ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] - ตอนที่ 259 กระบี่ต้าหลัว เขตเซียนเฉียนหยวน
ตอนที่ 259 กระบี่ต้าหลัว เขตเซียนเฉียนหยวน
ตู้ม! ตู้ม!
เมื่อเปิดใช้งานคัมภีร์จักรพรรดิเซียนโบราณ พลังปราณเซียนพลันหมุนวนบนฟ้าดินราวกับแม่น้ำอันเชี่ยวกราก ก่อนจะพุ่งตัวลงมาที่ร่างของหนิงฝานอย่างบ้าคลั่ง และกลายเป็นคลื่นพลังเซียนที่น่าสะพรึงกลัวในทันที!
หนึ่งชั่วยาม!
สองชั่วยาม!
สี่ชั่วยาม!
เพียงชั่วพริบตา เวลาหนึ่งวันก็ผ่านไป!
หลังจากฝึกฝนจนครบหนึ่งวัน แม้พลังของหนิงฝานจะมิได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจ้าวเซียน แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าตนเองแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก!
ตอนนี้หากต้องต่อสู้กับเจ้าเมืองเซียนโบยบิน เขามีความมั่นใจมากว่าจะสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยกระบี่เล่มเดียว!
“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้!”
เมื่อเห็นว่าโอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ในทุก ๆ วันได้เริ่มต้นขึ้นใหม่ หนิงฝานก็พูดขึ้นด้วยความดีใจ!
อาณาจักรเซียนเป็นโลกใบใหญ่อันกว้างขวางและไร้ขอบเขต วิถีอุบัติที่มีอยู่ทั้งหมดเดิมทีก็มิใช่โลกเซียนยุทธ์ที่โลกใบเล็กจะสามารถเปรียบเทียบได้!
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้เมืองเซียนโบยบินสำเร็จ และได้รับกระบี่ต้าหลัว! อาวุธจักรพรรดิเซียนประเภทพัฒนาได้ พลังของมันจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อโฮสต์แข็งแกร่งมากขึ้น!]
พรึ่บ!
สิ้นเสียงของระบบ กระบี่ธรรมดาไร้แสงเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของหนิงฝาน กระบี่นี้ยาวถึงสามจั้ง เพียงคราแรกที่มอง เขาก็เห็นผิวของกระบี่นั้นหยาบมาก ทว่าเมื่อสังเกตดี ๆ ก็จะพบว่าภายในกระบี่เล่มนี้แฝงไว้ด้วยแก่นแท้แห่งวิถีไม่สิ้นสุดอยู่!
“หืม! อาวุธจักรพรรดิเซียน!”
หนิงฝานมองกระบี่ต้าหลัวในมืออย่างดีใจ กระบี่เล่มนี้เป็นถึงอาวุธจักรพรรดิเซียน หากเปรียบเทียบกับคุณค่าของคัมภีร์จักรพรรดิเซียนโบราณนั้นก็ไม่ต่างกันเลย!
“ดี! ดีมาก!”
ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ พลันเขารู้สึกอดใจรอแทบไม่ไหวต่อการลงชื่อครั้งต่อไป!
หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้เมืองเซียนโบยบินสำเร็จ และได้รับศิลาเซียนต้นกำเนิด!]
นี่คือศิลาที่บรรจุแสงเซียนเอาไว้ เต็มไปด้วยพลังต้นกำเนิดที่อุดมสมบูรณ์อย่างหาที่เปรียบมิได้!
“แม้ว่าศิลานี้จะเทียบกับคัมภีร์จักรพรรดิเซียนโบราณและกระบี่ต้าหลัวไม่ได้ แต่มันก็ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกฝน!”
หนิงฝานยกยิ้มบาง จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานคัมภีร์จักรพรรดิเซียนโบราณ และดูดซับศิลาเซียนต้นกำเนิด!
ในเวลาต่อมา หนิงฝานเริ่มลงชื่อเข้าใช้อีกครั้งพร้อมกับฝึกฝนไปด้วย
[ลงชื่อเข้าใช้เมืองเซียนโบยบินสำเร็จ และได้รับศิลาเซียนต้นกำเนิด!]
[ลงชื่อเข้าใช้เมืองเซียนโบยบินสำเร็จ และได้รับศิลาเซียนต้นกำเนิด!]
