ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] - ตอนที่ 189 เซียนหมื่นวิถี บุตรสาวข้า!
ตอนที่ 189 เซียนหมื่นวิถี บุตรสาวข้า!
เมื่อเห็นว่าหนิงฝานครุ่นคิดบางอย่าง ราชาปีศาจทั้งสองจึงเร่งรีบกล่าวคำ “ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ เราบอกกล่าวความลับของทัณฑ์พิบัติเซียนและหมื่นเผ่าบรรพกาลแก่ท่านแล้ว ท่านจึงสมควรปล่อยให้เผ่าปีศาจบรรพกาลของเราไปเสีย!”
“ฮึ่ม! ข้าบอกกล่าวเมื่อใดว่าจะปล่อยเจ้าและเผ่าปีศาจบรรพกาล!”
อย่างไรก็ตาม หนิงฝานยังคงเย็นชา
เผ่าปีศาจบรรพกาลโหดเหี้ยมและละโมบ หากเขาไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ โลกทั้งใบคงพังพินาศสิ้นแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่มีวันปล่อยให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเหี้ยมโหดนี้เป็นอิสระ
ทันทีที่สิ้นเสียง ปราณกระบี่ที่ตอกตรึงไว้ระหว่างคิ้วของราชาปีศาจทั้งสองระเบิดออกทันที!
“ไม่!”
“ไอ้พวกมนุษย์!”
ทันทีที่ทั้งสองคำรามด้วยความตื่นตระหนก ร่างกายของมันสูญสลายไปทันที
ชิ้ง!
ท้ายที่สุด เมื่อกระบี่ของหนิงฝานสับฟันออกไปอีกครั้ง เผ่าปีศาจบรรพกาลทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างถูกกำจัดออกไปด้วยเช่นกัน และโลกทั้งใบตกอยู่ในสภาวะเงียบงันโดยสมบูรณ์แบบ
เผ่าปีศาจบรรพกาลถูกทำลายสิ้นแล้ว!
หลังจากเผ่าปีศาจบรรพกาลถูกทำลายสิ้นแล้ว หนิงฝานยังไม่รีบร้อนจากไปทันที เขาออกตรวจสอบสถานที่แห่งนี้และพบตำราโบราณมากมายถูกทิ้งเอาไว้ สิ่งเหล่านี้บ่งบอกได้ว่าสิ่งที่ราชาปีศาจทั้งสองกล่าวออกมานั้นเป็นความจริง
ไม่ว่าจะเป็นหมื่นเผ่าปีศาจบรรพกาลหรือทัณฑ์พิบัติเซียน ทั้งหมดล้วนแต่มีอยู่จริง!
“เฮ้อ! ดูเหมือนว่าโลกกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับความวุ่นวายจริง ๆ เสียแล้ว!”
หนิงฝานถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะออกจากสถานที่แห่งนี้
แต่สักครู่หนึ่งดูเหมือนเขาจะนึกบางอย่างได้ จึงหยุดฝีเท้าแล้วกล่าวว่า “ระบบ ลงชื่อเข้าใช้!”
[ติ๊ง! ท่านลงชื่อเข้าใช้ที่แดนปีศาจบรรพกาลสำเร็จแล้ว และได้รับคัมภีร์เซียนหมื่นวิถี!]
พรึ่บ!
เสียงจากระบบดังขึ้น คัมภีร์เซียนโบราณปรากฏภายในมิติเก็บของระบบ
“คัมภีร์เซียนหมื่นวิถี?”
หนิงฝานประหลาดใจและเร่งรีบตรวจสอบมัน
[คัมภีร์เซียนหมื่นวิถี คัมภีร์เซียนที่แท้จริงซึ่งอยู่เหนือโลกแห่งสามัญชน มันสามารถรวบรวมวิถีของทุกเผ่าพันธุ์ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว และเมื่อถูกขัดเกลาเสร็จสิ้น จึงกลายเป็นเหนือเซียนที่แท้จริง ทะยานสู่สวรรค์!]
“ยอดเยี่ยม!”
