ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 25 การพบกันครั้งแรกกับหลี่เตาปา
บทที่ 25 การพบกันครั้งแรกกับหลี่เตาปา
บทที่ 25 การพบกันครั้งแรกกับหลี่เตาปา
เมื่อลงมาจากชั้นแปด หนิวลี่ก็รู้สึกสบายตัวและกระปรี้กระเปร่าขึ้น ที่แท้การแสร้งทำเป็นยอดฝีมือนั้นเป็นเรื่องที่ดีแบบนี้เอง และเมื่อเห็นสีหน้าที่เคารพยำเกรงของคนอื่น ก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนสูงส่งไปแล้ว!
หนิวลี่กลับมาที่ชั้นเจ็ดอีกครั้งด้วยอารมณ์ร่าเริง แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาเล่นพนันแล้ว ถึงแม้จะเพิ่งเล่นไปไม่กี่ตา แต่ก็ได้ผลตอบแทนมามากมาย หนิวลี่ลงมาชั้นล่างโดยไม่ลืมจุดประสงค์เดิมของตน นั่นคือการหาเงินเลี้ยงดูเอลฟ์น้อย
หนิวลี่หยิบเหรียญสีม่วงกองใหญ่และบัตรธนาคารใบหนึ่งวางไว้บนเคาน์เตอร์แลกเงิน แล้วพูดอย่างห้าวหาญ “ช่วยแลกเป็นเงินแล้วฝากเข้าบัญชีให้ฉันที”
ตอนแรกพนักงานสาวที่เคาน์เตอร์ไม่ได้สนใจหนิวลี่เลย แต่พอเห็นเหรียญสีม่วงจำนวนมากขนาดนี้ก็ตกตะลึง จึงพบว่าตัวเองมองผิดไป ที่แท้หนุ่มที่แต่งตัวไม่ค่อยมีรสนิยมคนนี้กลับรวยขนาดนี้เชียว!!
เธอรีบเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่น่าหลงใหล ขณะที่กำลังนับจำนวนเหรียญสีม่วง ก็ส่งสายตาหวานให้หนิวลี่ หวังว่าจะได้รับความสนใจจากหนุ่มน้อยผู้ใจกว้างคนนี้
แต่หนิวลี่กลับไม่สนใจสาวสวยผู้คลั่งไคล้คนนี้เลย สาวสวยตรงหน้าจึงจำใจต้องรีบนับชิปสีม่วง หลังจากนั้นไม่นาน การนับชิปสีม่วงก็เสร็จสิ้น สาวน้อยมองตัวเลขมหาศาลนั้น อดไม่ได้ที่จะส่งสายตายั่วยวนที่มีพลังทำลายล้างสูงให้หนิวลี่อีกครั้ง พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อด้านหน้าออกสองเม็ด เผยให้เห็นอกขาวเนียนอวบอิ่ม
หนิวลี่ยังคงไม่สนใจ สายตามองแต่ชิปสีม่วง 1,758,500! นี่คือจำนวนชิปที่นับได้
‘โอ้โฮ แค่เล่นพนันเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น กลับได้เงินมาขนาดนี้’ ถึงแม้หนิวลี่จะไม่เหมือนคนธรรมดาแล้ว แต่ก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างมาก
‘รวยแล้วโว้ยยย!’
“ฝากเข้าบัญชีให้ฉันด้วย นี่ถือว่าเป็นทิปนะ” หนิวลี่หยิบชิปห้าพันจากกองชิปสีม่วงให้สาวสวยผู้คลั่งไคล้ พูดอย่างร่าเริง
“ขอบคุณคุณผู้ชายมากค่ะ” สาวน้อยแม้จะผิดหวังที่ล่อลวงไม่สำเร็จ แต่ได้ค่าตอบแทนห้าพันก็ถือว่าไม่เลวนัก เธอยิ้มขอบคุณ แล้วก็เริ่มโอนเงินอย่างคล่องแคล่ว
เขารับบัตรที่พนักงานสาวส่งมาให้ ก็เดินโซเซไปชั้นล่างสุด
วัตถุประสงค์ที่มาที่นี่บรรลุแล้ว ทั้งยังได้ผูกสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวกับสาวสวยด้วย ถือว่าสมบูรณ์แบบ ตอนนี้ก็แค่ขาดการสั่งสอนเล็กน้อยให้กับฉางเหมาและพี่หัวไก่ที่พาเขามาที่นี่
‘อยากทำลายชีวิตฉันอย่างโหดร้าย งั้นพี่ชายก็ไม่พูดมาก ตอบแทนเท่าที่ได้รับก็พอ’
หนิวลี่ลูบขวดยาเม็ดเล็ก ๆ ในกระเป๋า ยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ‘ฉางเหมาหนอฉางเหมา พี่ชายหัวไก่ที่แสนดีเอ๋ย ครั้งนี้ฉันจะทำให้พวกนายกลายเป็นชายหย่อนสมรรถภาพ’
เมื่อลงจากลิฟต์มาถึงชั้นสาม หนิวลี่ก็เริ่มแผ่ขยายพลังจิต ค้นหาตำแหน่งของฉางเหมาและพี่หัวไก่ เอลฟ์น้อยกำลังพักผ่อนเนื่องจากใช้พลังมากเกินไป ดังนั้นการกระทำต่อไปก็ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น
ตอนนี้คาดว่าคงเป็นเวลาสามทุ่มกว่า ๆ แล้ว ชั้นสามของเยี่ยเยี่ยหลายเริ่มคึกคักขึ้น ห้องที่หนิวลี่เห็นแสงสลัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็สว่างไสวขึ้น ได้ยินเสียงหวานครวญครางดังมาเป็นระยะ
หนิวลี่ถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์แล้ว จะไม่เข้าใจได้ยังไง แม้กระทั่งเสียงยั่วยวนเหล่านั้นยังทำให้หนิวลี่ ที่เพิ่งผ่านศึกครั้งแรกอยากลุกขึ้นมาอีกครั้ง
‘ก็ฉันเป็นหนุ่มไฟแรงนี่นา พลังเต็มเปี่ยม’
หนิวลี่ข่มความคิดลามกในใจอย่างฝืดฝืน เดินตามทางเดินไปยังห้องต้อนรับ ยังไม่ทันถึง ก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้น
เป็นเสียงของพี่หัวไก่ ไอ้หมอนี่รูปร่างผอมบาง แต่ทำไมเสียงถึงได้แสบแก้วหูแบบนี้ ตอนนี้พี่หัวไก่กำลังดุด่าสาวน้อยสองคนด้วยภาษาจีนกลางปะปนกับภาษาถิ่น ทำให้หนิวลี่ฟังแล้วงงงวย
หนิวลี่แอบเข้าใกล้ ใช้พลังจิตแอบฟังพี่หัวไก่ รู้สึกว่าไอ้หมอนี่ดูเหมือนจะโกรธไม่น้อยเลย และจากที่ได้ยินเป็นคำ ๆ ก็ได้ข้อมูลที่ทำให้หนิวลี่ประหลาดใจ
‘สองสาวที่ถูกพี่หัวไก่ดุด่ากลับเป็นคนที่อยู่กับหลี่เตาปา แต่ดูเหมือนจะทำอะไรบางอย่างที่ทำให้หลี่เตาปาไม่พอใจ เลยถูกพี่หัวไก่พามาที่นี่เพื่อดุด่าอย่างหนัก’
หนิวลี่ไม่สนใจการดุด่าของพี่หัวไก่ แต่สนใจหลี่เตาปา เจ้าพ่อวงการใต้ดินที่ฮอตที่สุดในเมืองเอชตอนนี้ ที่สำคัญกว่านั้นคือชายคนนั้นเป็นพี่ชายของหลี่เหมิงเหมิง สาวน้อยจอมเย่อหยิ่งที่มักจะรังแกเขาเป็นประจำ
หนิวลี่อยากจะรู้จักกับเจ้าพ่อมาเฟียคนนี้มากว่าเขาจะมีสามหัวหกแขนจริง ๆ หรือเปล่า
หนิวลี่แอบฟังต่อไปเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร พี่หัวไก่สั่งสอนอยู่ครึ่งวันจนเหมือนจะเจ็บคอจนทนไม่ไหวแล้ว ในที่สุดก็หยุดการต่อว่าอย่างรุนแรง สั่งอย่างไม่พอใจสองสามประโยค แล้วปล่อยให้สองสาวที่หน้าซีดเผือดออกไป
หลังจากนั้นพี่หัวไก่ก็หยิบขวดชาแดงแช่เย็นที่พนักงานยื่นให้ที่เคาน์เตอร์ ดื่มรวดเดียวหลายอึก แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่พี่หัวไก่เหมือนจะนึกอะไรออก หันตัวเดินไปอีกทางอย่างรีบร้อน
หนิวลี่สีเปลี่ยน แอบตามไปข้างหลังอย่างเงียบ ๆ
หลังจากเลี้ยวไปหลายโค้ง ในที่สุดพี่หัวไก่ก็หยุดลงที่ทางเดินซึ่งตกแต่งหรูหราพอสมควร เขาเคาะประตูห้องเบา ๆ แล้วพูดว่า “พี่หลี่เตาปา นายน้อยถังชิวโดนนายใหญ๋ใหญ่เรียกตัวไป อาจจะมาไม่ได้แล้ว”
“งั้นก็ช่างมันเถอะ นายลงไปข้างล่างได้แล้ว อย่าให้ใครมารบกวนล่ะ” เสียงหนักแน่นและลึกลับดังมาจากในห้อง
หนิวลี่ที่ใช้พลังจิตอยู่ตลอดรู้สึกได้ทันทีว่านี่คือเสียงของหลี่เตาปา เสียงนั้นเหมือนเสียงที่เขาได้ยินผ่านโทรศัพท์มือถือตอนที่พี่หู่คุยกับหลี่เตาปาตอนเขาถูกจับไปเป็นตัวประกันทุกประการ
พี่หัวไก่ไม่กล้าอยู่หน้าประตูนาน รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้หนิวลี่เจออะไรที่สนุกกว่า เลยต้องปล่อยตัวประกอบตัวนี้ไปก่อน
หนิวลี่หาที่ซ่อนตัวดี ๆ มุมหนึ่ง แผ่พลังจิตออกไปให้ได้มากที่สุด สำรวจทุกการเคลื่อนไหวในห้องหรูหรานั้น
ตอนที่พลังจิตแทรกซึมเข้าไปในห้อง สมองของหนิวลี่ก็ปรากฏร่างของคนสามคนขึ้นมาทันที
คนหนึ่งมีแผลเป็นที่ใบหน้า อายุยี่สิบกว่าปี ดูเคร่งขรึมเกินวัย นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวหนึ่ง ข้างหลังมีชายหนุ่มอีกคนที่สีหน้าไร้อารมณ์เช่นกันยืนอยู่
ส่วนคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวทำให้หนิวลี่แปลกใจไม่น้อย ‘นั่นมันพี่หู่นี่นา!’
สองคนนี้ตอนเที่ยงยังเผชิญหน้ากันอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงได้มานั่งด้วยกันแล้วล่ะ?
“พี่หู่ ผมกับพี่ก็รู้จักกันมาไม่ใช่ระยะเวลาสั้น ๆ แล้ว ตอนนั้นผมก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากพี่ถึงสองครั้ง ถึงได้มีวันนี้ได้ พูดตามตรงนะ พี่เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของผมเลย” หลี่เตาปาพูดอย่างจริงใจ
พี่หู่ไม่สะทกสะท้าน เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ มองหลี่เตาปาด้วยสายตาเรียบเฉย
“ฮึ ๆ ตอนแรกคิดจะให้ถังชิวมาเป็นตัวกลาง ดูท่าจะไม่ได้แล้ว วันนี้พี่หู่ยอมมาคนเดียว ผม หลี่เตาปา ก็จะไม่พูดมาก เรื่องของเจียงเจิ้นหนานไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยสักนิด ผมหาหลักฐานบางอย่างเจอแล้ว แต่กลัวว่าพี่หู่จะไม่เชื่อ” หลี่เตาปาเริ่มอธิบาย
“หลักฐาน?” ในที่สุดสีหน้าของพี่หู่ก็เริ่มเผยอารมณ์บางอย่าง มีแววเยาะเย้ยวูบผ่านในดวงตา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่หู่จะไม่เชื่อ แต่ผมอยากจะพูดแค่ประโยคเดียว ในหลักฐานที่ผมค้นเจอ มีหลายข้อที่ชี้ว่าเรื่องนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับพวกยากูซ่าญี่ปุ่น แต่รายละเอียดภายในตอนนี้ผมยังไม่ได้ข้อมูลมา ถ้าพี่หู่เชื่อผม ภายในสามวันผมจะต้องให้คำตอบกับพี่ให้ได้” หลี่เตาปาดูไม่น่าเป็นเจ้าพ่อมาเฟียหน้าใหม่เลย คำพูดและน้ำเสียงของเขาดูมีความน่าเชื่อถือ มั่นใจ เด็ดขาด
พี่หู่ยังคงไม่พูดอะไร เพียงแค่ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงพนักโซฟา สายตาเหลือบมองโคมไฟเพดาน เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
หลี่เตาปาไม่พูดอะไรแล้ว ตอนนี้พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ มองดูท่าทีของพี่หู่หลังจากนี้
“อืดดด~ อืดดด~”
เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นดังขึ้น
หลี่เตาปาขมวดคิ้ว สายตาเคร่งขรึมจ้องมองชายหนุ่มด้านหลัง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ตื่นตระหนก หยิบโทรศัพท์มือถือออกมารับสาย
ครู่หนึ่งเขาก็วางโทรศัพท์ลง ก้มกระซิบที่หูของหลี่เตาปาเบา ๆ ทันใดนั้น หลี่เตาปาก็ลุกพรวดขึ้นยืน ใบหน้าเคร่งเครียด
พี่หู่ถูกท่าทางทั้งหมดของหลี่เตาปาดึงดูดให้หันมามอง ความสงสัยแวบผ่านในดวงตา ‘เรื่องอะไรกันถึงทำให้หลี่เตาปาผู้ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความนิ่งเฉยตกใจขนาดนี้’
หลี่เตาปากะพริบตาไปมาสองสามที แต่สุดท้ายก็ยิ้มแห้ง ๆ พูดขึ้นว่า “พี่หู่ เกิดเรื่องแล้ว เฉินเถี่ยเยา ลูกน้องของคุณ ตายอยู่ในร้านขายของเก่าย่านใต้ของเมือง แถมตายแบบประหลาดมาก ๆ ด้วย”
“เถี่ยเยาตายแล้ว!” คราวนี้พี่หู่หน้าซีดเผือด ลุกพรวดขึ้นยืนจ้องมองไปที่หลี่เตาปาด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม