายทุกที’
‘ไม่สิ ครั้งที่แล้วคนที่จับเด็กนี่เป็นตัวประกันเป็นอาชญากรตัวจริง เทียบกับโจรขโมยกระเป๋าคนนี้ คน ๆ นั้นถึงจะเป็นพวกแก๊งอันธพาลที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาจริง ๆ สุดท้ายทำไมถึงปล่อยเด็กนี่ไปดี ๆ ได้? แถมยังมีไอ้โรคจิตตัวใหญ่ที่ตายไปแล้วด้วย! พวกคนเลวน่ะตายไปแล้ว แต่เด็กนี่กลับไม่เป็นอะไรเลย?’
แววตาของฟางเจิ้งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ สายตาที่มองหนิวลี่ฉายแววเคลือบแคลงใจ!
“เฮ้ย! มองอะไรอยู่ เห็นมั้ยว่าฉันโดนจับเป็นตัวประกัน รีบหาวิธีช่วยฉันสิ นายเป็นตำรวจหรือเปล่าเนี่ย?” หนิวลี่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีของฟางเจิ้ง เขากำลังอินกับบทบาทตัวประกันอย่างเมามันส์
“ตกลง ฉันจะช่วยนาย!” จู่ ๆ ฟางเจิ้งก็ตะโกนเสียงดัง
ทั้งชายหนุ่มและหนิวลี่ต่างก็ตกใจ จากนั้นก็เห็นฟางเจิ้งพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! ฉันมีตัวประกันอยู่นะ” ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ร้องเตือน ก็รู้สึกเหมือนมีเงากำปั้นพุ่งผ่านหน้าไป จากนั้นใบหน้าก็ถูกกระแทกอย่างแรง ร่างกายเซไปมาแล้วก็หมดสติล้มลงไปกองกับพื้น
ตอนนี้หนิวลี่ยังคงตกตะลึง
“โอเค ช่วยตัวประกันสำเร็จ!” ฟางเจิ้งกลับหัวเราะอย่างภาคภูมิใจราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ตำรวจเขาช่วยตัวประกันกันแบบนี้เหรอ?” หนิวลี่ถามอย่างงง ๆ
“ไม่ใช่ แค่นายเป็นกรณีพิเศษ” ฟางเจิ้งตอบพร้อมกับยิ้ม
“บ้าชะมัด ทำไมผมต้องเป็นกรณีพิเศษด้วย รู้มั้ยว่าคุณเกือบทำผมตาย!” หนิวลี่โวยวายอย่างเดือดดาล
“จริงเหรอ? แค่โจรกระจอก ๆ คนเดียว ก็ทำอะไรนายได้ด้วย?” ฟางเจิ้งยิ้มแปลก ๆ
หนิวลี่ใจเต้นแรง ‘ไอ้นี่มันดูออกงั้นเหรอ? หนีไปก่อนดีกว่า ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยาก’
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” ฟางเจิ้งไม่คิดจะปล่อยหนิวลี่ไป สั่งเสียงเข้ม
หนิวลี่หันกลับมาด้วยสีหน้าโมโห “จะเอาอะไรอีก จับโจรก็เกือบทำตัวประกันบาดเจ็บ ผมยังไม่ได้เอาเรื่องคุณเลย คุณยังจะทำอะไรอีก?”
“สหาย คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ฉันจะต้องเชิญตัวนายไปสอบสวนที่สถานี” ฟางเจิ้งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“8 กรกฎาคม!”
