ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 42 ถึงคราวจากลา
บทที่ 42 ถึงคราวจากลา
บทที่ 42 ถึงคราวจากลา
เมื่อภัยคุกคามมลายหายไป คืนนั้นก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
ด้วยความที่มีหนิวลี่ผู้เป็นยอดฝีมือคอยคุ้มครอง ทุกคนที่อ่อนล้าต่างก็ผล็อยหลับไปทีละคน
แต่เฝิงต้าวหลินกลับยังคงอยู่
หนิวลี่ต้องการถ่ายทอดวิชาพลังปราณให้เขา
ตอนนี้หนิวลี่ยังเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลาย ยังไม่สามารถตัดสินใจชีวิตของตัวเองได้อย่างอิสระ ดังนั้นอย่างช้าที่สุดพรุ่งนี้ก็ต้องแยกทางกับเฝิงต้าวหลินแล้ว
ช่วงเวลานี้สั้นเกินไป เอลฟ์น้อยจึงใช้วิธีถ่ายทอดทรงจำ มอบวิชาพลังปราณขั้นต้นและทักษะการต่อสู้ง่าย ๆ บางอย่างให้กับหนิวลี่
อย่างน้อยหนิวลี่ก็เป็นถึงนักเวทขั้นต้นระดับสุงสุดของเผ่าเอลฟ์ การส่งกระแสจิตถ่ายทอดความทรงจำบีบอัดวิชาพลังปราณขั้นต้นและทักษะการต่อสู้เข้าไปในสมองของเฝิงต้าวหลินนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
“นี่เป็นวิชาฝึกฝนที่ผมถ่ายทอดให้นาย มันแตกต่างจากวิชาฝึกฝนกำลังภายในที่นายเคยได้ยินมา มันคือวิชาปราณยุทธ์ ถึงแม้จะเป็นแค่ขั้นต้น แต่ถ้านายสามารถเข้าใจได้ ก็ไม่ด้อยไปกว่ายอดฝีมือระดับกลางทั่วไปอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น พลังทำลายล้างยังรุนแรงกว่ามาก หวังว่านายจะฝึกฝนอย่างเต็มที่”
เฝิงต้าวหลินก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เขาเคยเห็นพลังปราณในนิยายมาบ้าง พอเห็นว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังเรียนรู้อยู่คือพลังปราณที่เล่าลือกันว่ามีพลังมหาศาล ก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบกล่าวขอบคุณทันที
เพื่อให้มั่นใจว่าเฝิงต้าวหลินจะเข้าถึงพลังปราณได้โดยเร็ว หนิวลี่จึงถ่ายเทพลังปราณบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายของเฝิงต้าวหลิน เพื่อช่วยให้เขาฝึกฝนและสัมผัสถึงแหล่งกำเนิดพลังปราณ
ด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา เฝิงต้าวหลินกลับทำให้หนิวลี่และเอลฟ์น้อยประหลาดใจอย่างมาก เพราะเขาสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของพลังปราณได้ภายในคืนเดียว! โดยใช้พลังปราณบริสุทธิ์ที่หนิวลี่ถ่ายทอดให้ สร้างวงจรพลังปราณขนาดเล็กขึ้นในเส้นลมปราณ
พรสวรรค์เช่นนี้ทำให้หนิวลี่พึงพอใจเป็นอย่างมาก
ตราบใดที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม ในอนาคตจะต้องกลายเป็นกำลังสำคัญของเขาอย่างแน่นอน
รุ่งอรุณแห่งความสงบสุขมาเยือน แสงแรกของวันใหม่เริ่มสาดส่อง ทั่วทั้งแผ่นดินดูเหมือนจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นกนานาพันธุ์ร้องเพลงยามเช้า แมลงและสัตว์ร้ายตัวน้อย ๆ ต่างก็เริ่มต้นการล่าของวันใหม่
ศาสตราจารย์เจี่ยและคนอื่น ๆ ตื่นขึ้นมาทีละคนเพราะเสียงจ้อกแจ้กจอแจของพงไพร
“อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา!”
หญิงสาวผมสั้นตื่นขึ้นมา ความคิดของเธอยังคงติดอยู่กับภาพมนุษย์ถ้ำที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธออย่างกะทันหัน เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ
“เหม่ยน่า ไม่เป็นไรแล้ว พวกเราปลอดภัยแล้ว” หญิงสาวอีกคนรีบกอดเหม่ยน่า ไว้ ปลอบโยนเสียงดัง
“ไม่เป็นไร? ไม่เป็นไรแล้วเหรอ?” เหม่ยน่ามองไปรอบ ๆ อย่างตกใจ พบว่าเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยจริง ๆ ไม่มีเจอมนุษย์ถ้ำที่ทำให้เธอหวาดกลัวแม้แต่เงา
“อืม พวกเราปลอดภัยแล้ว มีคนช่วยพวกเราไว้”
“จริงเหรอ? ฮือ ๆ นึกว่าจะไม่ได้เจอพวกเธออีกแล้วซะแล้ว ฮือ ๆๆ”
เมื่ออันตรายผ่านพ้นไป ความเสียใจและความกลัวของ เหม่ยน่า ก็พลุ่งพล่านออกมา น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุด เอนกายซบลงกับอ้อมแขนของหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ สะอึกสะอื้นเบา ๆ
อย่างไรเสีย เธอก็เป็นเพียงดอกไม้ที่เติบโตในเรือนกระจก ไม่อาจทนต่อพายุฝนโหมกระหน่ำได้
“เอาละ ทุกคนเก็บของเถอะ พวกเราเตรียมตัวออกจากที่นี่กันได้แล้ว” ศาสตราจารย์เจี่ยพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและขมขื่นที่ปกปิดไว้ไม่มิด
การเดินทางมาสำรวจสมุนไพรที่ควรจะสนุกสนาน กลับกลายเป็นเรื่องน่ากลัวเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจของนักศึกษาเหล่านี้หรือไม่ ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะก้าวต่อไปอีก
“อืม พวกเรากลับบ้านกันเถอะ” หญิงสาวที่กอดเหม่ยน่าอยู่พยักหน้าเบา ๆ จากแววตาของเธอเผยให้เห็นว่า เธอไม่อยากพบเจอเรื่องราวเช่นวันนี้อีกแล้ว
“มานี่สิ ฉันช่วยถือของให้เอง” ชายหนุ่มรูปร่างค่อนข้างหล่อเหลาคนหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาที่กำลังซึมเศร้าอยู่ ๆ ก็เดินเข้ามาหาเหม่ยน่า พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เหม่ยน่าเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ไม่พูดอะไร และไม่สนใจเขา
สีหน้าของนักศึกษาชายคนนั้นซีดเผือดทันที เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา เพียงแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจและสับสนนั้น ใคร ๆ ต่างก็มองออก
“พี่ชาย ช่วยฉันถือของหน่อยได้ไหม?” เหม่ยน่าเดินไปหาเฝิงต้าวหลิน ถามด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย
เฝิงต้าวหลินกำลังจดจ่ออยู่กับเคล็ดวิชาพลังปราณ เมื่อเทียบกับความรู้สึกของพลังปราณที่เขาเพิ่งเข้าใจได้ ทุก ๆ ช่วงเวลาเขารู้สึกเหมือนได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา
แต่ในเวลานี้ ราวกับเขาไม่ได้ยินคำพูดของญิงสาว ยังคงยิ้มอยู่กับตัวเองอย่างโง่งม
“พี่ชาย” เหม่ยน่าไม่เข้าใจสถานการณ์ จึงเรียกเสียงดัง
“อ้อ! เอ่อ… มีอะไรเหรอ?” เฝิงต้าวหลินเพิ่งรู้สึกตัว ถามอย่างงุนงง
เหม่ยน่าถึงกับชะงัก แต่ก็ยังคงพูดคำพูดของตัวเองซ้ำอีกครั้ง
เฝิงต้าวหลินตกตะลึง มองไปที่เหม่ยน่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
สาวจ้าวถูกจ้องมองจนหน้าแดง เธออดไม่ได้ที่จะพูดอย่างหัวเสียว่า “จะหยิบให้ไหมเนี่ย ไม่หยิบก็ช่าง”
“ถือสิ ถือ ทำไมจะไม่ถือ ฮ่า ๆ” เฝิงต้าวหลินรับกระเป๋าใบโตในมือของเหม่ยน่า มาด้วยรอยยิ้มกว้าง ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า ทำไมถึงเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าตัวเองที่เป็นแค่ตัวประกอบธรรมดา ตอนนี้จะได้รับความสนใจจากดาวมหาวิทยาลัย
เขาเหลือบมองไปที่กลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าเป็นหนุ่มหล่อสุดฮอตของคณะแพทย์ ทำไมแต่ละคนถึงได้หน้าดำเหมือนก้นหม้ออย่างนั้นนะ ฮ่า ๆ ดูไปก็สะใจดีเหมือนกัน
