ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] - ตอนที่ 416 ซวินหวังซวีเทียน มิติไร้ขอบเขต!
ตอนที่ 416 ซวินหวังซวีเทียน มิติไร้ขอบเขต!
บึ้ม บึ้ม บึ้ม!
เสียงตูมตาม อสูรคำราม เสียงหอน เสียงกรีดร้อง และเสียงอีกมากมายดังก้องไปทั่ว ด่านที่สิบตกอยู่ในความโกลาหลถึงขีดสุด
โฮก!
ทางด้านหนิงฝานและคนอื่น ๆ นั้น มีอสูรร้ายกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเจ็ดสามหัวพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาแล้วเช่นกัน!
“ซวยแล้ว!”
“เร็วเข้า! รีบสกัดมันไว้!”
สีหน้าของกลุ่มคนที่นำโดยผู้พิทักษ์โบราณแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาต่างระเบิดฐานบ่มเพาะ ปลดปล่อยพลังเพื่อสกัดกั้นอสูรร้ายสามหัว!
ปัง! ปัง! ปัง!
ทว่าอสูรร้ายกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเจ็ดสามหัวนั้นดุร้ายมาก มันแทบจะทำลายพลังของทุกคนด้วยกรงเล็บในชั่วพริบตา!
เวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็ฆ่าฝูงคนในระยะใกล้ บารมีอันชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้ทุกคนแทบสิ้นหวังอยู่ร่อมร่อ!
“กระบี่ตี้ลั่ว!!”
ทว่าในตอนที่ทุกคนกำลังจะถูกอสูรร้ายสามหัวฉีกร่าง พลันมีเสียงตะโกนดังขึ้น เป็นหนิงฝานที่ตวัดกระบี่ของเขาออกไป
บึ้ม! ปัง!
ภายใต้กระบี่นี้ เจตจำนงที่แท้จริงของตี้ลั่วที่น่าสะพรึงกลัวและไร้ผู้ใดเทียบพลันปะทุขึ้นทันที ทวยเทพและปีศาจกรีดร้อง ปุถุชนหลั่งเลือด เพียงกระบี่เดียว ฟ้าดินและความว่างเปล่าทั้งหมดล้วนพังทลายแหลกลาญ!
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
ยามแสงกระบี่ตี้ลั่วปะทุขึ้น อสูรร้ายสามหัวกระเด็นออกไปจากจุดนั้น แล้วแขนขาของพวกมันก็ถูกเหวี่ยงออกไป โลหิตของอสูรชโลมหลั่ง เมื่อแสงกระบี่หายไป อสูรร้ายสามหัว หนึ่งในสามหัวตายตก ส่วนอีกสองหัวบาดเจ็บสาหัส!
เมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มคนที่นำโดยผู้พิทักษ์โบราณต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่ากระบี่ของหนิงฝานจะทรงพลังถึงเพียงนี้!
ทว่าหลังจากตกตะลึงครู่หนึ่ง พวกเขาก็เผชิญหน้ากับความสิ้นหวังที่ใหญ่ยิ่งกว่า!
โฮก! โฮก! โฮก!
เสียงอสูรคำรามดังกึกก้องอีกครั้ง แล้วอสูรร้ายอีกฝูงหนึ่งก็ก้าวออกมาจากกระแสน้ำวนลึกลับนั่น เป็นกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นแปดสามหัว กึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเจ็ดหลายสิบหัว!
ทันทีที่อสูรร้ายฝูงนี้ออกมา พวกมันต่างพุ่งเข้ามาสังหารหนิงฝานและคนอื่น ๆ จากด่านที่สิบ
อสูรร้ายในตอนนี้และที่นี้ มีกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นแปดหกหัวและกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเจ็ดอีกหลายสิบหัว
อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!
ชั่วพริบตา เสียงกรีดร้องดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า กู่เจี้ยนเยวียน เทพธิดาหลิวอวิ๋น ผู้คุมกฎและคนอื่นๆ เสียชีวิตในทันที กำแพงเมืองที่ด่านที่สิบพังทลายลง ฝูงอสูรร้ายบุกเข้ามาในกลางเมือง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝูงอสูรดุร้าย แม้แต่หนิงฝานก็ไม่สามารถต้านทานได้
ถึงเขาจะครอบครองสิ่งท้าทายสวรรค์อย่างกงล้อแห่งโชคชะตาและกระบี่ตี้ลั่ว ทว่าการฝึกฝนของเขายังอ่อนแออยู่
เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงอสูรปีศาจดุร้ายตั้งแต่ระดับกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเจ็ดถึงกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นแปด พวกเขาทำได้เพียงป้องกันตัวเองเท่านั้น แม้แต่เหลยเหมิง ซวีคุน ฝูเทียนและคนอื่น ๆ ยังไม่มีเวลาสนใจ
“บัดซบ!”
