ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 28 การเผชิญหน้ากับสองนางพญา
บทที่ 28 การเผชิญหน้ากับสองนางพญา
บทที่ 28 การเผชิญหน้ากับสองนางพญา
ตกดึก หนิวลี่และเจ้าเอลฟ์น้อยต่างก็หลับสนิท ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันที่สั้น แต่ก็เป็นวันที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย เรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จนแทบจะพูดได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหนิวลี่ในวันนี้มีมากกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาเสียอีก
ยิ่งมีเรื่องราวมากมาย จิตใจก็ยิ่งเหนื่อยล้า อีกทั้งหนิวลี่ยังใช้พลังจิตอย่างหนักตลอดทั้งวัน ถึงแม้ว่าจะทำให้พลังจิตแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ทำให้สมองรับไม่ไหวแล้ว หลังจากหัวตกถึงหมอน ก็เข้าสู่ห้วงนิทราลึกในทันที ส่วนเจ้าเอลฟ์น้อยก็มุดผ้าห่มเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดของหนิวลี่ แล้วเปลี่ยนอิริยาบถให้สบายตัวขึ้น จากนั้นจึงเข้าสู่ห้วงความฝันอย่างฉับพลัน
วันรุ่งขึ้น พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกสดชื่น ร่างกายเบาสบายไปหมด เหมือนพลังจิตเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย ความรู้สึกที่แข็งแกร่งขึ้นตลอดเวลาแบบนี้ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ความสว่างเหมือนกับตอนเช้าตรู่ตามปกติที่เขาตื่นขึ้นในทุกวัน ดูเหมือนว่ามันจะฝังลึกลงไปในกระดูก กลายเป็นนาฬิกาชีวิตโดยสัญชาตญาณไปแล้ว ตัวเองยังเป็นแค่นักเรียนคนหนึ่งเท่านั้นเอง
เจ้าเอลฟ์น้อยยังคงหลับสนิท ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ปากน้อย ๆ ยื่นออกมานิดหน่อย ยังมีน้ำลายไหลออกมาอีกต่างหาก ดูน่ารักมาก ๆ
หนิวลี่อดไม่ได้ที่จะจิ้มจมูกของเจ้าเอลฟ์น้อย จากนั้นก็ส่งเจ้าเอลฟ์น้อยเข้าไปในแหวนสรรค์สร้าง เจ้าตัวเล็กนี่ใช้พลังเวทและพลังจิตไปเยอะกว่าหนิวลี่เสียอีก ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่จริง ๆ
หลังจากที่หนิวลี่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินออกจากห้อง อย่างที่เขาคาดไว้ พ่อกับแม่ออกไปข้างนอกแล้ว พวกท่านมักจะตื่นแต่เช้าตรู่และทำงานจนดึกดื่น ไม่ค่อยได้เจอหน้าลูกชายของตัวเองเลย
เมื่อกินอาหารเช้าที่แม่ทิ้งไว้ให้เสร็จ เขาก็รีบไปโรงเรียน
ช่วงนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน ใกล้ปิดภาคเรียนแล้ว ถึงแม้ว่านิสัยของหนิวลี่จะเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งยังมีทรัพย์สินมหาศาล แต่ก็ไม่เคยละทิ้งหน้าที่ในการเล่าเรียนเลย อย่างไรก็ตามนี่คือความหวังของคนเป็นพ่อแม่ เขาต้องทำผลการเรียนออกมาให้ดีเพื่อให้พวกท่านสบายใจ แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่คนในวัยของเขาควรทำด้วย
