ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] - ตอนที่ 54 ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นสาม เคล็ดวิชาทวิหยินหยาง
- Home
- ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌]
- ตอนที่ 54 ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นสาม เคล็ดวิชาทวิหยินหยาง
ตอนที่ 54 ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นสาม เคล็ดวิชาทวิหยินหยาง (รีไรท์)
ตู้ม!
บังเกิดสุ้มเสียงดังขึ้นในร่างกายของหนิงฝาน ในที่สุดเขาก็เลื่อนเข้าสู่สวรรค์ขั้นสามของปราชญ์ยุทธ์แล้ว!
ในเวลานี้เพิ่งจะผ่านไปเพียงเก้าเดือนเท่านั้น นับตั้งแต่เขาเข้ามาเยือนเมืองแห่งเทพขนนก
ชายหนุ่มทะลวงผ่านสองระดับติดต่อกันภายในเก้าเดือน หากผู้อื่นรู้ถึงความเร็วนี้ ไม่แคล้วว่าขากรรไกรของผู้คนเหล่านั้นคงอ้าค้างจนหุบไม่ลงเป็นแน่แท้
อย่างที่รู้กันว่า สำหรับปราชญ์ยุทธ์แล้ว หากคิดจะทะลวงผ่านสักระดับจำต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามปีหรืออาจเป็นสิบปี และบางครั้งก็อาจจะนานกว่านั้นหลายร้อยปี จึงเป็นที่แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดสามารถทะลวงได้เช่นเดียวกับหนิงฝาน
นี่นับว่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!
ทว่าหนิงฝานรู้ดีว่าสวรรค์ขั้นเก้าของปราชญ์ยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ละระดับนั้นจะยากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งระดับสูงขึ้น ความยากก็ยิ่งมากขึ้น และความเร็วในอนาคตก็อาจจะช้าลง!
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่คิดรีบร้อน อย่างไรแล้ววิถีอุบัติภายในเมืองแห่งเทพขนนกนั้นมีมากมาย โดยเฉพาะภายในตำหนักเทพขนนกแห่งนี้ที่มีวิถีอุบัติไม่น้อยกว่าหนึ่งโหลให้ลงชื่อเข้าใช้แล้ว
หากเขาใช้เวลาต่อไปเช่นนี้ การได้เป็นอมตะคงไม่ไกลเกินเอื้อม!
“หนิงฝาน ข้ามีข่าวดีมาบอกเจ้าแล้ว!”
หลัวชิงเซียนที่เพิ่งกลับมาจากด้านนอก พลันเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ครั้นเห็นนางยิ้มแล้ว หนิงฝานจึงยิ้มอ่อนโยนให้นาง “ภรรยาข้า มันคงจะเป็นข่าวดีจริง ๆ เจ้าถึงได้ยิ้มกว้างเพียงนี้”
หลัวชิงเซียนรีบพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “หนิงฝาน เจ้าจดจำหอค้นคว้าลี้ลับได้หรือไม่? ข้าขอให้พวกเขาศึกษาวิธีทำลายคำสาปอมตะให้เจ้าในงานเลี้ยง เพียงผ่านไปครึ่งปี พวกเขาก็มอบยาทำลายคำสาปนั้นให้แก่ข้า โดยบอกว่ามันสามารถถอนคำสาปอมตะในร่างกายของเจ้าได้”
หลังจากกล่าวจบแล้ว นางก็หยิบเม็ดยาเปล่งประกายแสงสีสดใสออกมา
“ยาสลายคำสาป?”
หนิงฝานเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา แต่เขาทราบดีว่านี่คือความสุขของหลัวชิงเซียน จึงแสร้งรับมันมาอย่างยินดี
“รีบรับมันไปเร็ว!” หลัวชิงเซียนว่า ก่อนจะส่งยาสลายคำสาปให้เขา
“ลำบากเจ้าแล้ว!”
หนิงฝานพยักหน้า จากนั้นก็รับเม็ดยาพร้อมกับกลืนมันลงไป
ตู้ม!
ทันทีที่เม็ดยาสลายคำสาปเข้าสู่ร่างกาย มันก็กลายเป็นพลังวิญญาณฟ้าดินไหลเวียนไปตามแขนขาและกระดูก ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใด รากสีทองบางส่วนที่เพิ่งเกิดขึ้นในร่างกายพลันสลายหายไปราวกับมีน้ำอุ่นมาชะโลมล้างหิมะที่ติดแน่น
“โอ้ มันสามารถทำลายคำสาปได้จริงหรือ?”
หนิงฝานรู้สึกประหลาดใจ
เพราะตอนนี้คำสาปอมตะกลายเป็นวิธีฝึกฝนที่สำคัญมากสำหรับเขา เหตุผลที่เขาสามารถทะลวงเข้าสู่สวรรค์ขั้นสามของขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว ก็เป็นเพราะฝึกฝนคำสาปอมตะในร่างกายและจิตวิญญาณ
แน่นอนว่าเขาไม่เต็มใจที่จะถอนคำสาปอมตะออกไป
ทว่าในไม่ช้าหนิงฝานก็โล่งใจ เขาตระหนักได้ว่ายาสลายคำสาปทำลายคำสาปได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และมันไม่กระทบต่อต้นกำเนิดของคำสาปอมตะที่ฝังลึกอยู่ในสายโลหิต
นี่คือยารักษาเฉพาะอาการ มิใช่ที่ต้นเหตุ!
แต่ในแง่ของประสิทธิภาพแล้ว มันไม่อาจเทียบได้เท่ากับร่างเซียนกระบี่บรรพกาล!
“หนิงฝาน เป็นอย่างไรบ้าง?”
เวลานี้หลัวชิงเซียนกล่าวถามด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หนิงฝานส่ายศีรษะเบา ๆ ราวกับบอกกล่าวว่าไม่ได้
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร!” เมื่อเห็นเขามีท่าทีเช่นนั้น หลัวชิงเซียนพลันเผยสีหน้าผิดหวังออกมาในทันที
ความหวังยิ่งใหญ่ที่สุดของนางคือการค้นหาวิธีถอนคำสาปจากหอค้นคว้าลี้ลับ แม้แต่ตอนนี้ยาที่ถูกสร้างขึ้นโดยหอค้นคว้าลี้ลับก็ยังไม่ได้ผล
มันกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!
เมื่อเห็นว่าหลัวชิงเซียนสิ้นหวัง หนิงฝานก็ไม่อดรนทนต่อไป เขากล่าวอย่างจริงจังว่า “ภรรยาข้า เจ้าไม่ต้องค้นหาวิธีสลายคำสาปให้ข้าแล้ว คำสาปนี้ข้าสามารถต้านทานมันได้ อีกอย่างเจ้าไม่สังเกตหรือว่าวันเวลาผ่านมากว่าสองปีแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยร่วงหล่นจากขอบเขตปราชญ์ยุทธ์เลย!”
ขณะกล่าวเช่นนั้น หนิงฝานก็เผยออร่าสวรรค์ขั้นแรกของขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ออกมาด้วย
“เรื่องนี้…”
เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าของปราชญ์ยุทธ์ที่พลุ่งพล่านและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งของชายหนุ่ม ใบหน้างดงามของหลัวชิงเซียนถึงกับตื่นตระหนกไปในบัดดล
เพราะในช่วงสองปีที่ผ่านมา นางค้นหาวิธีทำลายคำสาปและได้อ่านตำรามากมายนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับคำสาปอมตะ ด้วยเหตุนี้ นางคิดว่าตนเองนั้นรู้จักคำสาปอมตะเป็นอย่างดี
ตามคัมภีร์โบราณบอกกล่าวไว้ว่า ภายในสองปี ไม่ว่าขอบเขตวิทยายุทธ์ของหนิงฝานจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาจะต้องร่วงหล่นสู่ขอบเขตเบื้องล่างอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ทว่าตอนนี้… หนิงฝานกลับไม่แสดงถึงความอ่อนแอใดออกมาเลย!
หรือคำสาปอมตะจะทำงานผิดพลาด?
หลัวชิงเซียนคาดเดาว่ามันควรจะเป็นเช่นนั้น
แต่หลังจากนั้น นางยังคงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “หนิงฝาน แม้ว่าเจ้าจะไม่เคยหล่นจากขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ แต่คำสาปอมตะยังคงเป็นอันตรายต่อร่างกายอยู่ดี มันไม่มีประโยชน์อันใดเลย แล้วเช่นนี้มันจะส่งเสริมการฝึกฝนของเจ้าได้อย่างไร!”
“ข้าขอยืนกรานว่าจะหาวิธีถอนคำสาปให้เจ้าต่อไป หากเจ้าไม่สามารถแก้ไขคำสาปได้ ข้าก็ไม่อาจวางใจได้เช่นกัน”
หลังจากหลัวชิงเซียนกล่าวจบ นางก็หันหลังและต้องการออกจากตำหนักองค์หญิงอีกครั้ง
ทว่าคราวนี้ หนิงฝานไม่ยินยอมให้เป็นเช่นนั้น เขาปรี่เข้าหานางและกอดร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หา “ภรรยาผู้โง่เขลาของข้า เจ้าจะหาวิธีแก้คำสาปไปให้เหนื่อยทำไม เพราะเจ้านั่นแหละคือหนทางแก้คำสาปของข้า”
“หนิงฝาน นี่ยังกลางวันอยู่…”
เมื่อเห็นความปรารถนาในแววตาของหนิงฝาน ใบหน้าของหลัวชิงเซียนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ที่รักของข้า ความจริงแล้วข้าค้นพบวิธีทำลายคำสาปอมตะเมื่อไม่นานมานี้ แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับมัน…”
“หือ? วิธีใดเล่า? ตราบใดที่สามารถถอนคำสาปอมตะในร่างกายเจ้าได้ ข้าย่อมเห็นด้วยทั้งนั้น!” หลัวชิงเซียนกล่าวถามด้วยความตื่นเต้น
“การบำเพ็ญคู่!” หนิงฝานกล่าว
“การบำเพ็ญคู่?” หลัวชิงเซียนตกตะลึง จากนั้นใบหน้าของนางก็ยิ่งแดงก่ำมากขึ้น
“ใช่ การบำเพ็ญคู่นี้ไม่เพียงแต่ทำให้เจ้าและข้าพัฒนาไปพร้อมกัน ทว่ามันยังสร้างหยินหยางลึกลับไร้ที่ใดเปรียบขึ้นระหว่างการบำเพ็ญคู่นี้ แล้วพลังทวิหยินหยางนี้ก็จะค่อย ๆ ทำลายคำสาปอมตะไปทีละน้อย!”
