ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 29 ข่มขู่อีกครั้ง
บทที่ 29 ข่มขู่อีกครั้ง
บทที่ 29 ข่มขู่อีกครั้ง
“หลี่เหมิงเหมิง จริง ๆ แล้วฉันตั้งใจจะสั่งสอนเธอซักทีนะ แต่เห็นแก่หน้าพี่ชายเธอ งั้นก็ช่างมันเถอะ ต่อไปก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน” หนิวลี่พูดเรียบ ๆ
“นาย!”
หลี่เหมิงเหมิงโกรธมาก ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน ‘นายคิดว่านายเป็นใครกัน?’
“อย่ามาทำไขสือ ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้พี่ชายเธอกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องใหญ่ที่ฉันค่อนข้างเห็นด้วย ฉันจะต้องสั่งสอนพี่ชายเธอด้วย น้องสาวตัวเองยังสอนไม่ได้ แล้วจะไปเป็นเจ้าพ่อมาเฟียได้ยังไง?” หนิวลี่พูดต่อไปอย่างหยิ่งผยอง ทำให้นักเรียนในห้องเรียนต่างตกใจกลัว
‘ไอ้หมอนี่กำลังด่าว่าเจ้าพ่อใต้ดินคนใหม่ของเมืองเอชซึ่งเป็นไอดอลในใจของเยาวชนจำนวนมากอย่างหลี่ต้าวปาอยู่นะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง!’
“ปากดีจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าผ่านไปแค่วันเดียวนายก็เปลี่ยนไปแล้ว คิดว่าเรียนรู้วิชากำลังภายในนิดหน่อยแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ ถ้าฉันให้คนมายิงนาย นายคิดว่านายจะไม่ตายหรือไง?” หลี่เหมิงเหมิงหัวเราะเย็นชาอย่างดูแคลน มองหนิวลี่ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
เขายกนิ้วชี้ขึ้นแล้วส่ายไปมา “อย่ามาขู่ฉันนะ ฉันเกลียดการถูกข่มขู่ที่สุดแล้ว เมื่อวานมีคนสามคนมาขู่ฉัน สุดท้ายก็ตายไปหนึ่ง เจ็บไปหนึ่ง ส่วนอีกคนที่ชื่ออะไรนะ อ้อ อาเหว่ย โชคดีที่พี่ชายเธอมาห้ามทันเวลา ไม่งั้นอาจจะกลายเป็นศพไปอีกคน นี่ไม่ใช่การขู่นะ แต่เป็นการเตือน ครั้งแรกฉันถือว่าเธอไม่รู้เรื่อง ครั้งที่สอง ก็ให้พี่ชายเธอมาเก็บศพเธอเอง” พูดถึงประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของหนิวลี่เย็นเยียบ จนนักเรียนในห้องต่างพากันสั่นสะท้าน
ขณะเดียวกัน นักเรียนทุกคนต่งมองหนิวลี่ด้วยความรู้สึกคลางแคลงใจ
‘นี่มันจริงหรือเปล่านะ ไม่ใช่กำลังถ่ายหนังอยู่ใช่ไหม ฟังที่เขาพูดแล้ว ไม่ตายก็พิการ นี่ไม่ใช่นักเรียนแล้ว แต่เป็นมือสังหารชัด ๆ!”