ไม่ช้า หนิวลี่ก็มาถึงโรงเรียน ตอนนี้ใกล้จะถึงคาบแรกของภาคเช้าแล้ว
ห้องเรียนของมัธยมปลายปีที่ 2/3 วุ่นวายเหมือนเคย ต่างจากปกตินิดหน่อยตรงที่เพื่อนในห้องยืนแบ่งกันเป็นสองกลุ่ม แต่พอหนิวลี่ปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองกลุ่มก็เงียบลงทันที ต่างฝ่ายต่างมองมาที่เขา
หนิวลี่ตกใจไม่น้อย ‘ว้าว ฉันมีชื่อเสียงในห้องเรียนมากขนาดนี้แล้วเหรอ? แค่โผล่หน้ามาก็ข่มขวัญคนอื่นได้แล้ว’
ทันใดนั้น หนิวลี่ก็สังเกตได้ทันทีว่าทำไมสองกลุ่มถึงมารวมตัวกัน เพราะพวกเขาล้วนแต่ยืนล้อมรอบคน ๆ หนึ่งไว้
กลุ่มหนึ่งล้อมรอบหลี่เหมิงเหมิงมองหนิวลี่ที่ประตูด้วยสายตาดูถูก ส่วนอีกกลุ่มกลับมองด้วยความสงสัยใคร่รู้ แต่พวกเขากลับล้อมรอบผู้หญิงคนหนึ่งเช่นกัน เป็นสาวน่ารักที่ดูบริสุทธิ์เรียบร้อย ดวงตากลมโต
หนิวลี่มองไปที่หลี่เหมิงเหมิงอย่างเฉยชาก่อน จากนั้นจึงมองไปที่สาวตาโตคนนั้น
หนิวลี่รู้จักสาวคนนี้ เธอคือหนึ่งในสามนางพญาของโรงเรียนมัธยมหมิงซิง ชื่อเหมียวเถียนเถียน มีข่าวลือว่าพ่อของเธอเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองเอช ส่วนปู่เป็นผู้นำของคณะกรรมการมณฑล นอกจากนี้ลุงและอาของเธอก็เป็นข้าราชการระดับสูง เธอเป็นคนที่สามารถทำให้โรงเรียนมัธยมหมิงซิงหรือแม้แต่เมืองเอชสั่นสะเทือนได้ด้วยการกระทืบเท้าเพียงครั้งเดียว
อย่าคิดว่าเธอจะใจดีเพียงเพราะมีใบหน้าที่ดูบริสุทธิ์ นั่นเป็นแค่น้ำหวานเคลือบยาพิษ มีข่าวลือว่า ครั้งหนึ่ง หนุ่มหล่อที่ตามจีบเธอ ถูกเธอทำให้กลายเป็นคนพิการอัปลักษณ์ไปแค่เพียงเพราะเธอรำคาญเขา นั่นแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณของผู้หญิงคนนี้
‘ดูเหมือนว่าฉันจะไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเธอมาก่อนนี่ ทำไมเธอถึงมาปรากฏตัวที่ห้องเรียนมัธยมปีสามห้องสามด้วยล่ะ? พวกนางพญาพวกนี้ต่างก็เป็นรุ่นพี่มัธยมปลายทั้งนั้น’
“เฮ้! เสี่ยวลี่ เห็นพี่เหมิงเหมิงแล้วยังไม่เข้ามาทักทายอีกเหรอ อยากตายรึไง” นักเรียนชายร่างกำยำที่ยืนข้างหลี่เหมิงเหมิงตะโกนใส่หนิวลี่อย่างหยิ่งผยอง ‘สีหน้าของเขายียวนน่าต่อยซะจริง ๆ’
หนิวลี่ไม่อยากมองเขาแม้แต่แวบเดียว และไม่สนใจหลี่เหมิงเหมิงด้วย เพราะต่อให้หลี่เตาปา พี่ชายของเธอมาด้วยตัวเอง ยังต้องเกรงใจเขาเลย แล้วพวกคนตรงหน้านับเป็นอะไรกัน?
หนิวลี่เดินไปที่นั่งของตัวเองอย่างช้า ๆ และพูดกับนักเรียนที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้เป็นนักเรียนของห้อง 2/3 “ขอโทษนะ นี่ที่นั่งของฉัน?”
“ห๊ะ?”
“ฮ่า ๆๆ พวกมันไม่ให้เกียรตินาย นายจะไปขอโทษทำไมกัน”
การที่หนิวลี่เมินเฉยทำให้พวกของหลี่เหมิงเหมิงโกรธมาก แต่พวกของเหมียวเถียนเถียน กลับส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ ฉวยโอกาสเยาะเย้ยพวกของหลี่เหมิงเหมิง
“หนิวลี่ แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง มาตายที่นี่เดี๋ยวนี้!”
ที่นั่งของหนิวลี่อยู่ไม่ไกลจากพวกของหลี่เหมิงเหมิงมากนัก นักเรียนร่างกำยำที่ตะโกนด้วยใบหน้าบึ้งตึงจึงก้าวยาว ๆ เข้ามา กำลังจะคว้าผมหนิวลี่แล้วลากตัวไปขอโทษหลี่เหมิงเหมิง
แต่หนิวลี่ฉวยโอกาสลงมือก่อน ตั้งแต่เขาครอบครองเวทมนต์มาหนึ่งวันเต็ม เขาก็ค่อย ๆ คุ้นเคยกับการหมุนเวียนของพลังเวท ประกอบกับคำแนะนำของเอลฟ์น้อย หนิวลี่ก็ใช้มีดวายุและกระสุนเพลิง ได้อย่างคล่องแคล่วชำนาญ ประกอบกับมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา เมื่อใช้แล้วแทบจะเทียบเท่ากับยอดฝีมือของโลกได้ในพริบตา
หนิวลี่ยื่นมือไปสะบัด แทบจะในเวลาเดียวกัน พลังเวทมนตร์เส้นหนึ่งกระตุ้นธาตุอัคคีให้บีบอัดอย่างรวดเร็วในฝ่ามือ ด้วยพลังจิตของหนิวหลี่ที่เหนือกว่าพลังเวทมนตร์ กลุ่มไฟขนาดเล็กในฝ่ามือของเขาเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย ขึ้นรูปได้อย่างรวดเร็ว แต่การควบคุมของเขายังไม่ดีพอ ไม่สามารถทำให้เข้มข้นขึ้นได้ จึงกลายเป็นลวดลายธาตุสีแดงอ่อน ๆ บนฝ่ามือ ไม่สามารถบีบอัดออกมาเป็นบอลเพลิงได้
แต่แม้จะเป็นเพียงลวดลายสีแดงอ่อน เมื่อระเบิดออกมา ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะรับมือได้
นักเรียนร่างใหญ่ยังไม่ทันได้ยื่นมือไปคว้าผมของหนิวลี่ ก็รู้สึกว่ามือของหนิวลี่ที่อยู่ตรงหน้าอกพลันปล่อยพลังอันทรงพลังออกมา
แทบจะชั่วพริบตา นักเรียนร่างใหญ่ก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองไม่อยู่ในการควบคุม ลอยกระเด็นออกไป ชนโต๊ะเรียนล้มคว่ำสองตัว สลบไปในทันที
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ บรรยากาศในห้องเรียนก็เงียบลงชั่วขณะ
ไม่ว่าจะเป็นความหยิ่งผยองของกลุ่มหลี่เหมิงเหมิง หรือเสียงเยาะเย้ยจากฝั่งของ เถียนเถียนต่างก็หายไป ทุกคนอ้าปากพะงาบ ๆ ไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
‘นี่เป็นฝีมือของมนุษย์เหรอ?’
ฝ่ามือเบา ๆ ตบคนหนักกว่าห้าสิบกิโลกรัม ลอยกระเด็น! ยังชนโต๊ะเรียนล้มคว่ำถึงสองตัว!
‘แม่เจ้า นี่มันวรยุทธ์ภายในในตำนานชัด ๆ!
‘กำลังภายในเก้าหยางเลยเหรอ?’