“แม่งเอ๊ย!!”
ทันใดนั้น เสียงตะโกนกราดเกรี้ยวสองเสียงก็ดังก้องมาจากท้องฟ้าและพื้นดิน เสียงหนึ่งมาจากผู้ตรวจการผมแดง และอีกเสียงมาจากซวีคุน!
ผู้ตรวจการผมแดงสละปราณกระบี่จากอกของเขา ส่วนซวีคุนหยิบเกล็ดสีดำสนิทออกมา!
“อัญเชิญเจตจำนงซวินหวัง!”
“อัญเชิญผู้นำเผ่าของข้า!”
บึ้ม! บึ้ม!
ขณะที่ทั้งสองกำลังตะโกน ปราณกระบี่และเกล็ดก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวสองสายก็พวยพุ่งขึ้นมา ร่างเงาสองร่างควบแน่นออกมาจากความว่างเปล่าในบัดดล
หนึ่งในร่างนั้นเป็นชายวัยกลางคนผมขาว ยืนเอามือไพล่หลัง นัยน์ตาทรงอำนาจและเผด็จการ แม้ว่าจะเป็นเพียงร่างเจตจำนง แต่ทั่วร่างกลับแผ่กลิ่นอายไร้เทียมทานคล้ายกับกำราบจักรวาลได้!
อีกร่างหนึ่งเป็นชายชราในชุดคลุมสีดำ ผมสีดำ รูม่านตาสีดำ ระหว่างคิ้วมีผนึกซวีคง รูม่านตาของเขามีขนาดเท่าระฆังทองแดง ระลอกคลื่นแห่งความว่างเปล่าจำนวนมากกระเพื่อมไปทั่วร่าง ดูน่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด!
เมื่อสองคนนี้ออกมา ความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุดรอบ ๆ ด่านที่สิบซึ่งเป็นศูนย์กลางคล้ายกับถูกควบคุม เวลานี้ไม่ว่าฝ่ายศัตรูหรือฝ่ายมิตร สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องมาที่พวกเขาสองคน
เพราะสองคนนี้แผ่กลิ่นอายของผู้รู้แจ้งทางอื่น!
ต้องรู้ว่าบนเส้นทางราชันจักรพรรดิ และภายใต้กฎ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวคือผู้รู้แจ้งทางอื่น!
ตอนนี้ทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมกัน แม้จะไม่ใช่ตัวจริง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้โลกต้องตกตะลึง!
“โอ๊ะ! นั่นคือซวินหวัง! ผู้ดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุด…ผู้ตรวจการเส้นทางราชันจักรพรรดิ ร่วมกับเจิ้นหวังผู้พิทักษ์เส้นทางราชันจักรพรรดิ และสิงหวังผู้คุมกฎเส้นทางราชันจักรพรรดิ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามสามราชาแห่งเส้นทางราชันจักรพรรดิ เป็นหนึ่งในการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุดในเส้นทางราชันจักรพรรดิ!”
“ข้ารู้จักซวินหวัง แต่ผู้แข็งแกร่งอีกท่านคือใครกัน เขามีกลิ่นอายเทียบเคียงกับเจตจำนงของซวินหวัง!”
“เขาถูกอัญเชิญโดยอสูรซวีคงตัวนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาเป็นผู้รู้แจ้งของเผ่าอสูรซวีคง”
“น่าจะใช่ ว่ากันว่าเผ่าอสูรซวีคงมีผู้รู้แจ้งทางอื่นอยู่ในเมือง ต้องเป็นท่านผู้นี้แน่!”
“ฮ่าฮ่า! ดี! เยี่ยมไปเลย!”
“บัดนี้มีผู้รู้แจ้งอีกสองคนมา พวกเรารอดแล้ว!”
“…”
เมื่อเห็นเจตจำนงของซวินหวังและจิตวิญญาณผู้แข็งแกร่งของเผ่าอสูรซวีคง สิ่งมีชีวิตในด่านที่สิบทั้งหมดพลันระเบิดเสียงเซ็งแซ่ทันที ดวงตาของทุกคนบังเกิดความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ!
ด้านหนิงฝานนั้น เขาชำเลืองมองผู้แข็งแกร่งทั้งสองด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะไม่ได้คาดหวังว่าซวีคุนจะมีวิธีอัญเชิญบรรพบุรุษได้
ในเวลาเดียวกัน เจตจำนงของซวินหวังและวิญญาณแห่งซวีคงสังเกตเห็นซึ่งกันและกัน
“ซวินหวัง?”
“ผู้นำเผ่าซวีเทียน?”
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองรู้จักกัน
“ข้ารอคอยที่จะได้เข้าพบซวินหวังมานานแล้ว!”
“ท่านปู่ช่วยหลานชายด้วย!”
ตอนนี้เอง ผู้ตรวจการผมแดงและซวีคุนพูดกับเจตจำนงของซวินหวังและผู้นำเผ่าซวีเทียน
“เหตุใดเจ้าจึงปลุกเจตจำนงของเปิ่นหวาง*[1]!”
“หลานชาย ถ้าเจ้ามีปัญหารีบบอกปู่ ปู่จะช่วยเจ้าตีไข่ของมัน!”
เจตจำนงของซวินหวังและผู้นำเผ่าซวีเทียนทั้งสองเอ่ยปาก
“ใต้เท้าซวินหวัง นักพรตหมื่นอสูรเป็นลำดับสองในรายชื่อหมายจับโลหิต เขาโจมตีด่านที่สิบ ข้าไม่อาจเอาชนะได้ เพราะเหตุนี้ ได้โปรดใต้เท้าช่วยลงมือด้วย!”
“ท่านปู่! นักพรตหมื่นอสูรนั่นเกือบจะฆ่าหลานชายคนดีของท่าน เผ่าซวีคงของเราเป็นสายเลือดเดียว เขาฆ่าข้าเพราะเขาต้องการให้เผ่าซวีคงของเราไม่มีทายาท!”
ผู้ตรวจการผมแดงและซวีคุนต่างเปิดปากตอบ
นักพรตหมื่นอสูร?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาของเจตจำนงซวินหวังและผู้นำเผ่าซวีเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่กระแสน้ำวนในระยะไกล
“หืม มิติไร้ขอบเขต?”
ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นกระแสน้ำวน เจตจำนงซวินหวังและผู้นำเผ่าซวีเทียนก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจทันที!
มิติไร้ขอบเขตเป็นมิติที่พิเศษมาก เมื่อเข้าไปข้างในนั้น ตราบใดที่ครอบครองพิกัดของความว่างเปล่า จะสามารถเปิดเส้นทางไปยังสถานที่ใดก็ได้ ทว่ามิติแบบนี้หายากมาก แม้กระทั่งเผ่าอสูรซวีคงที่เกิดมาเพื่อควบคุมความว่างเปล่านั้นยังยากที่จะควบคุมมิติไร้ขอบเขต!
“เคี๊ยกเคี๊ยก!”
“เคี๊ยกเคี๊ยกเคี๊ยก!”
เวลานี้ นักพรตหมื่นอสูรในมิติไร้ขอบเขตหัวเราะเสียงแปลกประหลาดออกมา “เจตจำนงซวินหวังและจิตวิญญาณผู้นำเผ่าซวีเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าจะสามารถดึงดูดท่านทั้งสองมายังด่านที่สิบเล็ก ๆ นี้ได้!”
“นักพรตหมื่นอสูร เจ้าเป็นเพียงแค่กึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเก้า กลับควบคุมมิติไร้ขอบเขตได้อย่างไรกัน!”
นักพรตหมื่นอสูรเย้ยหยัน พูดว่า “เคี๊ยกเคี๊ยก! เหตุใดข้าต้องบอกพวกเจ้าด้วย!”
“หึ! ไม่ยอมพูดใช่ไหม?”
“เจ้าคิดว่าซ่อนตัวอยู่ในมิติไร้ขอบเขตแล้ว ชายชราจะทำอะไรเจ้าไม่ได้งั้นรึ? น่าขำ!”
บึ้ม! บึ้ม!
เจตจำนงซวินหวังและผู้นำเผ่าซวีเทียน ทั้งสองคนลงมือจู่โจมทันที!
[1] เปิ่นหวาง เป็นคำที่เชื้อพระวงศ์ชายใช้เรียกตนเอง