[ลงชื่อเข้าใช้เมืองเซียนโบยบินสำเร็จ และได้รับมหาค่ายกลหมื่นเซียน!]
[ลงชื่อเข้าใช้เมืองเซียนโบยบินสำเร็จ และได้รับยันต์มิติเวลา!]
“…”
วันคืนผ่านไปจนเป็นปี จากการลงชื่อเข้าใช้ตลอดที่ผ่านมานี้ ทำให้หนิงฝานได้รับรางวัลมาจากระบบมากมาย!
เช่นมหาค่ายกลหมื่นเซียน มันเป็นค่ายเซียนสูงสุดที่มีทั้งการโจมตีและการป้องกัน นอกจากนี้แล้ว พลังของมันยังขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตในค่ายกล
ส่วนยันต์มิติเวลา ทำให้เขาสามารถเพิกเฉยต่อกาลเวลาและพื้นที่ของอาณาจักรเซียนได้ อธิบายโดยง่ายคือเขาสามารถไปได้ทุก ๆ ที่ที่ต้องการผ่านยันต์มิติเวลาในพริบตา!
ขณะเดียวกัน ด้วยการลงชื่อเข้าใช้จนได้รับของรางวัลมากมาย พลังการฝึกฝนของเขาก็เริ่มเข้าใกล้ขอบเขตจ้าวเซียนมากขึ้น!
…
ขณะที่หนิงฝานกำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ภายในเมืองเซียนโบยบินนั้น ณ ดินแดนที่ห่างไกลจากเมืองเซียนโบยบินออกไป มีเขตเซียนขนาดใหญ่โตตั้งอยู่นั่นก็คือ เขตเซียนเฉียนหยวน!
เขตเซียนเฉียนหยวน เป็นเขตหนึ่งที่มีเมืองในการปกครองมากมาย อีกทั้งเขตแห่งนี้ก็แสนกว้างใหญ่ไพศาล!
ภายในเขตมียอดฝีมือมากมาย นอกจากผู้นำเขตเซียนอย่างเฉียนหยวนผู้เป็นขอบเขตจ้าวเซียนแล้วนั้น ภายในเขตยังมีจ้าวเซียนถึงเจ็ดสิบสองคน และยังมีเซียนแท้จริงผู้แข็งแกร่งที่อยู่ภายใต้จ้าวเซียนอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน!
ณ เขตเซียน โถงประชุมใหญ่
ภายในโถงอันโอ่อ่านั้นมีบัลลังก์หลักหนึ่งบัลลังก์และมีที่นั่งด้านข้างเจ็ดสิบสองที่นั่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งของผู้นำเขตเฉียนหยวนและจ้าวเซียนอีกเจ็ดสิบสองคน!
ในตอนนี้ ผู้คนมากมายมาอยู่ภายในโถงใหญ่แล้ว และมีร่างเจ็ดสิบเอ็ดร่างนั่งอยู่ประจำที่เรียบร้อย ทุก ๆ ร่างล้วนปลดปล่อยพลังแห่งจ้าวเซียนออกมา!
จ้าวเซียนทั้งเจ็ดสิบสองคนถูกแบ่งออกตามพลังของพวกเขา ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดมีสิบคน และทั้งสิบคนนี้ก็มีพลังจ้าวเซียนขั้นสูง จึงถูกเรียกขานว่าจ้าวเซียนที่หนึ่งถึงจ้าวเซียนที่สิบ!
จ้าวเซียนที่หนึ่งเป็นชายวัยกลายคนในชุดคลุมลายพญางู พลังการฝึกฝนของเขาเป็นรองผู้นำเขตเซียนเฉียนหยวนเท่านั้น!
ในตอนนี้ เมื่อจ้าวเซียนที่หนึ่งมองเห็นที่นั่งที่ว่างอยู่นั้น เขาก็ขมวดคิ้วและถามขึ้นในทันที “หืม? เกิดเหตุอันใดกัน! มิใช่แจ้งไปแล้วหรือว่าให้จ้าวเซียนทั้งเจ็ดสิบสองคนมารวมตัวกันเพื่อประชุม แล้วอู๋เฟยเซียนเล่า!”