“ดูสิ ๆ พี่เถียนเถียน ฉันบอกแล้วไงว่าหนิวลี่คนนี้ต้องรู้วิชากำลังภายในแน่ ๆ มีแต่คนที่มีวรยุทธ์เท่านั้นแหละถึงจะตบคนล้มได้อย่างเบามือขนาดนี้” ชายหนุ่มผอมบางที่สวมแว่นตาหนาเตอะพูดอย่างตื่นเต้นขณะที่ยืนอยู่ข้างกายเถียนเถียน ดวงตาของเขาเปล่งประกายแห่งความเลื่อมใสระคนตื่นเต้น
“นายฝึกกำลังภายในเหรอ พี่ชายของฉันก็ฝึกเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะไม่เก่งขนาดนี้นะ” เหมียวเถียนเถียนยังคงมีใบหน้าที่บริสุทธิ์ แต่แววตากลับแฝงความสงสัยเล็กน้อย
“แกกล้าทำร้ายลูกน้องของฉัน อยากตายรึไง!” หลี่เหมิงเหมิง ลุกขึ้นยืนทันที จ้องมองไปที่หนิวลี่ด้วยสีหน้าโกรธเคือง แต่แปลกที่ในแววตากลับมีความประหลาดใจและระมัดระวังแฝงอยู่ด้วย
น้องสาวของเจ้าพ่ออันธพาล ไม่ว่าจะแย่แค่ไหนก็ไม่น่าจะเป็นคนไร้สมอง หลี่เหมิงเหมิงได้ยินมาว่าหนิวลี่ที่เคยถูกเธอรังแกอยู่เป็นประจำนั้นกลับเก่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน จึงเกิดความสงสัยและเลยเดินมาที่ห้อง 2/3 เพื่อดูเหตุการณ์ ไม่คิดเลยว่าไอ้หมอนี่ไม่ได้แค่เก่งขึ้นเท่านั้น แค่มองจากฝ่ามือที่ดูเหมือนไม่ได้ใช้แรงมากมายนัก ก็ไม่ใช่สิ่งที่นักสู้ธรรมดาจะทำได้ อย่างน้อยในหมู่ลูกน้องของพี่ชายเธอก็ไม่มีใครทำได้
หนิวลี่ยังคงไม่สนใจหลี่เหมิงเหมิง สายตามองไปที่เพื่อนร่วมชั้นที่ยังคงนั่งอยู่ที่ที่นั่งของเขาด้วยแววตาที่เรียบเฉย
เดิมที เพื่อนคนที่ยึดที่นั่งของหนิวลี่ยังคิดจะทำตัวเท่สักหน่อย โอกาสที่จะได้โชว์ตัวต่อหน้าสองสาวใหญ่ประจำโรงเรียนนั้นไม่ได้มีมากนัก
แต่ฝ่ามือต่อมาของหนิวลี่ได้ทำลายความมั่นใจของเพื่อนคนนี้ไปโดยสิ้นเชิง เอาใจเขามาใส่ใจเรา ตัวเองผอมกว่าคนที่สลบไปเสียอีก ทั้งตัวเองก็กลัวเจ็บด้วย!
ตอนนี้ที่เพื่อนคนนั้นยังไม่ลุกขึ้นยืน นั่นก็เพราะขาอ่อนแรงไปแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากลุก!
แต่เมื่อหนิวลี่หันมามองอีกครั้ง เพื่อนคนนี้กลับรู้สึกเหมือนมีหนามนับพันแทงก้นขึ้นมาทันที รีบลุกพรวด ยิ้มประจบพร้อมถอยห่างจากหนิวลี่ไป
ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว ไม่ต้องทำอะไรก็ทำให้คนรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายได้แล้ว
หนิวลี่นั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง แล้วจึงหันไปมองที่หลี่เหมิงเหมิง ปกติไม่ค่อยได้สังเกต ไม่คิดว่าวันนี้หลี่เหมิงเหมิงดูเหมือนจะไม่ได้แต่งหน้าให้เหมือนนางปีศาจอย่างที่เคยเป็น ให้ความรู้สึกสาวน้อยวัยใสอยู่บ้าง
แต่พอนึกถึงเรื่องที่เธอเคยทำกับตัวเองมาก่อน หนิวลี่ก็รู้สึกลำบากใจ ‘สาวงามเอ๋ย ทำไมเจ้าต้องมาเป็นศัตรูกับข้าด้วยนะ!’