ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] - ตอนที่ 36 คัมภีร์หนังสัตว์โบราณ คำสาปอมตะ!
ตอนที่ 36 คัมภีร์หนังสัตว์โบราณ คำสาปอมตะ! (รีไรท์)
เมื่อเห็นว่าบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเลื่อนขั้นเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ถูกฟันด้วยคมกระบี่ของหนิงฝาน ผู้คนทั้งหมดภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็แข็งค้างไปชั่วขณะ จากนั้นจึงค่อย ๆ เกิดความโกลาหลขึ้น
“สวรรค์! บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์แล้ว แต่เขายังถูกเซียนกระบี่หนิงจัดการ!”
“สวรรค์! เซียนกระบี่หนิงแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่ แม้แต่ปราชญ์ยุทธ์ในตำนานยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้”
“ให้ตายเถอะ! ข้าเคยกล่าวว่าเซียนกระบี่หนิงมัวแต่กินข้าวนุ่มของจักรพรรดินี ดีใจนักที่วันนี้ข้ายังมีชีวิต!”
“ข้าก็เคยดูถูกเซียนกระบี่หนิงเช่นกัน ดูตอนนี้สิ กลายเป็นว่าข้าคือตัวตลก!”
“จบสิ้นแล้ว! ข้าเคยดุด่าเซียนกระบี่หนิง วะ…หวังว่าเซียนกระบี่หนิงจะไม่ทำสิ่งใดกับข้า!”
“…”
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยเสียงแซ่ซ้อง ทุกสายตาจับจ้องไปที่หนิงฝาน
ในขณะนี้หนิงฝานกลายเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจ
พรึ่บ!
ในเวลานี้ร่างสง่างามพิลาสล้ำ จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนมาถึงแล้ว
ดวงตากระจ่างใสของนางมองหนิงฝานตรงหน้าอย่างระมัดระวัง ราวกับว่านี่คือการพบกันครั้งแรก
ความจริงแล้ว หากนางไม่เห็นการกระทำของหนิงฝานในวันนี้ นางก็คงไม่เชื่อต่อให้ต้องตายตกก็ตาม หนิงฝานไม่เพียงแต่เป็นเซียนกระบี่นิรนามเท่านั้น ทว่าเขายังครอบครองพลังไร้เทียมการในการสังหารผู้ฝึกยุทธ์ด้วยกระบวนท่าเดียว
“ภรรยาข้า เจ้ากำลังมองสิ่งใด?”
เมื่อเห็นท่าทีของหลัวชิงเซียน หนิงฝานจึงเผยรอยยิ้มเกียจคร้านออกมาเช่นเคย
หลัวชิงเซียนส่ายศีรษะ ก่อนจะทอดถอนหายใจเบา ๆ “หนิงฝาน เจ้าทำให้ข้าคาดเดาไปทั่ว ถึงกับปกปิดข้ามานานหลายปีเพียงนี้!”
หนิงฝานผายมือ กล่าวอย่างอับจนปัญญา “ก็ข้าเกรงว่าเจ้าจะคืนคำสัญญา!”
“กลับคำสัญญา?” หลัวชิงเซียนสับสน
หนิงฝานหัวเราะเบา ๆ พร้อมกระซิบข้างใบหูของนาง “ก็รางวัลที่เจ้าบอกว่าจะให้ข้า หลังจากที่ข้าเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์อย่างไรเล่า…”
“เจ้าบ้า คนบ้ากาม!”
ก่อนหนิงฝานจะกล่าวจบ หลัวชิงเซียนเอ่ยเสียงดังออกมาพร้อมใบหน้าแดงก่ำ
“ฮ่า ๆ!”
หนิงฝานส่งเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง
เวลานี้เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ จึงกลายเป็นอมตะแห่งโลกใบนี้!
มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะโค่นภรรยาจักรพรรดินีผู้นี้เสียที
“อะไรน่ะ?”
ขณะที่ทั้งสองหยอกเย้า หนิงฝานคล้ายกับสังเกตเห็นบางสิ่ง เขาเหลือบมองไปยังตำแหน่งของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
หมอกโลหิตแพร่กระจายออกเป็นวงกว้างเผยให้เห็นม้วนหนังสัตว์ขาดรุ่งริ่ง
หนิงฝานเผยความประหลาดใจ คมกระบี่ของเขาสามารถสับฟันบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์จนกลายเป็นเถ้าถ่านได้ แต่ไม่อาจทำลายม้วนหนังสัตว์ที่อยู่ตรงนั้น
พรึ่บ!
เขาสะบัดฝ่ามือเบา ๆ ม้วนหนังสัตว์พุ่งเข้าสู่มือในทันที
นี่คือม้วนหนังสัตว์โบราณขนาดเท่าฝ่ามือ มันขาดรุ่งริ่งราวกับว่าเป็นเศษหนัง ทั้งยังมีอักขระมากมายถูกสลักไว้อย่างอัดแน่น
“มันคือสิ่งใด?”
หลัวชิงเซียนมองม้วนหนังสัตว์โบราณด้วยความสนใจ แต่นางไม่ทราบว่ามันคือสิ่งใด
“มันต้านทานปราณกระบี่ของข้าได้ คงจะไม่ใช่ของธรรมดา อย่าเพิ่งสนใจมันเลยเก็บไว้ก่อนแล้วกัน”
หลังจากมองดูครู่หนึ่งแต่ไม่พบเบาะแสใด หนิงฝานส่ายศีรษะและคิดเก็บม้วนคัมภีร์นี้เอาไว้
หืม?
เวลานั้นมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
คัมภีร์หนังสัตว์โบราณในมือของหนิงฝานระเบิดออกเป็นลำแสงสีทอง
ในเวลาเดียวกัน น้ำเสียงชั่วร้ายพลันดังขึ้นจากคัมภีร์หนังสัตว์ “ไอ้ตัวบัดซบ! เจ้าทำลายร่างศักดิ์สิทธิ์ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ของข้า เช่นนั้นข้าจะทำลายเจ้าบ้าง!”
เมื่อได้ยินเสียงจึงจดจำได้ทันที กลับเป็นเสียงของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งตายตกเมื่อครู่!
“หือ? ไม่ดีแล้ว!”
เมื่อเขาได้ยินเสียงของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ หนิงฝานสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจึงโยนคัมภีร์หนังสัตว์โบราณออกไปทันที
แต่มันสายไปเสียแล้ว อักขระมากมายที่ถูกสลักไว้บนม้วนหนังสัตว์ทะยานออกมาราวกับยุง และพุ่งเข้าหาหนิงฝานอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ!
เมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงฝานเผยแววตาเย็นชา ปราณกระบี่พุ่งออกไปพยายามกวาดล้างอักขระสีทองที่ทะยานเข้าหา
อย่างไรก็ตาม ปราณกระบี่อมตะของเขาที่สามารถสังหารปราชญ์ยุทธ์นั้นไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับอักขระสีทองเหล่านั้นได้เลย ราวกับว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกัน
“ตัวบัดซบอะไร!”
หนิงฝานขมวดคิ้วแน่นก่อนจะระเบิดพลังออกอีกครั้ง โดยหวังว่าจะสามารถหยุดยั้งอักขระสีทองเหล่านี้ได้ แต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ ท้ายที่สุดเขาทำได้เพียงเฝ้ามองสิ่งเหล่านั้นหายลับเข้าไปในร่างกายของตนอย่างอับจนปัญญา
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ! ทันทีที่อักขระสีทองเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกาย พวกมันก็หายไปราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
นับตั้งแต่ได้พบเจอกับคัมภีร์หนังสัตว์โบราณ จนถึงขั้นตอนที่อักขระสีทองพุ่งเข้าสู่ร่างกาย หนิงฝานรู้สึกว่ามันยาวนาน แต่ความจริงแล้วทุกสิ่งเกิดขึ้นในพริบตา
แม้ยังไม่เกิดสิ่งใดขึ้น แต่หลัวชิงเซียนเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่ง
“หนิงฝาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!?”
ในเวลานี้นางกล่าวถามอย่างกังวล
หนิงฝานส่ายศีรษะ แม้ว่าอักขระสีทองจะเข้าสู่ร่างกายของเขา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ก่ออันตรายใด
พรึ่บ!