ผู้คนหันมองหน้ากันไปมา ก่อนที่จะส่ายหัวแสดงถึงความไม่รู้
“อู๋เฟยเซียนมิกล้าขัดคำสั่งอย่างแน่นอน ในวันนี้ที่ไม่มาเกรงว่าจะเกิดเหตุอันใด!”
ในเวลานี้ จ้าวเซียนที่สองพูดขึ้น อีกทั้งสั่งให้คนไปตรวจสอบตะเกียงวิญญาณของอู๋เฟยเซียนด้วย!
ไม่นานนักก็มีคนวิ่งกลับมาเพื่อแจ้งข่าว “เรียนจ้าวเซียนทุกท่าน! ตะเกียงวิญญาณของท่านอู๋เฟยเซียนดับแล้ว เมื่ออ่านเวลาจึงทราบว่ามันดับมาเป็นร้อยปีแล้ว!”
“เกิดเรื่องขึ้นแล้วจริง ๆ!”
ได้ยินเช่นนั้น ภายในโถงใหญ่ก็เกิดความโกลาหลขึ้น
สีหน้าของจ้าวเซียนที่หนึ่งดูหนักอึ้งขึ้นมาในทันที!
จำต้องรู้ว่าภายในเขตเซียนเฉียนหยวนแห่งนี้มิเคยเกิดเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน!
“บังอาจ! ผู้ใดกล้าสังหารอู๋เฟยเซียน!”
“มีคนกล้าสังหารจ้าวเซียนที่เจ็ดสิบสองแห่งเขตเซียนเฉียนหยวนของข้า ช่างใจกล้าเสียจริง!”
“เรื่องที่อู๋เฟยเซียนตายไปนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่ศักดิ์ศรีแห่งเขตเซียนเฉียนหยวนของข้านั้นคือเรื่องใหญ่ จะต้องตามหาผู้ที่ลงมือให้เจอและลงโทษมันให้สาสม!”
“ใช่แล้ว! ข้าใคร่ขอแนะนำว่าให้จ้าวเซียนทั้งเจ็ดสิบเอ็ดคนลงมือสังหารมันผู้นั้นเสีย!”
“…”
จ้าวเซียนทุกคนอยู่ในความโกรธแค้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า!
“ทุกท่านอย่าได้หุนหันพลันแล่นไป!”
ทว่าในตอนนี้เอง จ้าวเซียนที่สองกลับส่ายหน้าและพูดขึ้น “เวลานี้ผู้นำเขตกำลังปิดด่านทะลวงขั้นเป็นจ้าวเซียนขั้นสุดเพื่อเตรียมรับมือกับมหาสงครามหมื่นเขตในอีกไม่นาน ก่อนที่จะเก็บตัวท่านได้เตือนแล้วเตือนอีกว่า ในช่วงเวลานี้เขตเซียนมิอาจเกิดเหตุอันใดได้ ด้วยเหตุนี้ ข้าขอแนะนำว่าเรื่องในครั้งนี้เราควรจะปล่อยไปก่อน รอให้ผู้นำเขตออกมาจากการปิดด่านแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกไป ผู้คนก็เงียบเสียงลง
เมื่อเทียบกับการตายของอู๋เฟยเซียนแล้ว การทะลวงขั้นของผู้นำเขตเพื่อมหาสงครามหมื่นเขตในอีกไม่นานนี้ยอมสำคัญกว่ามาก!
“อืม แม้ว่าจะฟังดูมีเหตุผล แต่การตายของจ้าวเซียนคนหนึ่ง หากเขตเซียนเฉียนหยวนของพวกเราไม่ทำอะไรเลยจนเรื่องไปถึงหูของเขตเซียนเขตอื่น ๆ มันก็คงจะเป็นเรื่องน่าตลกสิ้นดี!”
จ้าวเซียนที่หนึ่งพูดขึ้น “ไป๋อี เฟิงสิง เหยียนหุน จ้างเจี้ยน กู่เต้าถง!”
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
สิ้นเสียง จ้าวเซียนห้าคนก็ก้าวออกมาในทันที หนึ่งคนเป็นจ้าวเซียนขั้นกลาง อีกสี่คนเป็นจ้าวเซียนขั้นต้น!
“พวกเจ้าทั้งหาคนล่วงหน้าไปยังเมืองเซียนโบยบินเพื่อสอบถามถึงสาเหตุการตายของอู๋เฟยเซียน หากว่าศัตรูผู้นั้นมิได้แข็งแกร่งก็ฆ่ามันทิ้งเสีย หากรู้สึกว่าไม่สามารถต่อกรได้ไหวก็จงกลับมา และรอจนผู้นำเขตออกมาค่อยจัดการ!”
