ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 26 ข่มขู่หลี่เตาปา
บทที่ 26 ข่มขู่หลี่เตาปา
บทที่ 26 ข่มขู่หลี่เตาปา
“พี่หู่ ผมไม่อยากอธิบายมากนัก ถ้าคุณคิดว่าผมเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง ๆ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” หลี่เตาปานั่งลงด้วยความสิ้นหวัง ไม่อธิบายอีกต่อไป
สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ เฉินเถี่ยเยาตายอย่างลึกลับ แต่ทุกอย่างกลับเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่ตัวเขา ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าพ่อคนไหนที่วางแผนจัดการเขาแบบนี้
มีเพียงหหนิวลี่ที่ยืนยิ้มอย่างสะใจอยู่ในมุมมืดนอกห้อง ตัวเองเหมือนจะสร้างปัญหาให้หลี่เตาปาคนนี้ได้บ้างแล้ว ‘ฮิ ๆ ใครใช้ให้น้องสาวนายหยิ่งยโส ก่อนอื่นต้องเรียกดอกเบี้ยคืนก่อนแล้วกัน’
พี่หู่ไม่พูดอะไร หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหมายเลขหนึ่ง
เมื่อปลายสายรับ พี่หู่ยังไม่ทันพูด อีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“พี่หู่ พี่เถี่ยเยาตายแล้ว ตายอย่างอนาถมาก ตามรายงานจากสายในสถานีตำรวจ ตอนที่พี่เถี่ยเยาตาย เขาไม่มีความสามารถในการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย และที่เกิดเหตุก็เกินกว่าคดีฆาตกรรมทั่วไป ไม่ใช่ฝีมือคนธรรมดา” เสียงร้อนรนดังมาจากปลายสาย
พี่หู่ ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เจออะไรแปลก ๆ อีกไหม?”
“มีครับพี่หู่ พวกเขาบอกว่าพี่เถี่ยเยาเจอผีแล้ว คุณไม่รู้หรอก ในโรงรับซื้อของเก่านั่นมีพืชประหลาดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเต็มไปทั้งห้องเลย ขนาดผู้เชี่ยวชาญด้านพืชในเมืองยังบอกว่าไม่เคยเห็นพืชแปลก ๆ แบบนี้มาก่อน”
“อืม งั้นฉันเข้าใจแล้ว” พี่หู่วางสาย ชำเลืองมองไปที่หลี่เตาปา
“ตอนนี้ฉันยืนยันได้แล้วว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายจริง ๆ มีคนอื่นกำลังวางแผนอยู่เงียบ ๆ”
คำพูดของพี่หูทำเอาหลี่เตาปาตกใจจนอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มกว้างพูดว่า “ดี พี่หู่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง ในเมื่อเชื่อใจผมขนาดนี้ ผม หลี่เตาปา ก็ไม่ใช่พวกขี้ขลาด ครั้งนี้ดันมีคนใส่ร้ายพวกเราสองพี่น้องในคราวเดียว แล้วยังอยากให้เราฆ่ากันเอง ช่างไม่น่าให้อภัยเอาเสียเลย ถ้ารู้ว่าเป็นใคร ต้องสับมันเป็นชิ้น ๆ เอาไปเลี้ยงหมาให้ได้”
คราวนี้ ในที่สุดหลี่เตาปาก็เผยใบหน้าอำมหิตของเจ้าพ่ออันธพาลออกมา ทั่วร่างแผ่รังสีความเคียดแค้นออกมา
พี่หู่ไม่ได้สะทกสะท้านกับสีหน้าของหลี่เตาปา กลับครุ่นคิดอย่างกังวลว่าใครกันที่มีอำนาจมากพอจะก่อกวนเมืองเอชได้
เมื่อหนิวลี่เห็นว่าทั้งคู่กำลังจะหันหน้าเป็นศัตรูกันแล้ว แต่กลับกลายเป็นคืนดีกันอย่างกะทันหัน ทำเอาอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ แต่พอคิดอีกทีก็ไม่เกินความคาดหมาย
สุดท้ายแล้ว เฉินเถี่ยเยาก็ถูกทรมานอย่างโหดร้ายเกินไป คาดว่าคงตายตาไม่หลับ การฆาตกรรมที่โหดร้ายแบบนี้ ถ้าเป็นการกระทำเพื่อเล่นงานคนของพี่หู่คงจะโจมตีให้ตายในทันที ไม่ทรมานเมื่อความสะใจแบบนี้
เวลาเดียวกัน หนิวลี่ก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง ‘ตัวเองก็ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ พวกเจ้าพ่อมาเฟียพวกนี้ล้วนเป็นพวกใจดำทั้งนั้น ไม่แน่ว่าเมื่อไรจะสาวไปถึงตัวฉันได้ ตัวฉันเองไม่เป็นไร แต่ถ้าพ่อแม่ต้องมารับเคราะห์ด้วย อันนี้ฉันไม่ยอมแน่’
คิดไปคิดมา หนิวลี่ก็ตัดสินใจก้าวออกจากเงามืด มาที่หน้าห้องของหลี่เตาปาและคนอื่น ๆ เคาะประตูเบา ๆ
“ใคร?”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลี่เตาปาตะโกนถามขึ้น พร้อมกับยื่นมือล้วงปืนสีดำขลับออกมาจากอก จ้องมองไปที่ประตูอย่างระแวดระวัง
“ระวังตัวกันดีเหมือนกันนะ แต่ฉันไม่กลัวหรอก” หนิวลี่ยิ้มอย่างหยิ่งผยอง ไม่รอให้ข้างในอนุญาตก็เปิดประตูห้องเข้าไปเลย
นี่เป็นห้องคาราโอเกะที่ค่อนข้างกว้างขวาง มีเครื่องเล่นทันสมัยที่สุดวางเรียงราย ดูเหมือนเพิ่งจะติดตั้งเมื่อวานนี้เอง
หลี่เตาปากับพี่หู่ต่างจ้องมองมาที่หนิวลี่เขม็ง ส่วนชายหนุ่มคนนั้นยิ่งชูปืนขึ้นเล็งไปที่หนิวลี่ ราวกับว่าหากหนิวลี่มีท่าทีคุกคามแม้แต่นิดเดียว เขาก็จะลั่นไกทันที
“ฮ่า ๆ พี่เตาปา นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกัน รู้สึกเป็นเกียรติมากเลย” หนิวลี่มองไปที่หลี่เตาปาก่อนเป็นคนแรก ทักทายด้วยรอยยิ้ม
“นายเป็นใคร?” หลี่เตาปาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก สายตาแฝงไปด้วยความไม่เป็นมิตร
“อย่าเครียดสิ ผมก็มาคนเดียว จะมาสู้พวกคุณสามคนได้ยังไงกัน?” หนิวลี่พูดด้วยสีหน้าสบาย ๆ จากนั้นก็มองไปที่ชายหนุ่ม ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาในพริบตา “แต่ผมเกลียดที่สุดเวลามีคนเอาอาวุธมาจ่อผม วันนี้มีสองคนแล้วที่ไม่รู้จักความตาย คนหนึ่งโดนผมจัดการไปแล้ว อีกคนผมเหลือไว้แค่มือข้างเดียว” คำพูดของหนิวลี่เจตนาข่มขู่ชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายหนุ่มที่ยืนถือปืนอยู่โมโหขึ้นมาทันที ไอ้หนูนี่มันหยิ่งยโสเกินไปแล้ว ‘ฉันเอาปืนจ่อแกแล้วไง ถ้าไม่ระวังตัว ฉันจะส่งเม็ดถั่วลิสงสองเม็ดให้ชิมเลย’
“อาเหว่ย เก็บปืนซะ” หลี่เตาปาโบกมือพลางสั่งเสียงเข้ม
“ครับ พี่เตาปา” อาเหวยเก็บปืนอย่างไม่เต็มใจ แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่หนิวลี่อย่างดุดัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“อย่างนี้สิถึงจะถูก ทุกคนมีอะไรก็พูดกันดี ๆ ทำไมต้องใช้กำลังด้วย มันไม่เป็นอารยชนเลย” หนิวลี่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอีกตัวอย่างสบาย ๆ พลางยกขาขึ้นไขว่ห้าง ยิ้มกว้างดูไร้พิษภัย
“ฉันจำแกได้” พี่หูพูดขึ้นมาจากด้านข้าง สายตาจ้องมองมาที่หนิวลี่ “แกควรจะตายไปแล้วสิ”
“บ้าเหรอ อย่าพูดเรื่องอัปมงคลแบบนั้นสิ ทำไมผมจะต้องตายด้วย อายุผมยังไม่ถึงยี่สิบเลย นายอยากให้ผมตายตั้งแต่เด็กขนาดนั้นเลยเหรอ” หนิวลี่จ้องไปที่พี่หูอย่างไม่พอใจ ‘พูดตามตรงนะ สำหรับคนที่มีหน้าตาเหมือนงูอย่างเขา ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไร ยิ่งเขาเคยลักพาตัวฉันไปเป็นตัวประกันอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง!”
“นายไม่ตาย แต่เถี่ยเยาตาย ดูเหมือนฉันจะมองผิดไป เถี่ยเยาถูกนายฆ่า” สีหน้าของพี่หูยิ่งดูมืดมนขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตารูปสามเหลี่ยมปรากฏแววเย็นยะเยือก เหมือนพร้อมจะโจมตีเข้ามาทันทีราวกับงูพิษ
หนิวลี่รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลง พูดเสียงเย็นชา “ไง อนุญาตให้พวกนายจับผมเป็นตัวประกัน แต่ไม่อนุญาตให้ผมช่วยตัวเองงั้นเหรอ ไอ้เกย์หนวดเคราเฟิ้มนั่นมันหาเรื่องเอง แล้วจะมาโทษผมได้ยังไง ฮึ ๆ อย่าคิดว่าทำท่าทางเหมือนคนตายแล้วจะเท่อะไรนักหนา ในสายตาผม นายก็แค่คนน่าสมเพชคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
“นายพูดว่าไงนะ!” พี่หู่ลุกพรวดขึ้นยืนทันที สีหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว ความรู้สึกอันตรายระดับสูงแผ่ซ่านออกมา
“ผมบอกว่านายเป็นตัวแค่ตัวน่าสมเพช จะทำไม” หนิวลี่ไม่ยอมอ่อนข้อ ลุกขึ้นยืนพูดด้วยสายตาดูแคลน ขณะเดียวกัน ก็โคจรพลังเวทในร่างกาย ใบมีดวายุสามใบที่มีความเข้มข้นของธาตุอย่างสูงหมุนวนรอบฝ่ามือ จิตใจจดจ่ออย่างยิ่ง เพียงแค่รอให้พี่หู่ลงมือ แล้วจะจัดการเขาให้จบในครั้งเดียว
“พอแล้ว พี่หู่ ทุกคนใจเย็น ๆ กันก่อนเถอะ อย่าใจร้อนนัก” หลี่เตาปาแทรกขึ้นมาอย่างทันท่วงที จากนั้นหันไปมองที่หนิวลี่ด้วยสีหน้าประหลาด “น้องชาย ฟังจากที่นายพูด ดูเหมือนนายจะรู้อะไรบางอย่างนะ ไม่ทราบว่าจะบอกพวกเราได้ไหม”
หนิวลี่ยักไหล่ เห็นพี่หู่ระงับอารมณ์ลงเล็กน้อยเพราะคำพูดของหลี่เตาปา ก็หัวเราะเย็นชา “แค่ความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ เอง รู้ไปแล้วจะทำไม แต่ผมไม่อยากพูดหรอก อารมณ์ไม่ดีน่ะ”
“ไม่ไว้หน้าเหรอ?” หลี่เตาปาหน้าตึงขึ้นมาทันที เปลี่ยนสีหน้าไวยิ่งกว่าการแสดงงิ้วเสียอีก
หนิวลี่ไม่แปลกใจ ยกมือขึ้นดีดนิ้วพูดว่า “อย่าขู่ผมนะ มันจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ”
“หา?”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค หลี่เตาปาก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที เหลือบมองไปทางด้านข้าง เส้นผมของตัวเองปลิวว่อนลอยอยู่กลางอากาศ
ภาพแบบนี้ของหลี่เตาปาทำเอาทั้งสามคนตกใจไม่น้อย
ไร้เสียง! ไร้ร่องรอย! นี่ไม่ใช่ว่าจะสามารถเอาหัวคนได้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีใครรู้ตัวเลยเหรอ!
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตกใจ หยิบปืนพกขึ้นมาอีกครั้งตามสัญชาตญาณ แต่ไม่ได้เล็งไปที่หนิวลี่ เพียงแค่ยืนป้องกันอยู่ข้างหน้า หลี่เตาปาสายตาระแวดระวังจ้องมองไปที่หนิวลี่ โดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หลี่เตาปาไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเป็นตายมานานเท่าไรแล้ว เมื่อครู่ตอนที่เผชิญหน้ากับคมดาบเร็วปานสายฟ้าแลบที่ไม่มีทางหลบหลีกได้ ความสงบเยือกเย็นที่สั่งสมมาจากการครองตำแหน่งสูงมานานปียังอดไม่ได้ที่จะพังทลายลง หัวใจเต้นเร็วขึ้นไม่น้อย
หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง หลี่เตาปาก็มองไปที่หนิวลี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เขาอายุไม่มาก แต่กลับมีทักษะอันเหนือชั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่แยแสต่อการฆ่าคนเลยแม้แต่น้อย
‘เหี้ยมอำมหิต! นี่มันเด็กปีศาจโผล่มาจากที่ไหนกันเนี่ย!’
“อะไรกัน ตอนนี้คิดได้แล้วเหรอ? ฉันบอกแล้วว่าเกลียดความรุนแรงที่สุด แต่พวกแกก็ไม่ยอมฟัง” หนิวลี่ยิ้มเล็กน้อย สายตาเบือนไปที่พี่หู่
ตอนนี้พี่หู่เก็บไอสังหารของตัวเองเข้าไปจนหมด แล้วนั่งลงบนโซฟาตามเดิมอย่างสงบเสงี่ยม
เส้นผมที่ร่วงหล่นของหลี่เตาปาทำให้เขาตกใจในใจไม่น้อย เพราะตอนที่ระเบิดพลังออกมา ตัวเองที่เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ก็ยังไม่รู้สึกได้เลยว่าอะไรที่ตัดผ่านเส้นผมของหลี่เตาปาไป ทักษะอันน่ากลัวที่ไร้เสียงไร้ร่องรอยนี้ทำให้พี่หู่หวาดผวาไม่น้อย
“ดีแล้ว ดูเหมือนตอนนี้พวกแกจะอยากคุยกันอย่างจริงใจซะที ฉันจะบอกให้พวกแกรู้ว่าทำไมตัวเองถึงน่าสมเพชแบบนี้” หนิวลี่ยิ้มอย่างพอใจแล้วนั่งลง ในใจทั้งสนุกและกังวล การใช้เวทมนตร์ในขณะที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้ช่างตื่นเต้นเร้าใจเสียจริง ถ้าครั้งแรกไม่สามารถข่มขวัญเจ้าพวกบอสใหญ่นายโตเหล่านี้ได้ เกรงว่าถ้าต้องต่อสู้กันจริง ๆ ตัวเองคงลากใครสักคนไปตายด้วยได้แน่ ๆ เรื่องแบบนี้อันตรายเกินไป ต่อไปคงต้องทำให้น้อยลงหน่อยจะดีกว่า