ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 27 เจตนาของหนิวลี่
บทที่ 27 เจตนาของหนิวลี่
บทที่ 27 เจตนาของหนิวลี่
“จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ง่ายนิดเดียว ก็แค่เจ้าพ่ออย่างพวกนายชอบระแวงไปหมด ไม่ยอมเชื่อใจกันสักที” หนิวลี่เริ่มต้นด้วยการตำหนิหลี่เตาปาและพี่หู่เบา ๆ หลังจากสะใจแล้วก็พูดต่อ “เรื่องนี้มีพวกญี่ปุ่นอยู่เบื้องหลัง”
“พวกญี่ปุ่น? แล้วนายรู้ได้ยังไง?” หลี่เตาปาไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรง่าย ๆ อย่างน้อยก็ต้องมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ
“ว่าแล้วก็ต้องขอบคุณไอ้ตุ๊ดนั่นด้วย” หนิวลี่มองไปที่พี่หู่ที่มีสีหน้าแย่มากด้วยสายตาขบขัน หัวเราะแล้วพูดว่า “ถึงแม้ไอ้หมอนั่นจะผิดปกติ แต่ความโหดเหี้ยมในวงการมืดนี่ทำได้สุด ๆ ไปเลย พี่หู่ นายรู้ไหมว่าก็ไอ้หนวดยักษ์นั่นแหละที่ทรยศนาย แล้วก็ใส่ร้ายหลี่เตาปา”
“ไม่มีทาง” พี่หู่พูดขึ้นทันที น้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่มีทาง? ฉันเห็นกับตาตอนมันคุยกับมิยาโมโตะจากกลุ่มไตรภาคีเรื่องจะจัดการนายยังไง แล้วก็เอาหลี่เตาปาออกไป แบบนี้ไอ้เวรนั่นก็จะได้เป็นตัวแทนของไตรภาคีในเมืองเอชแล้ว” หนิวลี่พูดด้วยเสียงเย็นชา พลางถอนหายใจ “แล้วความโลภของคนเรานี่ไม่มีลิมิตจริง ๆ พอได้ดีแล้วก็อยากได้มากกว่าเดิม ไม่มีวันพอ พี่หู่ลองคิดดูดี ๆ สิ ช่วงนี้ไอ้ตุ๊ดนั่นมีอะไรผิดปกติไปจากเดิมบ้าง”
พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าของพี่หู่ก็ยิ่งแย่ลง เขาหลับตาลงนอนบนโซฟา หนังตากระตุก ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้
เห็นท่าทางแบบนั้น หลี่เตาปาก็หัวเราะในลำคอ แล้วพูดว่า “น้องชายไม่ธรรมดาเลยนะ แต่ที่มาบอกเรื่องเบื้องหลังพวกนี้กับพวกเรากะทันหัน ไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไร?”
ในใจของหลี่เตาปาคิดว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ การกระทำของหนิวลี่ชัดเจนว่ามาเตือนพวกเขา ถ้าไม่มีข้อเรียกร้องอะไรละก็ นั่นสิถึงจะแปลก
หนิวลี่ยิ้มลึกลับ “จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนหนุ่มที่มีอุดมการณ์ ที่บอกพวกนายเรื่องพวกนี้ก็เพราะหวังว่าพวกนายจะช่วยกำจัดพวกยากูซ่าที่มาก่อกวนในจีนให้หมด”
“อย่างนั้นเหรอ?” หลี่เตาปามองหนิวลี่ด้วยความประหลาดใจ รู้สึกว่าท่าทางของหนิวลี่เหมือนมีออร่าลึกลับบางอย่าง
“เอาละ จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่พวกนาย ฉันก็บอกเบื้องลึกเบื้องหลังให้ฟังแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรสนุกละ ขอตัวก่อนนะ คราวหน้าถ้ามีเรื่องอะไรดี ๆ จะมาเล่าให้ฟังอีก” หนิวลี่ลุกขึ้นยืน พลางด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวก่อน” พี่หู่ลืมตาขึ้น มองหนิวลี่ด้วยสีหน้าสับสน “ครั้งนี้ต้องขอบคุณน้องชายจริง ๆ ฉันเป็นหนี้บุญคุณนายแล้ว”
หนิวลี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องเล็กน้อย” พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ทั้งสามคนจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
หลังออกจากห้องมา หนิวลี่ก็ยิ้มกว้างด้วยความระริกระรี้ ‘ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งฉันจะได้คุยกับเหล่าเจ้าพ่อใหญ่พวกนี้ ตื่นเต้นจริง ๆ’
แต่ตอนนี้พลังเวทเหลือไม่มากแล้ว เอลฟ์น้อยก็อ่อนแอลง ตัวฉันเองก็มีพลังเวทสำรองพอที่จะปล่อยมีดวายุได้อีกแค่สองครั้งเท่านั้น รีบออกไปจากที่นี่จะดีกว่า ส่วนฉางเหมา กับไอ้หัวไก่นั่น ยังไงก็ต้องมีโอกาสจัดการพวกมันอยู่แล้ว
หนิวลี่ลงมาที่ชั้นหนึ่ง รีบออกจากเยี่ยเยี่ยหลาย แล้วหันกลับไปมองที่รวมความลึกลับซึ่งภายนอกดูธรรมดาแต่ภายในกลับมีโลกอีกใบ หนิวลี่หัวเราะเย็นชาแล้วหันหลังเดินไปขึ้นแท็กซี่คันหนึ่ง
เมื่อถึงบ้าน ปรากฏว่าพ่อแม่ยังไม่กลับมา นึกถึงเบียร์ที่แม่ขนตอนเที่ยงวัน อาจจะมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่างตอนกลางคืน ถ้าเป็นแบบนั้นพวกท่านคงจะกลับมาดึก ๆ
หนิวลี่ไปค้นในครัวแล้วพบว่าไม่มีอะไรกิน จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นสั่งอาหารจากแอปดิลิเวอรี นี่เป็นวิถีชีวิตเดิม ๆ ของเขา ถ้าไม่มีใครอยู่บ้านก็สั่งอาหารมากิน
แต่ครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง หนิวลี่สั่งอาหารอร่อย ๆ มาเยอะแยะ ล้วนเป็นอาหารที่แพงเกินไปจนไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มลองมาก่อน ใช้โอกาสที่รวยล้นฟ้าครั้งนี้ ตัดสินใจว่าจะลิ้มรสชาติชีวิตให้เต็มที่
บริการส่งอาหารรวดเร็วมาก ประมาณครึ่งชั่วโมง สาวสวยในชุดยูนิฟอร์มของพนักงานส่งอาหารก็ถือถุงใส่กล่องข้าวใบใหญ่มาเคาะประตู
หนิวลี่คุ้นเคยกับพนักงานส่งอาหารคนนี้ ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นเธอที่เอาอาหารมาส่งให้เขาเป็นประจำ
หนิวลี่เปิดประตูแล้วกล่าวด้วยความเกรงใจ “พี่หลานจื่อ รบกวนพี่อีกแล้ว”
พนักงานที่ชื่อหลานจื่อกลับยื่นปากใส่ ทำท่าโกรธ “เด็กบ้า! ไม่เห็นเหรอว่าพี่ถือของเยอะแค่ไหน ยังไม่รีบมารับไปอีก”
หนิวลี่เพิ่งเห็นว่ากล่องข้าวในมือหลานจื่อเยอะขึ้นจริง ๆ แถมหน้าผากของเธอก็เต็มไปด้วยเหงื่อแล้ว
“ครับ ๆ” หนิวลี่รับกล่องข้าวไปอย่างเก้อเขิน แล้วเชิญหลานจื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“เอ๊ะ! นายอยู่บ้านแค่คนเดียวเหรอ แล้วลุงกับป้าล่ะ” หลานจื่อถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย พอเห็นในบ้านมีแค่หนิวลี่คนเดียวก็อดสงสัยไม่ได้
“ที่ร้านมีงานเลี้ยงน่ะ คืนนี้คงกลับดึกหน่อยมั้ง” หนิวลี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วนายสั่งของมาเยอะขนาดนี้ทำไม ทั้งยังแพงขนาดนี้ด้วย หรือว่านายกำลังจะ…” หลานจือถามด้วยความสงสัย จากนั้นก็มองหน้าหนิวลี่อย่างมีเลศนัย พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความทะเล้น
“พี่หลานจื่อ พูดอะไรของคุณน่ะ” หนิวลี่สับสน ‘ตั้งแต่ยัยนี่เอาอาหารมาส่งให้ครั้งแรก ก็อ้างตัวเองเป็นพี่สาวมาตลอด ทั้งยังมาล้อเลียนฉันอีก แต่ก็นะ ฉันเป็นผู้ชายปกติ และยังอยู่ในช่วงเจริญพันธุ์อีกต่างหาก ไม่กลัวจะยั่วโทสะหรือไง’
“เฮ้อ~ ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดว่าน้องชายตัวน้อยของพวกเราโตแล้วน่ะ ไม่รู้ว่าเป็นสาวคนไหนกัน เล่าให้พี่สาวฟังหน่อยสิ” หลานจื่อยิ่งแซวใส่หนิวลี่มากขึ้น ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ดูก็รู้ว่าอยากรู้เรื่องซุบซิบมากแค่ไหน
“พอแล้ว ๆ พี่หลานจื่อต้องยุ่งแน่ ๆ ผมรับอาหารแล้ว นี่เงินนะ พี่กลับไปก่อนเถอะ” หนิวลี่ไม่มีทางเลือก จึงยัดเงินใส่กระเป๋าเอวใบใหญ่ของเธอ แล้วผลักเธอออกไป
ไม่นานประตูก็ล็อก ในหัวของหนิวลี่กลับมีภาพของหลงเสี่ยวเหมียนลอยขึ้นมา
ถ้าได้จุดจุดจุดกับผู้หญิงคนแรกของตัวเอง ดูเหมือนจะไม่เลวนะ
ฝั่งหนิวลี่กำลังจิตนาการอย่างเคลิบเคลิ้ม ส่วนฝั่งเอลฟ์น้อยในแหวนกลับทนไม่ไหวแล้ว ไม่สนใจร่างกายที่ยังอ่อนแอ ตะโกนด่าทอหนิวลี่ด้วยเสียงอันดัง [ของอร่อยตั้งเยอะ ฮือ ๆ ปล่อยฉันออกไป!]
หนิวลี่ได้สติ รับรู้ถึงความไม่พอใจอย่างมากของเอลฟ์น้อย อมยิ้มอย่างเก้อเขิน แล้วสั่งให้แหวนเปิดฟังก์ชันเข้าออก ปล่อยเอลฟ์น้อยออกมา
ในพริบตา เอลฟ์น้อยก็ปรากฏตัวนอกแหวนสรรค์สร้าง เธอก็ขยายตัวขึ้น โตขึ้นเป็นเด็กผู้ไม่ได้เจอเอลฟ์น้อยแป๊บเดียว เธอก็โตเป็นเด็กหญิงอายุราวสิบสองสิบสามปีแล้ว
เอลฟ์น้อยที่โตขึ้นดูน่ารักยั่วยวนยิ่งกว่าเดิม แต่นอกจากใบหน้าแล้ว ทั้งตัวก็เห็นได้ชัดว่ายังไม่พัฒนาเลย ทำให้หนิวลี่ที่เพิ่งได้กินหลงเสี่ยวเหมียนที่อวบอิ่มน่าดึงดูดจนอิ่มหนำ อดจะเลียริมฝีปากไม่ได้
เอลฟ์น้อยไม่ได้สนใจหนิวลี่ สะบัดปีกคล่องแคล่ว แล้วบินอย่างรวดเร็วไปที่กล่องอาหารบนโต๊ะ
กลิ่นหอมของอาหารหลากชนิดลอยละล่อง ดึงดูดให้เอลฟ์น้อยสูดดมไม่หยุด จากนั้นตาก็เป็นประกาย เปิดกล่องอาหารออก ข้างในคือปูทะเลผัดน้ำมันของโปรดของหนิวลี่!
ปูทะเลสามตัวที่ทอดจนเหลืองทองโรยด้วยต้นหอมซอย ส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ
“นี่ เตียวเสี้ยน เอลฟ์ควรกินมังสวิรัตินะ” หนิวลี่เตือนด้วยความหวังดี แต่เอลฟ์น้อยไม่สนใจ หยิบปูทะเลตัวหนึ่งขึ้นมา แกะกินอย่างมูมมามพลางพูดอย่างดูแคลนว่า “ดาร์กเอลฟ์ไม่กินมังสวิรัติหรอก”
หนิวลี่หน่ายใจ นี่ยังเป็นเอลฟ์น้อยอยู่อีกเหรอ ไม่รักสงบ ชอบต่อสู้ กินเนื้อ แล้วยังต้องการขวดเหล้าอีกหรือเปล่า
แต่เมื่อเห็นเตียวเสี้ยนกินอย่างเอร็ดอร่อย หนิวลี่ก็อดน้ำลายสอไม่ได้ เขาเดินไปหยิบปูม้าตัวใหญ่ขึ้นมาหนึ่งตัว แล้วก็จ้องตากับเอลฟ์น้อยว่าใครจะกินเร็วกว่ากัน
ในที่สุด อาหารที่หนิวลี่สั่งมาส่วนใหญ่ก็ถูกเตียวเสี้ยนจัดการไป ส่วนเขากินไม่ถึงหนึ่งในห้าก็อิ่มจนกินต่อไม่ไหวแล้ว เมื่อเหลือบมองเอลฟ์จิ๋วที่ยังคงกินอย่างบ้าคลั่งแต่ท้องแบนราบไม่มีทีท่าว่าจะใหญ่ขึ้น หนิวลี่ก็ตกใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“เตียวเสี้ยน เธอยังไม่อิ่มอีกเหรอ?” หนิวลี่ถามเสียงอ่อย
เอลฟ์น้อยเรอเบา ๆ จากนั้นแสร้งทำเป็นสุภาพขึ้นมาทันที หยิบผ้าขึ้นมาแล้วเช็ดริมฝีปากเบา ๆ พูดว่า “อิ่มแปดส่วนแล้วละ”