ยามนี้เอง คัมภีร์ม้วนหนังสัตว์โบราณเปล่งประกายแสงประหลาดออกมา ก่อนที่เศษเสี้ยววิญญาณจะปรากฏขึ้นจากด้านบน มันคือบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์
เวลานี้ใบหน้าของเศษเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดก่อนจะกล่าวคำ “เซียนกระบี่บรรพกาลเอ๋ย แม้เจ้าจะเป็นอมตะในโลกใบนี้ แต่หากเจ้าต้องตกภายใต้คำสาปอมตะในตำนาน จุดจบของเจ้าย่อมเลวร้ายยิ่งกว่าข้า ฮ่า ๆ…”
“อะไร? เมื่อครู่นี้… คำสาปอมตะ?!!!”
หนิงฝานยังไม่ทันกล่าวคำ แต่เป็นหลัวชิงเซียนที่เผยใบหน้าซีดขาวราวกับได้ยินข่าวร้าย
“คำสาปอมตะ? มันเรื่องอะไรกัน”
หนิงฝานขมวดคิ้ว
เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ว่าจากชื่อของมัน ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่นอน
“ฮ่า ๆ! คำสาปอมตะเป็นคำสาปต้องห้ามแห่งโลกผู้ฝึกยุทธ์ ชื่อของคำสาปก็เหมือนกับความสามารถของมัน แม้แต่อมตะที่แท้จริงแห่งสวรรค์ ก็ไม่อาจหลบหนีอันตรายจากคำสาปนี้ได้ สุดท้ายชีวิตย่อมสูญสิ้น!”
“แม้ม้วนหนังสัตว์โบราณนี้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวคำสาปที่ข้าได้รับโดยบังเอิญ แต่มันก็มากเกินพอที่จะสังหารปราชญ์ยุทธ์เช่นเจ้า!”
“ฮ่า ๆ!”
หลังกล่าวจบ เศษเสี้ยววิญญาณที่เหลือของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ระยำนัก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของหนิงฝานเผยความเย็นชา เขาตบฝ่ามือออกไปรุนแรงจนดวงวิญญาณที่เหลือของบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์สูญสลายไป
ตู้ม!
ทว่าในตอนนี้เอง ใบหน้าของหนิงฝานเผยความตื่นตระหนก เขาตรวจสอบภายในร่างกายและพบว่าอักขระสีทองที่ทะยานเข้ามาเมื่อครู่ กำลังหยั่งรากลึกในร่างกายและจิตวิญญาณของเขาราวกับเมล็ดพันธุ์บางอย่าง มันกลืนกินโลหิตและพลังวิญญาณของเขาอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เติบโตเป็นรากสีทองที่รวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันทั้งยาวและหนาขึ้น แผ่ขยายออกไปทั่วร่างกายในพริบตา
ในเวลานี้หนิงฝานไม่ต่างอะไรจากปีศาจรากสีทอง มันกำลังเต้นระบำเดือดพล่านอยู่ในร่างกายของเขา อสรพิษสีทองนับหมื่นกำลังดูดกลืนทุกสิ่งอย่างหิวกระหาย
“หนิงฝาน!”
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ หลัวชิงเซียนปิดปากพร้อมกรีดร้อง
ตอนนี้ผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน
“แย่แล้ว! เซียนกระบี่หนิงถูกลอบสังหาร!”
“บัดซบแล้ว! มันคือคำสาปในตำนาน คำสาปอมตะ!”
“มีข่าวลือว่านี่คือคำสาปที่ชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัวที่สุด ไม่มีผู้ใดต้านทานมันได้!”
“สวรรค์ช่วยด้วย! เซียนกระบี่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของข้าเพิ่งจะยอมปรากฏตัว แต่เขากำลังจะตาย!”
“ไอ้อสูรศักดิ์สิทธิ์! แม้เขาจะตายตก แต่เขาก็ลากเซียนกระบี่หนิงไปด้วย!”
“…”
เวลานี้ใบหน้าของทุกคนภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนถึงกับแปรเปลี่ยนเป็นเดือดพล่าน
เหตุผลหลักก็คือคำสาปอมตะเป็นสิ่งที่มากด้วยชื่อเสียง และทุกคนในโลกผู้ฝึกยุทธ์ล้วนแต่ทราบดี!
คำสาปอมตะ… ผู้ที่ถูกคำสาปนี้จะถูกทำลายจิตวิญญาณ!
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือไม่มีวิธีที่จะแก้ไขคำสาปนี้ได้
ไม่มีจริง ๆ!