หนิงฝานยินดีอย่างยิ่ง ขณะที่เขาเข้าสู่ขอบเขตเซียนธุลีสีชาด คัมภีร์อื่นใดในโลกก่อนหน้านี้ล้วนไม่มีผลต่อการฝึกฝนของเขาอีกต่อไป เวลานี้คัมภีร์เซียนหมื่นวิถีจึงนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง!
“ระบบ ฝึกฝนสิ่งนี้!”
ลมหายใจถัดมา หนิงฝานไม่คิดลังเลที่จะฝึกฝนคัมภีร์เซียนหมื่นวิถีโดยตรง
พรึ่บ!
เมื่อระบบได้รับคำสั่ง หนิงฝานพลันเชี่ยวชาญในเซียนหมื่นวิถีทันที และยังทราบถึงขอบเขตหลังจากผ่านพ้นเซียนธุลีสีชาดอีกด้วย!
ปรากฏว่าเซียนธุลีสีชาดนั้นแบ่งออกเป็นเก้าทัณฑ์… หนึ่งคือต่ำที่สุด และเก้าคือสูงสุด!
ทัณฑ์คราวนี้ไม่ใช่ภัยพิบัติแห่งฟ้าดิน มันคือทัณฑ์ทดสอบจิตใจ ทุกคราวที่ผ่านพ้น ความแข็งแกร่งที่ได้รับจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้!
หลังจากผ่านพ้นเก้าทัณฑ์แล้ว จึงจะได้พบเจอกับทัณฑ์เซียน หากผ่านพ้นสิ่งนี้แล้วจึงกลายเป็นเซียนที่แท้จริง!
“เซียนธุลีสีชาดเก้าทัณฑ์ สู่เซียนแท้จริง!”
หนิงฝานเริ่มเข้าใจบางอย่าง แต่เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะฝึกฝน เขาต้องระงับความตื่นเต้นในใจและรีบกลับสู่โลกภายนอกอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
เมื่อหนิงฝานกลับออกมา จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนและคนอื่น ๆ เร่งรุดเข้าล้อมรอบเขาทันที
จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนโอบอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเอาไว้พร้อมกล่าวถามว่า “สามี ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เผ่าปีศาจบรรพกาลสูญสิ้นแล้ว!”
หนิงฝานตอบกลับ แต่ก่อนที่หลัวชิงเซียนและคนอื่น ๆ จะโห่ร้อง เขารีบกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “แต่ยังมีหายนะยิ่งใหญ่กว่านี้รออยู่!”
“หายนะครั้งใหญ่?!”
ใบหน้าของจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนและคนอื่น ๆ มืดมนทันที
หลังจากนั้นหนิงฝานจึงเริ่มเล่าเรื่องของทัณฑ์พิบัติเซียนให้กับพวกเขารับฟัง
“อะไรนะ! ไม่เพียงแต่เผ่าปีศาจบรรพกาลเท่านั้น แต่ยังมีเผ่าพันธุ์อื่นคิดกลับสู่โลกด้วย?!”
“โอ้สวรรค์ เผ่าปีศาจบรรพกาลทำให้แคว้นรกร้างทั้งหมดหลั่งโลหิตจนแทบสิ้น ซากศพเกลื่อนกลาดในทุกหนแห่ง หากเผ่าพันธุ์เหล่านั้นกลับมา เผ่าพันธุ์มนุษย์ภายในทวีปเซียนอู่จะมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างไร!”
“หึ! นอกจากนี้ยังจะมีทัณฑ์พิบัติเซียนที่น่าสะพรึงกลัวอย่างไร้ที่เปรียบจะมาเยือนโลกของเรา!”
“สวรรค์คิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไร!”
“…”
ในขณะนี้ ผู้ฝึกตนทั้งหมดแห่งราชวงศ์เทพขนนกที่นำโดยจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนต่างตกตะลึง
“สามี เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไร!”