หลังจากหนิงฝานกล่าวคำจบแล้ว เขาก็ใช้นิ้วกดระหว่างคิ้วของหลัวชิงเซียนอย่างเบามือ และส่งเคล็ดวิชาทวิหยินหยางให้กับนาง
พรึ่บ!
ร่างบอบบางของหลัวชิงเซียนพลันแข็งทื่อ แล้วสิ่งต่าง ๆ ก็พรั่งพรูเข้าสู่หัวของนาง
ทันใดนั้น นางเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาทวิหยินหยางทันที ใบหน้าพิลาสล้ำเปี่ยมไปด้วยความยินดียิ่ง
จากวิธีการฝึกฝนทวิหยินหยางนี้ พวกเขาสามารถสร้างพลังหยินหยางลึกลับได้
ทวิหยินหยางไม่เพียงแต่จะเพิ่มขอบเขตการฝึกฝนของทั้งคู่ ทว่ายังให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ใจด้วย อาทิ ความอ่อนเยาว์ ความแข็งแกร่งทางกายภาพ และอื่น ๆ อีกมากนัก
ส่วนการสลายคำสาปอมตะ… มันไม่มีบันทึกเอาไว้
แต่การลองดูก็ไม่เสียหาย
“ภรรยา ที่ข้าพูดว่าเจ้าคือผู้ที่ถอนคำสาปนี้ได้ ข้าไม่ได้โกหกเจ้าหรอกนะ!”
หนิงฝานอมยิ้ม
ความจริงแล้ว ทวิหยินหยางที่เกิดจากการบำเพ็ญแบบคู่นี้สามารถถอนคำสาปอมตะได้อย่างแท้จริง แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงการรักษาอาการเท่านั้น ไม่ใช่การถอนรากถอนโคนที่ต้นเหตุ อีกทั้งผลลัพธ์ของมันก็ไม่อาจดีเทียบเท่ากับเม็ดยาสลายคำสาปก่อนหน้านี้ด้วย
ทว่าที่หนิงฝานกล่าวออกไปเช่นนี้ เพียงเพราะไม่ต้องการให้หลัวชิงเซียนวิ่งไปมาเพื่อค้นหาทางออกให้กับเขาอีก
ในระหว่างสองปีที่ผ่านมา เพื่อค้นหาวิธีการทำลายคำสาปอมตะ หลัวชิงเซียนแทบจะหยุดการฝึกฝนของตนเองไปโดยสิ้นเชิง
ในฐานะมังกรทั้งเก้าและหนึ่งหงส์แห่งราชวงศ์เทพขนนก ความสามารถของนางอาจกล่าวได้ว่าเป็นที่สุดในรุ่นแล้ว และอันที่จริงนางแข็งแกร่งกว่าหลินชิงอวี่เสียด้วยซ้ำ ทว่าขอบเขตปัจจุบันของนางอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้น
หากได้ใช้เคล็ดวิชาทวิหยินหยางนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถใช้พลังหยินหยางเพื่อชำระล้างพิษในทุกวัน แต่สิ่งนี้ยังช่วยหลัวชิงเซียนปรับปรุงขอบเขตการฝึกฝนของตนเองด้วย มันดีถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดเขาจะไม่ใช้วิธีนี้เล่า!
“เอ่อ… ตราบใดที่มันสามารถช่วยสามีถอนคำสาปได้… จะหนทางใดข้าก็ยินดีทั้งนั้น”
แล้วหลัวชิงเซียนก็เอ่ยตอบรับด้วยใบหน้าแดงก่ำ
แม้น้ำเสียงจะอู้อี้อยู่บ้าง แต่หนิงฝานกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน และนี่ก็ทำให้ใบหน้าของหนิงฝานเผยความตื่นเต้นยินดีออกมา
“งั้นก็เร็วเข้าเถิด!”
“ไปถอนคำสาปกัน! ถอนคำสาปเดี๋ยวนี้เลย!”