“ทราบแล้ว!”
จ้าวเซียนทั้งห้าคนรับคำสั่งในทันที!
หลังจากนั้น ร่างของทั้งห้าคนก็เหาะเหินออกไปจากเขตเซียนเฉียนหยวน เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองเซียนโบยบิน!
…
ครืน!
วันนี้ภายในวังจักรพรรดินี บังเกิดเสียงคำรามคุ้นเคยขึ้น เป็นร่างของหนิงฝานที่สั่นสะเทือน ก่อนที่ปราณขนาดมหึมาจะปะทุออกมาจนทั่ว และพลังปราณอันยอดเยี่ยมนี้ก็คือพลังแห่งขอบเขตจ้าวเซียน!
“ฮึ่ม!”
“ฝึกฝนมาร้อยปี ในที่สุดก็สามารถทะลวงขั้นเป็นจ้าวเซียนได้สำเร็จ!”
หนิงฝานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แม้ว่าระยะเวลาหนึ่งร้อยปีนี้จะฟังดูยาวนาน แต่หากเปรียบเทียบกับผู้คนในอาณาจักรเซียนที่ต้องใช้เวลาถึงหมื่นปีแสนปีกว่าจะทะลวงขอบเขตหนึ่งได้ ความเร็วของหนิงฝานสามารถใช้คำว่าท้าทายสวรรค์!
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ระหว่างที่หนิงฝานเพิ่งจะทะลวงขอบเขตเสร็จสิ้น ทันใดนั้นก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญห้าคนมายังเมืองเซียนโบยบิน นั่นคือจ้าวเซียนทั้งห้าคนจากเขตเซียนเฉียนหยวน!
“หืม? ราชวงศ์เทพขนนก!”
จ้าวเซียนทั้งห้าที่เพิ่งมาถึงยังภายนอกของเมืองเซียนโบยบิย ก็ได้เห็นว่าเมืองถูกเปลี่ยนชื่อเป็นราชวงศ์เทพขนนก อีกทั้งภายในและภายนอกของเมืองยังเต็มไปด้วยกองทัพทหารเทพขนนกที่เดินลาดตระเวนไปมา!
“บัดซบ! นี่มันมากเกินไปแล้ว!”
“ดูแล้วหลังจากที่มือสังหารนั่นฆ่าอู๋เฟยเซียนไปแล้วก็ยังคงมิได้จากไปไหน ทว่ายังยึดครองเมืองเซียนโบยบินไปอีกด้วย!”
“แม้ในบรรดาจ้าวเซียนทั้งเจ็ดสิบสองคนของพวกเรา อู๋เฟยเซียนจะอ่อนแอมากที่สุด แต่ก็เป็นถึงจ้าวเซียน ผู้ที่สามารถฆ่าเขาได้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งในขั้นเดียวกัน พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปดี?”
จ้าวเซียนทั้งห้าปรึกษากัน และในที่สุด สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปยังจ้าวเซียนที่อยู่ตรงกลาง!
กู่เต้าถงยกยิ้มขึ้น “หึ! จะทำเช่นไรเล่า ไม่ว่าราชวงศ์เทพขนนกผู้นั้นจะมีพลังในขั้นไหน แต่กล้าฆ่าจ้าวเซียนของเขตเซียนเฉียนหยวน เช่นนั้นก็สมควรตาย!”
“เคาะประตูเมือง!”
ปัง!
ด้วยคำสั่งของกู่เต้าถง จ้าวเซียนคนหนึ่งก็ลงมือในทันที ฝ่ามือขนาดใหญ่ทุบลงไปยังประตูเมืองเซียนโบยบิน แต่ในเวลาต่อมากลับมีค่ายกลขนาดใหญ่มาขัดขวางฝ่ามือใหญ่นั้นเอาไว้!
แม้ว่าประตูเมืองจะมิได้พังลงมา แต่มันยังคงเกิดเสียงลั่นสะเทือนฟ้าดิน ทำให้ประชาชนทั้งเมืองเซียนโบยบินแตกตื่นตกใจกันไปทั่ว!