หนิวลี่สะดุ้งกับประโยคนี้ เขาคุ้นเคยกับชื่อนี้มาก มันคือคดีฆาตกรรมประธานบริษัทเหม่ยเซี่ยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา! ‘บ้าเอ๊ย ตอนนั้นฉันก็เป็นตัวประกันนะ’
ใบหน้าของหนิวลี่มืดครึ้มลง เขาหัวเราะเยาะ “มีส่วนเกี่ยวข้อง? ฮึ ๆ ๆ ผมไม่ได้บอกให้สื่อรู้เรื่องที่ตำรวจเมืองเอชไร้ความสามารถ คุณยังกล้าใส่ร้ายผมว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอีกเหรอ? นายตำรวจฟางนี่เป็นตำรวจที่ดีจริง ๆ”
“พูดเหลวไหล ตอนนั้นฉันไม่ได้เป็นคนสั่งให้สกัดจับรถ นายกล้าดูหมิ่นเจ้าพนักงานอย่างนั้นเหรอ?” ฟางเจิ้งก็โกรธเช่นกัน ไม่สนใจโจรที่นอนอยู่บนพื้นอีกต่อไป หันมาจะเข้าไปจับกุมหนิวลี่
“งั้นหมายความว่าคุณยอมเสี่ยงชีวิตผมแลกกับการยิงปะทะกับคนร้ายอย่างนั้นสิ!” หนิวลี่พูดต่อ
คำพูดสองประโยคนี้แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ทั้งสองประโยคล้วนพุ่งเป้าไปที่วิชาชีพตำรวจ ทำให้ฟางเจิ้งพูดไม่ออกชั่วขณะ ไม่ว่าจะตอบข้อไหนก็เท่ากับยอมรับว่าตำรวจไร้ความสามารถ
“อย่ามาแก้ตัว ไม่ว่ายังไง วันนี้นายต้องไปสถานีตำรวจกับฉัน คดี 8 กรกฎาคม จนป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ฉันดูออก นายต้องเป็นกุญแจสำคัญแน่” ฟางเจิ้งตัดสินใจเด็ดขาด พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบกุญแจมือที่เอว
“นี่สินะตำรวจ” หนิวลี่ผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่อยากเล่นสนุกกับฟางเจิ้งต่อแล้ว
“หมาน้อย มานี่ซิ” หนิวลี่ตะโกนเบา ๆ ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ เขาอย่างรวดเร็ว เนรมิตร่างออกมา เป็นราชาหมาป่า
ตอนนี้มันอยู่ข้าง ๆ หนิวลี่ กำลังเอาหัวถูขาหนิวลี่อย่างเอาใจ ดูสนิทสนมกันมาก
“หมา! ดุชะมัด!” ท่าทีผ่อนคลายของฟางเจิ้งหายวับไปในทันที ดวงตาจ้องมอง ‘หมาตัวใหญ่’ ข้าง ๆ หนิวลี่ ด้วยประสบการณ์การต่อสู้ที่ผ่านความเป็นความตายมานานหลายปีของเขา เขาสัมผัสได้ถึงรังสีความดุร้ายจาก ‘หมาตัวใหญ่’ ตัวนี้ แค่มองปราดเดียว ฟางเจิ้งก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยียบพุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ไม่ใช่ นี่มันหมาป่า!!”
ฟางเจิ้งจำ ‘หมาตัวใหญ่’ ข้าง ๆ หนิวลี่ได้ มันคือจ้าวหมาป่า! ในชั่วพริบตานั้นใบหน้าของเขาซีดเผือดลงอย่างมาก รีบชักปืนพกออกมาเล็งไปที่หนิวลี่
“นายจะทำอะไร?” หนิวลี่โกรธมาก เขาให้เกียรติฟางเจิ้งเพราะเห็นว่าเขายังพอมีคุณธรรมอยู่บ้าง ‘บัดซบเอ๊ย ไม่เห็นหัวกันเลย กล้าชักปืนใส่เด็กอย่างฉัน’
“นายกล้าเลี้ยงหมาป่า แล้วยังกล้าพามันเข้ามาในเมือง นายมันบ้าไปแล้ว” ฟางเจิ้งพยายามสะกดความตกใจในใจ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นายดูออกว่าหมาของฉันคือจ้าวหมาป่าอย่างนั้นเหรอ?” หนิวลี่ถามกลับอย่างประหลาดใจ
“มันคือจ่จ้าวจ้าวหมาป่าจริง ๆ นี่เอง ถึงได้ตัวใหญ่และดุร้ายขนาดนี้” ฟางเจิ้งสูดหายใจเข้าลึก ๆ กำปืนพกในมือแน่นขึ้น เล็งไปที่จ้าวหมาป่าโดยตรง
“ฮึ่มมม!”
วิกฤตที่ไม่รู้ที่มาทำให้จ้าวหมาป่ารู้สึกถึงอันตราย ขนทั่วร่างลุกชันขึ้น หันขวับไปจ้องมองฟางเจิ้งอย่างดุร้าย
“แฮ่!”