“ฮึ!” เหม่ยน่า หันหลังกลับไปหาเพื่อนด้วยความภาคภูมิใจ
“ฮิ ๆๆ เหม่ยน่า แอบปิ๊งแล้ว” เพื่อนสนิทแซว
“พูดอะไรเนี่ย ยัยบ้า ฉันจะตบปากเธอแล้วนะ” หญิงสาวทั้งสองหยอกล้อกัน ลืมเลือนเรื่องราวอันตรายที่เพิ่งเกิดขึ้นไปจนหมดสิ้น
“ฮ่า ๆๆ ดอกท้อผลิบานแล้ว คว้าไว้ให้ดี ๆ ล่ะ” หนิวลี่อดไม่ได้ที่จะแซวลูกศิษย์
เฝิงต้าวหลินอายจนหน้าแดงก่ำ รีบพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่เพื่อนร่วมคณะช่วยเหลือกันเท่านั้นเอง”
“เหรอ งั้นก็ดี ฮ่า ๆ” หนิวลี่ทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ มองเฝิงต้าวหลินที่ยิ่งเขินอายหนักกว่าเดิม กล่าวว่า “แต่ว่าพวกเรากำลังจะแยกทางกันแล้วนะ ต่อไปนี้ผมคงไม่ได้คอยกระตุ้นนายแล้ว นายต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดี อย่าให้วิชาที่ร่ำเรียนมาต้องสูญเปล่าล่ะ”
สีหน้าของเฝิงต้าวหลินเปลี่ยนไป เขารู้ว่าถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันแล้ว ซึ่งนั่นไม่สามารถฝืนได้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง พูดอย่างหนักแน่นว่า “จดจำคำสอนของอาจารย์ไว้แล้ว”
“อืม ที่อยู่มหาวิทยาลัยของนาย ผมจำได้แล้ว คิดว่าอีกไม่นาน ผมจะไปเยี่ยมนายนะ หวังว่านายจะทำให้ผมนประหลาดใจได้” หนิวลี่คิดว่าอีกไม่นานก็จะปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว จะมีเวลาว่างสองเดือน การไปเยี่ยมเฝิงต้าวหลินก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
“วางใจได้ครับอาจารย์ ถึงตอนนั้นจะต้องทำให้ท่านตกตะลึงอย่างแน่นอน” ตอนนี้เฝิงต้าวหลิน เริ่มรู้สึกตื่นเต้น พูดอย่างแน่วแน่
“อืม งั้นฉันไปละ” หนิวลี่ไม่ได้ทักทายคนอื่น ๆ เขาใช้เวทเหินเวหา พลังเวทไหลเวียนทั่วร่าง จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับจรวด หายลับไปในดงป่าทึบ
“ว้าว! ซูเปอร์แมนนี่!”
“เทพเซียน!”
ถึงแม้จะรู้ว่าหนิวลี่เป็นบุคคลมหัศจรรย์ แต่ความสามารถในการเหาะเหินเดินอากาศเช่นนี้ก็ยังคงทำให้ทุกคนตกใจ
มีเพียงเฝิงต้าวหลินท่านั้นที่กำหมัดแน่น แววตาเป็นประกาย สักวันหนึ่ง เขาจะต้องบรรลุถึงระดับเดียวกับอาจารย์ให้ได้
เมื่อทุกคนหันกลับมามองเฝิงต้าวหลินอีกครั้ง แววตาก็เปลี่ยนไป ชายผู้โชคดีคนนี้ได้กลายเป็นศิษย์ของบุคคลมหัศจรรย์ไปแล้ว ทำไมตอนนั้นตัวเองถึงไม่คิดที่จะขอเป็นศิษย์บ้างนะ?
พลาดโอกาสอันดีไปอย่างน่าเสียดาย!
นักศึกษาชายหลายคนไม่สามารถปกปิดความเสียใจเอาไว้ได้
เฝิงต้าวหลินเยาะเย้ยในใจ ‘ขี้ขลาดเห็นแก่ตัวแบบนี้ ก็อยากเป็นศิษย์ด้วยเหรอ?’
ทุกคนไม่กล้าอยู่นาน เพราะที่นี่ยังคงเป็นส่วนลึกของ เทือกเขาเสินหนงเจี้ย มีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เมื่อเก็บของเสร็จ ทุกคนก็รีบเดินกลับทางเดิมอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการหนีเอาชีวิตรอด จึงไม่เหมือนกับขามาที่เดินเล่นอย่างสบาย ๆ เดินทางได้วันละไม่ถึง 2 – 3 กิโลเมตร
หลังจากวิ่งมาตลอดทางจนถึงบ่ายโมง พวกเขาก็เห็นป้ายบอกทางของอุทยานแห่งชาติเสินหนงเจี้ย ทุกคนต่างรู้สึกโล่งใจ รีบเร่งฝีเท้าไปอย่างรวดเร็ว
เบื้องหลังกลุ่มคนเหล่านี้ ปรากฏเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่บนกิ่งไม้ที่เขียวชอุ่ม หนิวลี่มองจนพวกเขาออกจากป่าไป
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์วันสุดท้ายแล้ว เป้าหมายที่เขามาที่เทือกเขาเสินหนงเจี้ยก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทั้งยังดูดซับพลังงานบริสุทธิ์จากฟ้าดินมาสะสมไว้มากมาย บางทีเขาอาจจะสร้างลูกน้องตัวใหม่ได้อีกตัวหนึ่ง สร้างอะไรดีนะ?
หนิวลี่ออกจากเทือกเขาเสินหนงเจี้ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม มุ่งหน้ากลับบ้านอย่างสบายอารมณ์