“อาเหว่ย!” สีหน้าของหลี่เหมิงเหมิงเปลี่ยนไป มองหนิวลี่อย่างลึกซึ้ง ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าหนิวลี่กำลังโม้อยู่ แต่พอเขาพูดชื่ออาเหว่ยออกมา ก็ทำให้เธอต้องชั่งใจแล้ว อาเหว่ยเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของพี่ชาย ซึ่งเป็นความลับสุดยอด คนทั่วไปไม่น่าจะรู้จักชื่อนี้ได้ แต่ทำไมหนิวลี่ถึงรู้? นี่ทำให้หลี่เหมิงเหมิงรู้สึกว่าไม่ธรรมดาแล้ว
“อ้อใช่ ที่นี่เป็นห้องของปีสอง พวกพี่ปีสามยังสนใจมาทบทวนความรู้ที่เคยเรียนมาอีกเหรอ?” หนิวลี่ไม่สนใจหลี่เหมิงเหมิงอีกต่อไป แต่กลับหันไปมองเหมียวเถียนเถียน
เหมียวเถียนเถียนดูการแสดงตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ มาตลอด พอเห็นว่าตัวเองมีโอกาสออกโรงแล้ว ก็รีบยิ้มหวานให้หนิวลี่ทันที “ไม่ใช่หรอก ฉันได้ยินมาว่าปีสอง มีพี่ใหญ่ที่ดุมากคนหนึ่ง เลยมาเยี่ยมหน่อย ฉันชื่อเหมียวเถียนเถียน ขอฝากตัวด้วยนะ”
“จริงเหรอ? ฉันกลายเป็นพี่ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หนิวลี่ลูบจมูก ไม่ปฏิเสธหรือยอมรับ แต่สายตาที่มองเหมียวเถียนเถียนกลับไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลย “แต่ตอนนี้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วนะ พี่เหมียวไม่ควรพาเพื่อน ๆ กลับไปเรียนเหรอ ปีสามเป็นช่วงสำคัญนะ ถ้าไม่ตั้งใจเรียนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไง?” หนิวลี่ไล่ทุกคนออกไป จากคำพูดของเหมียวเถียนเถียน อีกทั้งการไม่ให้ความเคารพต่อรุ่นพี่ปีสาม ทำให้เขาได้กลายเป็นขาใหญ่ของห้อง 2/3 ไปโดยปริยาย
แต่ทั้งกลุ่มของเหมียวเถียนเถียนและหลี่เหมิงเหมิงต่างก็ไม่กล้าโกรธและไม่กล้าโต้แย้งอะไร
บางเรื่องแค่ได้เห็นก็ทำให้เกิดความหวาดกลัวแล้ว ความดุดันและวิธีการของหนิวลี่นั้นฝังลึกในใจคนเลยทีเดียว ผู้ชายคนนี้ถ้าไม่เปลี่ยนก็คือไม่เปลี่ยน แต่ถ้าเปลี่ยนก็น่าตกใจมาก!
“ฮิ ๆ ใช่แล้ว งั้นพวกเราไปก่อนนะ ต่อไปต้องไปมาหาสู่กับพี่ใหญ่หนิวให้มาก ๆ ล่ะ” เหมียวเถียนเถียนพูดอย่างตรงไปตรงมา ‘ดูละครจบแล้ว คนก็เข้าใจแล้ว ต่อไปก็แล้วแต่ว่าใครจะติดต่อกันยังไง’ เหมียวเถียนเถียนคิดแล้วพาคนจากไปอย่างรวดเร็ว
หลี่เหมิงเหมิงมองหนิวลี่ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนแล้วก็พาคนออกไปด้วยเช่นกัน ดูจากสีหน้าแล้วต้องกลับไปซักไซ้พี่ชายให้กระจ่างแน่ ๆ
แบบนี้หนิวลี่ก็เหมือนถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร เพราะเขาก็เป็นคนพื้นเมืองที่นี่ และยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ต่อไป คนส่วนใหญ่ก็รู้จักเขา พวกผู้มีอิทธิพลแค่สืบหาข้อมูล ก็สามารถรู้เรื่องราวในชีวิตของเขาตั้งแต่เด็กจนโตได้หมด แม้แต่จำนวนครั้งที่เขาเคยฉี่ราดที่นอนตอนเด็กก็คงจะหาเจอ
หนิวลี่ใช้หลี่เหมิงเหมิงส่งข้อมูลของตัวเองให้หลี่ต้าวปาก็ถือว่าเป็นการเตือนหลี่เตาปา และพี่หัวว่า ‘ตัวฉันอยู่ที่นี่ และน้องสาวของแกก็อยู่ที่นี่ ถ้าอยากจะเล่นกับฉัน ฉันจะจัดการน้องสาวแกก่อน ฉันไม่ใจดีกับผู้หญิงหรอกนะ’
พอสองสาวขาใหญ่จากไป บรรยากาศในห้องเรียนพลันเงียบเหงา นับ ๆ ดู นักเรียนในห้องมีไม่ถึงยี่สิบคน ‘บ้าเอ๊ย! ห้องเรียนหนึ่งห้องมีอย่างน้อยสี่สิบห้าคนนะ พวกนี้ไม่นับถือครูเลยหรือไง’
หนิวลี่เหลือบมองนักเรียนรอบข้างที่มีสีหน้าหลุกหลิก แล้วพูดกับคนที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุด “แกไปเรียกครูที่สอนมา บอกว่าเรียนได้แล้ว”
“ครับพี่ใหญ่หนิว” นักเรียนคนนั้นพยักหน้ารัว ๆ แล้วลุกขึ้นวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน นักเรียนคนนั้นก็วิ่งหอบกลับมา พูดกับหนิวลี่ด้วยสีหน้าเก้อเขิน “พี่หนิว คุณครูเหอบอกว่าวันนี้ให้พวกเราหยุดเรียน ทำกิจกรรมอิสระ แม้แต่การบ้านก็ไม่ต้องทำ”
“บ้าเอ๊ย! ฉันมาเรียนหนังสือ วันปกติดันไม่สอน ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนบอกว่าครูของห้อง 2/3 แย่มาก” หนิวลี่ปะทุความโกรธ
หนิวลี่มองโต๊ะเรียนที่ว่างเปล่าในห้องอีกครั้ง ลุกขึ้นยืนทันที ทำเอานักเรียนที่ระมัดระวังตัวอยู่แล้วตกใจกลัวไปตาม ๆ กัน
หนิวลี่กวาดตามองนักเรียนสิบกว่าคนแล้วหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ตั้งแต่บ่ายนี้ ฉันต้องการเห็นนักเรียนทั้งชั้นอยู่ในห้อง ถ้าใครไม่มา นอกจากมีเหตุผลพิเศษ ฉันจะให้เขาไปเล่นที่โรงพยาบาล”
เมื่อได้ยินดังนั้น นักเรียนสิบกว่าคนต่างก็เปลี่ยนสีหน้า ตกใจกลัว เพียงแค่มองท่าทางเด็ดขาดของหนิวลี่เมื่อครู่ ก็รู้ได้ว่านี่ไม่ใช่คำพูดลอย ๆ
“พวกแกต้องรู้จักพวกนั้นแน่ ๆ แค่บอกว่าฉันพูด ไม่ว่าเขาจะมีใครหนุนหลังอยู่ ถ้าไม่มา แม้แต่หลี่เตาปาก็ช่วยเขาไม่ได้” หนิวลี่ยิ้มเย็นชา กลับนั่งลงที่เก้าอี้เช่นเดิม ค่อย ๆ เปิดหนังสือโดยไม่สนใจนักเรียนในห้องที่มองหน้ากันอย่างกังวล
นักเรียนที่ไปเรียกอาจารย์อีกรอบกลับมาแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มแหย ๆ อย่างหวาดกลัว
“นั่งลงเถอะ ไม่ต้องไปเรียกแล้ว” หนิวลี่ ไม่ได้ทำให้นักเรียนคนนั้นลำบากใจ ก้มหน้าเงียบ ๆ ศึกษาด้วยตัวเอง
ทั้งห้องเรียนเงียบสงัด เพื่อนร่วมชั้นเห็นหนิวลี่ตั้งใจขนาดนี้ ก็ไม่กล้าทำอะไรอื่น ได้แต่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านตาม แต่ว่ามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ตั้งใจจริง ๆ
บรรยากาศในห้องเรียนต่างจากปกติ ทุกคนที่เดินผ่านทางเดินหน้าห้องเรียนต่างก็แปลกใจที่พบว่าห้องเรียนที่มักจะมีเสียงดังอึกทึกครึกโครม วันนี้กลับเงียบกว่าห้องเรียนเด็กหัวกะทิเสียอีก ช่างประหลาดจริง ๆ
หนึ่งคาบผ่านไป~ ห้องเรียนก็ยังเหมือนเดิม
สองคาบผ่านไป~
สามคาบสามคาบผ่านไป~
ห้องเรียนเงียบไปนานขนาดนี้ ความผิดปกติของชั้นมัธยมปีที่สองห้องสามแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนในพริบตา ทำให้นักเรียนทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ณ ห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมหมิงซิง
ตอนนี้หนิวลี่นั่งเงียบ ๆ บนเก้าอี้ มองผู้อำนวยการร่างผอมบางที่อยู่หลังโต๊ะทำงาน
ว่ากันว่าไม่ว่าจะในทีวีหรือในนิยาย ผู้นำของโรงเรียนมักจะถูกวาดให้ลึกลับ เพราะพวกเขาคือผู้นำที่แท้จริงของโรงเรียน ต่อให้คุณมีชื่อเสียงในโรงเรียนมากแค่ไหน ก้าวร้าวแค่ไหน การจัดการคุณก็เป็นแค่เรื่องง่าย ๆ สำหรับพวกเขา
ผู้อำนวยการของโรงเรียนมัธยมหมิงซิงชื่อจูเย่าหมิน รูปร่างผอมแห้ง ใบหน้าขาวไร้หนวด สวมแว่นตา ดูมีลักษณะของคนมีความรู้ สุภาพเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามหนิวลี่ที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งสามารถรับรู้ได้ว่าผู้อำนวยการจูที่ดูธรรมดา ๆ นี้ให้ความรู้สึกประหลาดชวนขนลุก ราวกับว่ายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วถูกมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปหมด
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังจิตของหนิวลี่ ต่อให้ผู้อำนวยการจูมองอยู่ปีครึ่งก็คงมองไม่ออกหรอกว่าหนิวลี่เป็นอะไร ซึ่งทำให้ผู้อำนวยการจูรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ‘เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาเลย หรือว่าเหมียวเถียนเถียนและหลี่เหมิงเหมิงจะทำอะไรเขาไม่ได้’
“ผอ. ครับ คุณมองผมมาตั้งนานแล้ว คาบเรียนนี้ก็เสียเวลาไปหมดแล้ว ไม่ทราบว่าคุณเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ?” หนิวลี่หัวเราะในใจ แต่ใบหน้ากลับแสร้งทำเป็นงงงวย ทำท่าเหมือนครูกับนักเรียน
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เรียกเธอมาคุยด้วยเท่านั้นเอง เธอคิดว่าห้อง 2/3 เป็นยังไงบ้าง?” ผู้อำนวยการจูถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดีนะครับ ตำแหน่งห้องเรียนก็ดี นักเรียนก็ตั้งใจเรียนกันทุกคน แต่ว่าครูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วันนี้ตอนเช้าถึงกับไม่มาสอนเลย ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจมากเลยละครับ” หนิวลี่พูดด้วยความสงสัย
ผู้อำนวยการจูสบถในใจว่าจิ้งจอกน้อย แต่ใบหน้ากลับยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว ตอนบ่ายก็จะเรียนตามปกติ แต่ห้อง 2/3 จะดีอย่างที่เธอพูดจริง ๆ เหรอ? คิดจะลองย้ายห้องเรียนดูบ้างไหม? อย่างห้อง 2/1 เป็นไง” สีหน้าของผู้อำนวยการจูแสดงออกถึงความรู้สึกประหลาดบางอย่าง