ฟางเจิ้งรู้สึกเหมือนตัวเองถูกสัตว์ร้ายจ้องมอง ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
“จ้าวหมาป่า! ต้องเป็นจ้าวหมาป่าแน่ ๆ !”
“จ้าวหมาป่า หยุดก่อน” หนิวลี่ตะโกนห้ามจ้าวหมาป่าที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่ มองฟางเจิ้งด้วยแววตาเย็นชา “นายตำรวจฟาง เก็บปืนของนายไปซะ ไม่งั้นถ้าหมาป่าของฉันเป็นอะไรไป ฉันจะให้ตำรวจทั้งสถานีเมืองเอชชดใช้ด้วยชีวิต”
“นายพูดว่าอะไรนะ?” ฟางเจิ้งโกรธจัด จ้องมองหนิวลี่อย่างเอาเรื่อง
“ไม่เชื่อก็ลองดูสิ ฉันจะทำให้ตำรวจทุกนายตายอย่างทรมานเหมือนไอ้โรคจิตนั่น” ความโหดร้ายผุดขึ้นในใจของหนิวลี่
“นาย! นายเป็นคนฆ่าเฉินเถี่ยเยาจริง ๆ ด้วย” สมองของฟางเจิ้งเริ่มสับสน ‘วันนี้มันวันอะไรกัน? ออกจากบ้านมาไม่ได้ดูฤกษ์ดูยามรึไง? แค่ตามจับโจรขโมยกระเป๋าเงินกระจอก ๆ คนเดียว ดันไปเจอปลาตัวใหญ่เข้า’
แต่ดูเหมือนปลาตัวใหญ่นี้จะไม่ใช่ปลาที่เขาสามารถจับได้ ‘บัดซบเอ๊ย ฉันก็เป็นตำรวจนะ’
“เหอะ! เสียเวลาเปล่า” หนิวลี่หัวเราะเยาะ หันหลังจะเดินจากไป
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” ฟางเจิ้งตะโกนเสียงดัง
หนิวลี่ไม่สนใจเขา
“ฉันจะยิงแล้วนะ” ฟางเจิ้งขู่โดยไม่รู้ตัว
“หึ!” หนิวลี่ชะงักไปครู่หนึ่ง จังหวะที่ฟางเจิ้งคิดว่าเขากลัวแล้วนั้น หนิวลี่ก็สะบัดมือเบา ๆ
“จะทำอะไร?”
“กึก!”
“เสียงอะไร?” หัวใจของฟางเจิ้งกระตุกวูบ จากนั้นก็เบิกตากว้างมองปืนจู่โจมไทป์ 56 ในมือของตัวเองที่ขาดเป็นสองท่อน!
“บัดซบ! คราวนี้ซวยแล้ว” ฟางเจิ้งไม่ใช่คนโง่ คนที่สามารถตัดปืนของเขาขาดได้ หมายความว่าสามารถตัดหัวของเขาได้ง่าย ๆ เช่นกัน คอของเขามันไม่ได้แข็งไปกว่าลำกล้องปืสักหน่อย!
ฟางเจิ้งยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับเขยื้อน รอจนกระทั่งหนิวลี่หายลับไปที่ประตูสวนสาธารณะ
ครู่ต่อมา เสียงตะโกนของหญิงสาวก็ดังขึ้นข้าง ๆ เขา ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของชายคนหนึ่ง
จิตใจของฟางเจิ้งสั่นสะท้าน เพิ่งรู้สึกตัว
“พี่ชาย เป็นอะไรรึเปล่า? แค่จับโจรธรรมดา ๆ ดันปล่อยให้มันหนีไปได้” คนที่พูดเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่สวมชุดตำรวจเช่นกัน ลักษณะท่าทางสง่าผ่าเผย ใต้เท้าของเธอคือโจรที่ถูกฟางเจิ้งต่อยจนสลบไปก่อนหน้านี้ ไม่คิดว่ามันจะฟื้นเร็วขนาดนี้ แล้วยังคิดจะหนีอีก แต่ถูกตำรวจหญิงเตะล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลา