ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 14 คุณหนูหลงและการต่อสู้กับจิตใจตัวเองของหนิวลี่
บทที่ 14 คุณหนูหลงและการต่อสู้กับจิตใจตัวเองของหนิวลี่
บทที่ 14 คุณหนูหลงและการต่อสู้กับจิตใจตัวเองของหนิวลี่
“เกิดอะไรขึ้น เตียวเสี้ยน?” หนิวลี่ รีบถาม
เจ้าเอลฟ์น้อยมองไปที่ประตูทางเข้าด้วยความงุนงง แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า [พี่ชาย เมื่อกี้มีคนสัมผัสถึงเตียวเสี้ยนได้]
“อะไรนะ มีคนสัมผัสถึงเธอได้ เกิดอะไรขึ้น?” หนิวลี่ตกใจ หรือว่าบนโลกใบนี้นอกจากตัวเขาและเจ้าเอลฟ์น้อยแล้ว ยังมีคนอื่นที่ใช้เวทมนตร์และพลังจิตได้อีก
[ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกแปลก ๆ คนคนนั้นพลังจิตไม่สามารถออกจากร่างกายได้ แต่สายตาของเขาน่ากลัวมาก พอพลังจิตของเตียวเสี้ยนเข้าใกล้ เขาก็สัมผัสถึงเตียวเสี้ยนได้ทันที] เจ้าเอลฟ์น้อยดูตกใจกลัว
“อย่างนั้นเหรอ?” หนิวลี่มีสีหน้าหม่นลง ดูเหมือนสถานที่แห่งนี้จะไม่ธรรมดาเลย ถึงขนาดมีผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแบบไหน ตัวเขาเองพึ่งพาเวทมนตร์ ไม่รู้ว่าจะยังสามารถทำอะไรได้อีกไหม
หลังจากรออีกหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้น่าจะประมาณสองทุ่มกว่า ๆ แล้ว ปกติช่วงเวลานี้ ผับ บาร์ คาราโอเกะ จะคึกคักมาก
หนิวลี่อยู่ในห้อง ได้ยินเสียงเดินไปมาอย่างถี่ยิบจากทางเดินด้านนอก
ระหว่างนั้น มีพนักงานบริการมาพาเพื่อนอีกสองคนที่อยู่ห้องติดกับหนิวลี่ออกไป ดูจากสีหน้าของพวกเขา คาดว่าคงจะได้เสพสุขแล้ว
เหลือแค่หนิวลี่คนเดียว เขาเริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมาบ้าง
ทันใดนั้นเจ้าเอลฟ์น้อยก็ส่งข้อความมาบอก ทำให้หนิวลี่เริ่มกระวนกระวาย ที่แท้ก็เป็นชายร่างผอม พี่หัวไก่คนนั้นมานี่เอง
ละครดี ๆ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ?
แน่นอน ทันทีที่พี่หัวไก่เปิดประตูห้องเข้ามา เขาก็พูดกับหนิวลี่ด้วยใบหน้าตื่นเต้นว่า “หนุ่มน้อย ถึงตาเอ็งแล้ว”
หนิวลี่หัวเราะเยาะในใจ แต่เสแสร้งแสดงสีหน้ายินดีออกมา “เอ่อ ไปตอนนี้เลยเหรอ?”
“แน่นอน พี่หัวไก่จะเอาเปรียบเอ็งได้ยังไง เอ้า! เอายานี่ไปกิน ตอนสำคัญกินเม็ดเดียวรับรองว่าโด่ไม่ล้มทั้งคืน สิบครั้งยังไหว” หัวไก่ยิ้มแป้นส่งขวดยาเล็ก ๆ สีขาวให้หนิวลี่
หนิวลี่รับมาเปิดดู ข้างในมีเพียงยาเม็ดสีแดงเม็ดเดียว เข้าใจว่านี่คือยาเพิ่มพลังในตำนาน ดูจากสีหน้ามั่นใจของพี่หัวไก่ คาดว่าคงเป็นยาที่มีฤทธิ์แรงด้วย ‘โว้ย! คืนนี้สิบรอบ คงไม่ทำจนของสงวนฉันหักหรอกนะ!’
หนิวลี่วางขวดเล็กใส่ในกระเป๋าโดยไม่แสดงอาการใด ๆ พยักหน้ารับเบา ๆ
พี่หัวไก่พาหนิวลี่ออกจากห้อง ขึ้นลิฟต์ไปชั้นหก
ชั้นนี้ดูเงียบสงบมาก แม้แต่พนักงานที่เจอระหว่างทางก็ดูเรียบร้อย จนทำให้หนิวลี่แปลกใจไม่น้อย
เลี้ยวไปเลี้ยวมา ก็มาถึงหน้าห้องหรูหราห้องหนึ่ง
พี่หัวไก่เคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง จากนั้นก็มีเสียงทุ้มดังออกมาจากในห้อง “เข้ามา”
พี่หัวไก่เปิดประตู ท่าทางนอบน้อมมาก ค้อมตัวเดินเข้าไป ยิ้มและพยักหน้าอย่างประจบประแจงให้ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หลังประตู
ชายคนนั้นไม่ได้มองพี่หัวไก่ แต่มองไปที่หนิวลี่ เห็นปราดเดียวก็แสดงสีหน้าพอใจ
หนิวลี่เดินตามเข้าไป ยังไม่ทันจะตกใจกับความหรูหราของห้อง ก็ต้องตื่นตะลึงกับหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกเสียก่อน!
เธอนอนเอกเขนกบนโซฟา เหมือนแมวเปอร์เซีย ใบหน้าสวยเลิศราวคลื่นใต้น้ำ นิ่งสงบจนผู้ชายกล้าเพียงแอบมองจากไกล ๆ ดวงตาคู่นั้นเหมือนนกกระเรียนแดง กะพริบเป็นจังหวะราวบ่อน้ำลึกไม่เห็นก้น สะกดจิตใจผู้คน ขนตางอนเหมือนตัวนำกระแสไฟฟ้า ส่งจังหวะการเต้นที่เป็นระเบียบไปยังหัวใจของผู้ชายทุกคนที่มองมา
อกผาย เอวบาง ขายาวเรียวงามยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะใต้แสงไฟสีขาวนวล ส่งกลิ่นอายเย้ายวนไร้ขีดจำกัด
นี่คือสาวสวย สวยล่มบ้านล่มเมือง!
ในห้องตอนนี้ นอกจากสาวสวยปีศาจคนนี้แล้ว ยังมีผู้ชายอีกสี่คน บอดีการ์ดสวมสูทใส่แว่นตาดำสอง ชายวัยกลางคนหนึ่ง และ… พี่หัวไก่
นอกจากบอดีการ์ดเย็นชาสองคนที่ไม่แสดงอาการใด ๆ แล้ว ชายวัยกลางคนกลับแอบมองหญิงสาวอยู่เรื่อย สายตาซ่อนความหื่นกระหายไม่มิด ผสมปนเปกับความหวาดกลัวและหวั่นเกรงเล็กน้อย
พอหนิวลี่เดินเข้าห้องมา พี่หัวไก่จึงยิ้มประจบประแจงแล้วพูดว่า “คุณหนูหลง หนุ่มน้อยคนนี้ถูกใจคุณไหมครับ”
สาวงามที่ดูเกียจคร้านหันมามองหนิวลี่ด้วยสายตาเฉื่อยชา
พูดกันตามตรง นอกจากรูปร่างที่ดูแข็งแรงเกินวัยของหนิวลี่แล้ว ใบหน้าของเขาก็หล่อเหลาในแบบผู้ชายแท้ ๆ ไม่เหมือนหนุ่มหน้าขาวทั่วไป แต่เป็นความหล่อแบบชายชาตรี ซึ่งสาว ๆ วัยรุ่นอาจไม่ค่อยสนใจ แต่ผู้หญิงวัยกลางคนกลับชอบมาก
หลังจากพิจารณาดูแล้ว ดูเหมือนสาวงามจะพอใจ เธอพยักหน้ายิ้มและพูดว่า “ก็เขาคนนี้แหละ”
“เอ่อ ในเมื่อคุณหนูหลงชอบแล้ว พวกเราก็จะไม่รบกวน ถ้ามีอะไรก็กดปุ่มสีแดงบนโต๊ะ พวกเราจะรีบมาแก้ปัญหาให้คุณหนูอย่างเร็วที่สุด”
ชายวัยกลางคนพูดอย่างรวดเร็ว ตาก็แอบกวาดมองร่างของคุณหนูอย่างตะกละตะกลาม “อืม งั้นพวกนายออกไปได้แล้ว” คุณหนูดูเหมือนจะเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา พูดเสียงเรียบ
บอดีการ์ดแว่นดำเดินออกไปก่อนโดยไม่มีข้อสงสัย ชายวัยกลางคนและพี่หัวไก่ก็ยิ้มและโค้งคำนับก่อนเดินออกไป
ระหว่างนั้น ชายวัยกลางคนหันมามองหนิวลี่ด้วยสายตาอำมหิตอิจฉา
หนิวลี่ จดจำใบหน้าของชายคนนี้ไว้ทันที และขึ้นบัญชีดำในใจ
ทุกคนออกไปแล้ว ประตูก็ถูกปิดลง หนิวลี่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เดิมที หนิวลี่คิดว่าถ้าพี่หัวไก่ส่งตัวเขาให้สาวเฒ่า ก็จะพูดจาหว่านล้อมแล้วมอมเหล้า จากนั้นใช้เวทมนตร์กระตุ้นจิตใจเล็กน้อยก็น่าจะทำให้คนแก่หลับไป โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเสียตัว
แต่สถานการณ์มักจะคาดไม่ถึงเสมอ คนที่พี่หัวไก่พามาเจอ นอกจากจะไม่ใช่คนแก่แล้ว ยังเป็นสาวสวยมากอีกด้วย
เผชิญกับการทดสอบอันยากลำบากเช่นนี้ หนิวลี่ก็รู้สึกสับสนในใจ ‘ควรจะยอมจำนนหรือขัดขืนกันแน่?’
“เข้ามานี่สิ” คุณหนูลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้าน มองมาที่หนิวลี่ด้วยสายตายั่วยวน
หนิวลี่ผู้กำลังต่อสู้กับใจตัวเอง ส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง จึงก้มหน้าลงอย่างเร่าร้อน
“ฮิ ๆ น่ารักจริง” คุณหนูหลงหยุดชะงัก ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะเบา ๆ
หนิวลี่ขบกรามแน่น ยังไงวันนี้ก็มาเอาเปรียบอยู่แล้ว จะกลัวอะไรกัน ขอดูก่อนว่าผู้หญิงคนนี้มีตำแหน่งอะไรกันแน่
หนิวลี่ก้าวเดินเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ เธอ
คุณหนูหลงประหลาดใจกับการกระทำของหนิวลี่ จากนั้นก็พบว่า ถึงแม้หนิวลี่จะดูเหมือนทำตัวสบาย ๆ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขากลับแดงเหมือนก้นลิง
“ฮ่า ๆๆ นายนี่ตลกจริง ๆ” คุณหนูหลงหัวเราะจนตัวสั่น อาวุธร้ายสองลูกบนหน้าอกพลันกระเพื่อมขึ้นลง ดึงดูดสายตาของหนิวลี่ให้มองไปที่นั่นอย่างห้ามไม่อยู่
‘ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ อาวุธร้ายอะไรก็เป็นแค่เมฆลอย เมฆลอย’
ในใจท่องมนต์ แต่หัวใจกลับอดเต้นแรงไม่ได้ ใบหน้ายิ่งร้อนผ่าว หนิวลี่รีบหันหน้าหนี คิดในใจว่าน่าอายจริง ๆ ตัวเองยังเป็นมือใหม่อ่อนหัดอยู่เลย
“ฮิ ๆ นึกว่าเป็นมือเก๋าที่ช่ำชองซะอีก ดูเหมือนพี่สาวต้องสอนนายก่อนว่าจะเป็นผู้ชายเต็มตัวยังไง” ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ามาที่ข้างหู กระซิบด้วยเสียงยั่วยวนอย่างแผ่วเบา
หนิวลี่เกือบจะกระโดดขึ้นหลังจากกระตุ้นด้วยลมหายใจ ฝืนใจหันกลับมามองสาวงามเลิศล้ำที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม โดยเฉพาะริมฝีปากเล็ก ๆ ที่เปล่งประกายวาววับนั่น ช่างยั่วยุให้คนทำผิดจริง ๆ
หนิวลี่ขบลิ้นเบา ๆ พูดตะกุกตะกัก “เอ่อ… เอ่อ… ร้อนจังเนอะ”
“ฮิ ๆ ร้อนก็ถอดสิ ถอดออกก็ไม่ร้อนแล้ว” ดวงตาคุณหนูหลงฉายแววยียวนขี้เล่น มือบางยกขึ้นยื่นมาที่อกของหนิวลี่
ตอนนั้นเอง หนิวลี่รู้สึกสั่นเทาไปทั้งตัว ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ พูดอย่างอึดอัด “เอ่อ… ยังไม่เอาดีกว่า ผมรู้สึกว่าตอนนี้เย็นสบายแล้ว”