ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 30 ผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง
บทที่ 30 ผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง
บทที่ 30 ผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง
“ห้อง 2/1” หนิวลี่มองไปที่ผู้อำนวยการจู ด้วยความประหลาดใจ
ไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม ห้อง 2/1 เป็นห้องเรียนที่สำคัญที่สุดในบรรดาห้องเรียนทั้งหมด ผู้ที่สามารถเข้าเรียนได้ล้วนเป็นคนที่มีไอคิวสูงและรับประกันได้ว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้ แน่นอนว่าคนประเภทนี้มีน้อยมาก ทั้งห้องมีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วไม่สามารถจัดตั้งเป็นห้องเรียนได้
‘ผู้อำนวยการจูจะให้นักเรียนจากห้องเรียนแย่ ๆ ย่างฉันก้าวกระโดดไปอยู่ในห้องเรียนแบบนั้นได้ยังไง นี่สมองเพี้ยนไปแล้วเหรอ!’
หนิวลี่เงียบและไม่พูดอะไร คิดถึงความหมายในประโยคของผู้อำนวยการจู ‘ไม่รู้ว่าเขาได้ข้อมูลอะไรมา จู่ ๆ ถึงได้ปฏิบัติต่อฉันดีขนาดนี้’
‘แต่ว่าไม่มีเรื่องดี ๆ หล่นจากฟ้าหรอก ไม่ว่าเขาจะมีความคิดอะไร ฉันก็ไม่ควรรับไว้ดีกว่า เพราะถ้ารับของคนอื่นมา ภายหลังจะพูดอะไรก็ลำบาก’
“ขอโทษนะครับท่านผู้อำนวยการ ผมรู้สึกว่าห้อง 2/3 ดีมาก ๆ เลยครับ และผมก็ชินกับการเรียนในห้องนี้แล้ว อีกทั้งยังเข้ากับเพื่อน ๆ ในห้องได้ดีด้วย ดังนั้นผมคงไปเรียนห้อง 2/1 ไม่ได้แล้วครับ” หนิวลี่ทำหน้าเสียใจ
เด็กยังรู้ว่าที่เขาพูดมานั้นเป็นคำโกหก ‘ห้องเรียนนักเลงดีตรงไหน มีเพื่อนสนิทที่ชอบต่อยตีกันหรือไง?’
ผู้อำนวยการจูไม่คิดว่าหนิวลี่จะปฏิเสธการปฏิบัติที่ดีขนาดนี้ของเขา ห้อง 2/1 นั่นคือห้องเรียนที่ทำให้คนสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้นะ พูดได้ว่าเข้าไปแล้วก็เหมือนปลากระโดดข้ามประตูมังกร รอการบ่มเพาะความสามารถ ได้รับการสั่งสอนที่ดีและครอบคลุมที่สุดของโรงเรียน ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไม่รู้จักสิ่งดี ๆ ขนาดนี้
แต่ผู้อำนวยการจูก็เป็นคนที่ผ่านโลกมามาก ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ พยักหน้าพูดว่า “ไม่ไปก็ได้ ในเมื่อเธอชอบอยู่ห้อง 2/3 งั้นก็ตั้งใจเรียนในให้ดีแล้วกัน สองสามวันนี้ฉันจะส่งครูมาสอนพวกเธอเป็นพิเศษ”
หนิวลี่ดีใจมาก รีบยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านผอ.ครับ ผมคิดว่าตอนนี้เพื่อน ๆ ในห้องคงจะดีใจกับการตัดสินใจอันชาญฉลาดของท่านแล้ว”
หลังจากนั้นหนิวลี่ก็คุยเล่นกับผู้อำนวยการจูอีกสองสามประโยค แล้วก็ออกจากห้องไป พอหันหลังกลับ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
‘โรงเรียนเล็ก ๆ แค่นี้ กลับมีเรื่องวุ่นวายไม่น้อยเลย แต่ยังไงก็ตาม ฉันแค่ดูอยู่เฉย ๆ ก็พอ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเรียนให้ดีก่อน’
เมื่อกลับไปถึงห้องเรียน นักเรียนสิบกว่าคนในห้องกลับนั่งอยู่ที่นั่งของตัวเองอย่างเรียบร้อย ไม่กล้าส่งเสียงดัง และไม่มีใครหายตัวไประหว่างทางด้วย
หนิวลี่รู้สึกพอใจมาก ‘ดูเหมือนว่าอำนาจบารมีของฉันจะสูงมากเลยนะ’
เขาเดินเข้าไปในห้องเรียน สายตาของเพื่อนร่วมชั้นต่างก็มองไปที่เขาเป็นจุดเดียว
หนิวลี่กระแอมเบา ๆ แล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า “เมื่อกี้ฉันไปคุยกับผอ.มาสองสามคำ ตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไป โรงเรียนจะส่งครูมาสอนพวกเราสองสามท่าน ฉันอยากจะพูดแค่ประโยคเดียวตรงนี้ ต่อไปนี้ให้ทุกคนตั้งใจเรียนหนังสือให้ดี อย่าได้ไร้สาระ เพ้อฝันคิดว่าตัวเองเป็นมาเฟียอะไรนั่น บอกให้รู้ไว้เลยนะ มาเฟียมันไม่ง่ายที่จะอยู่รอด ทั้งยังไม่มีอนาคตอีกต่างหาก พวกนายมีแต่ต้องเรียนให้ดี แล้วทุกอย่างจะตามมาเอง ตอนนี้บอกพวกนายไปก่อน หลังจากนี้พวกนายต้องไปบอกเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ยังไม่มาด้วยนะ ถ้าอยากเรียนก็มาเข้าเรียนให้ฉัน ไม่อยากเรียนก็ไสหัวไป ไม่งั้นแล้ว ต่อให้เป็นหน้าของเทพเจ้าฉันก็ไม่แคร์”
คำพูดของหนิวลี่เหมือนฟ้าผ่าในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ทำเอานักเรียนสิบกว่าคนรู้สึกเวียนหัวไปหมด
ไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม ที่นี่มันห้องเรียนสำหรับเด็กเกเรนะ ห้องเรียนสำหรับพวกเกเรคืออะไร ก็คือห้องที่ไม่มีอนาคต มีแต่จะไปเป็นนักเลงเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะถูกหนิวลี่ตะโกนใส่แบบนี้ แล้วจะกลับตัวกลับใจทันได้ยังไง!
หนิวลี่ดูเข้มแข็งและดุดันเกินไป ทั้งเมื่อกี้ยังบอกว่าคุยกับผู้อำนวยการ? บอกจะเปลี่ยนครูก็เปลี่ยนเลย อำนาจมากเกินกว่าจะต่อกร ได้แต่ยอมจำนน จะไม่ไปโรงเรียนก็ไม่ได้ ไม่งั้นพ่อที่บ้านคงจะตีตายแน่ ๆ
ทุกคนมองดูหนิวลี่ที่กำลังวางอำนาจอย่างเงียบ ๆ พวกนักเรียนรู้สึกเหมือนสถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไป เมฆดำที่ปกคลุมห้อง 2/3 กำลังจะถูกขับไล่ แล้วแสงสว่างก็จะส่องประกาย เทพเจ้ากำลังจะเสด็จมา
“พอแล้ว แค่นี้ก่อน ตอนนี้ใกล้เลิกเรียนแล้ว ฉันจะตัดสินใจเอง ทุกคนเลิกเรียนได้แล้ว” หนิวลี่โบกมือด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ยังทำตัวเป็นครูเลย ไม่สิ แม้แต่ครูก็ไม่มีสิทธิ์ขนาดนี้
แต่นักเรียนในห้องกลับรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยโทษ ต่างคนต่างรีบเก็บหนังสือ แล้วก็รีบวิ่งออกจากห้องเรียน ชั่วพริบตาก็หายไปไม่เห็นร่องรอย
หนิวลี่อุทานในใจ ‘ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมทุกคนถึงได้กลายเป็นหนูไปหมดแบบนี้นะ!’
หนิวลี่เดินเป็นจังหวะไปที่ประตูโรงเรียน
“เสี่ยวหนิว รอก่อน!” เสียงอ่อนหวานดังมาจากด้านหลัง
หนิวลี่หันกลับไปมองตามสัญชาตญาณก็เห็นเหมียวเถียนเถียนวิ่งตามมา หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับหอบหายใจเล็กน้อย
หนิวลี่เอียงหัวถามอย่างงุนงง “ตอนนี้เธอน่าจะอยู่ในห้องเรียนไม่ใช่เหรอ?”
เหมียวเถียนเถียนยิ้มกว้างราวดอกกุหลาบบานสะพรั่ง “ฉันขอลาหยุดแล้ว”
หนิวลี่ตกใจ “ถึงจะขอลา ก็ไม่น่าจะบังเอิญมาเจอกันแบบนี้นะ?”
“มีคนบอกเรื่องนายให้ฉันรู้ พอนายเดินออกจากห้องเรียน ฉันก็ขอลาเลย” เหมียวเถียนเถียนพูดอย่างตรงไปตรงมา
หนิวลี่ใบหน้าหม่นลงทันที “ถึงแม้เธอจะมีตัวตนที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาสอดส่องผมนะ ถ้าไม่ให้เหตุผล ผมจะโกรธ”
“อิ ๆ ก็ฉันชอบนายไงล่ะ” เหมียวเถียนเถียนหัวเราะคิกคัก
หนิวลี่กลอกตาไม่เชื่อสักนิด
“โอเค ฉันแค่อยากจะเป็นเพื่อนกับนายน่ะ นายเก่งขนาดนี้ ถ้าเป็นเพื่อนด้วยแล้ว ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้ารังแกฉันอีกแล้ว” เหมียวเถียนเถียนพูดอย่างจริงจัง
“ขอร้องละ ถึงแม้จะไม่มีผม ก็ไม่น่าจะมีใครกล้ารังแกเธอหรอกมั้ง? พี่เหมียว เหตุผลของเธอไม่ผ่านเลยนะ” หนิวลี่หยิกคางพลางหัวเราะในลำคอ
“ไม่จริงหรอก เยี่ยหลิงหลงจะรังแกฉัน ฮึ! ผู้หญิงคนนั้นรู้แต่จะช่วยหลี่เหมิงเหมิง สองคนนั้นรวมหัวกันรังแกฉัน” เหมียวเถียนเถียนพูดพลางน้ำตาคลอเบ้า ดูเหมือนจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ ท่าทางน่าสงสารสุด ๆ
หนิวลี่อ้าปากค้าง มองเหมียวเถียนเถียนอย่างไร้คำพูด ‘ฝีมือการแสดงของสาวน้อยคนนี้ ควรได้รับรางวัลออสการ์’
‘เยี่ยหลิงหลงเป็นหนึ่งในสามนางพญาของโรงเรียนหมิงซิง เธอเป็นคนที่หาตัวจับได้ยากมาก แต่ดันมาสนิทกับหลี่เหมิงเหมิง จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่านะ’
หนิวลี่ครุ่นคิด ‘จากข้อมูลที่ฉันรู้มา เยี่ยหลิงหลงไม่ธรรมดาเลย ถึงแม้จะเป็นนักเรียน แต่ก็แทบไม่ค่อยมาโรงเรียนเลย ตัวเธอเองไม่ได้เน้นเรื่องการเรียน แต่ชอบเรียนศิลปะการต่อสู้ ได้ยินมาว่าเธอได้แชมป์ศิลปะการต่อสู้มาหลายสิบรายการแล้ว ตอนนี้ได้ยินว่าเธอไปฝึกวิชาลับกับอาจารย์ผู้ชำนาญบางคนอยู่ เรียกได้ว่าเป็นสาวบ้าศิลปะการต่อสู้อย่างแท้จริง’
“เสี่ยวหนิว นายต้องช่วยฉันนะ เยี่ยหลิงหลงใกล้จะจบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้พิเศษแล้ว อาทิตย์หน้าเธอจะกลับมาเรียนที่โรงเรียนต่อ ถึงตอนนั้น หลี่เหมิงเหมิงก็จะพาหลิงหลงมารังแกฉันอีก ทำไมฉันน่าสงสารแบบนี้นะ” เหมียวเถียนเถียนยิ่งดูน่าสงสาร เหมือนสาวอ่อนแอไร้ที่พึ่ง
“ดูเหมือนเธอจะสืบข้อมูลมาเยอะเลยนะ แต่เยี่ยหลิงหลงคนนั้นเก่งขนาดนั้น เธอยังจะให้ผมไปเป็นโล่ให้อีก ผมไม่ใช่คนโง่นะ” หนิวลี่พูดเย้าแหย่
“ไม่หรอก ๆ เสี่ยวหนิวเก่งขนาดนั้น ฉันว่าต้องเก่งกว่าเยี่ยหลิงหลงแน่ ๆ ถ้าไม่เชื่อ นายลองไปท้าเธอสู้สิ ผู้หญิงน่ะ สู้ผู้ชายไม่ได้หรอก” เหมียวเถียนเถียนรีบพูด
“ไม่เอาหรอก ไม่สนใจ” หนิวลี่พูดอย่างหงุดหงิด ‘ทำไมฉันต้องแกว่งเท้าหาเสี้ยนด้วย ขอร้องละ เวลาของพวกฉันมีค่ามากนะ’
“งั้นนายก็ปกป้องฉันได้นี่” เหมียวเถียนเถียนพูดอย่างน้อยใจ
“ทำไมผมต้องปกป้องคุณด้วย?” หนิวลี่ถามอย่างฉงน
เหมียวเถียนเถียนชะงักไปครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออก
‘ใช่แล้ว ทำไมเขาต้องปกป้องฉันด้วย? บ้าชะมัด ฉันเป็นผู้หญิงนะ แถมยังสวยขนาดนี้ นายรู้จักอ่อนโยนต่อผู้หญิงบ้างไหม ฉันอุตส่าห์มาหาถึงที่ แต่ดันพูดอะไรไม่รับผิดชอบแบบนี้’
เหมียวเถียนเถียนขมวดคิ้วพูดอย่างหงุดหงิดใจ “นายไม่รู้หรือไงว่าผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า!”
“อืม ผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง พูดถูกมาก”
เหมียวเถียนเถียนระริกระรี้ขึ้นมา
“แต่ผู้หญิงที่ผมจะปกป้องไม่ใช่เธอ” หนิวลี่ยิ้มเหยียด แล้วหันหลังเดินก้าวยาว ๆ ไปทางประตูโรงเรียน ทิ้งให้เหมียวเถียนเถียน ยืนกระทืบเท้าด่าหนิวลี่อย่างแรง
[พี่ชาย ผู้หญิงที่พี่จะปกป้อง คือเตียวเสี้ยนใช่ไหม?] เอลฟ์น้อยที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา ได้ยินประโยคนี้ ดวงตากลมจึงโตเป็นประกายวิบวับ