นอกจากนี้นี่ยังเป็นครั้งแรกที่จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนถึงกับสูญสิ้นความคิด ไม่ว่าจะเป็นหมื่นเผ่าบรรพกาล หรือทัณฑ์พิบัติเซียนที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น มันล้วนแต่ไม่ใช่สิ่งที่ราชวงศ์เทพขนนกจะสามารถต่อสู้ได้!
เมื่อหนิงฝานเห็นสีหน้ากังวลของอีกฝ่าย เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลอบใจ “ที่รัก เจ้าไม่ต้องกังวลมากจนเกินไปนัก ไม่ว่าจะเป็นหมื่นเผ่าบรรพกาล หรือจะเป็นทัณฑ์พิบัติเซียน ไม่ว่ามันจะมาเมื่อใด… เราก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน เมื่อถึงเวลานั้นเราไม่มีทางเลือกอื่น เวลานี้ที่มีอยู่จึงต้องเร่งรีบฝึกฝนโดยเร็ว!”
“เมื่อเราแข็งแกร่งเพียงพอ เราจึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวสิ่งใด!”
เมื่อหนิงฝานกล่าวเช่นนี้แล้ว สีหน้าของทุกคนดีขึ้นเล็กน้อย แต่พวกเขายังคงกังวลและมีความหดหู่ในแววตา
หนิงฝานหยุดกล่าว เวลานี้เขาจำเป็นต้องใช้แรงกดดันศาลนี้เพื่อพัฒนาให้ราชวงศ์เทพขนนกก้าวหน้าต่อไป
แน่นอนว่าลมหายใจถัดมา หลัวชิงเซียนเอ่ยปากขึ้น “สามีกล่าวถูกต้องแล้ว เมื่อมีวิกฤตที่รออยู่ด้านหน้า เราจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง!”
หลังจากกล่าวจบ หลัวชิงเซียนจึงริเริ่มที่จะเปิดการประชุมราชสำนัก แต่เมื่อเหลือบมองเมืองเทพขนนกที่จมปลักอยู่ในซากปรักหักพัง ใบหน้าของนางกลับบิดเบี้ยวอย่างช่วยไม่ได้
เมืองหลวงเทพขนนกพังทลายสิ้นแล้ว เวลานี้นางรู้สึกห่อเหี่ยวอย่างไม่อาจอธิบายได้
เวลานี้ หนิงฝานกล่าวขึ้น “ที่รัก สุดท้ายแล้วหากเมืองหลวงเทพขนนกพังทลาย เรายังสามารถสร้างใหม่ได้ แต่หากสูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ไป สุดท้ายเราจะไม่สามารถสร้างสิ่งใดใหม่ได้อีกเลย! เอาล่ะ เวลานี้ข้ามีเมืองเซียนบรรพกาลที่ได้รับจากแคว้นเซียน ซึ่งสามารถใช้สถานที่แห่งนั้นแทนเมืองหลวงเทพศักดิ์สิทธิ์เดิมได้”
พรึ่บ!
หลังจากกล่าวจบ หนิงฝานจึงนำเมืองเซียนบรรพกาลออกมาทันที
“เมืองเซียนบรรพกาลนี้เดิมทีเป็นสิ่งประดิษฐ์สวรรค์ ไม่เพียงแต่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ยังสามารถเปลี่ยนอาคารและตึกต่าง ๆ ภายในได้ตามต้องการ มันสามารถจำลองเป็นเมืองหลวงเทพศักดิ์สิทธิ์ได้โดยสมบูรณ์!”
พรึ่บ!
ลมหายใจถัดมา หนิงฝานเพียงดีดนิ้ว เมืองเซียนบรรพกาลพองตัวขึ้นท่ามกลางอากาศ ในทันใดก็ปรากฏเป็นเมืองเซียนยิ่งใหญ่กว่าเมืองเทพศักดิ์สิทธิ์เดิม ตั้งแทนที่ซากปรักหักพังของเมืองเทพขนนกเดิม!
และเพื่อความสะดวกของหลัวชิงเซียนในการควบคุม เขาจึงปรับแต่งวิญญาณภายในเมืองเซียนแห่งนี้ให้ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้น
“โอ้ ยอดเยี่ยมแล้ว!”
“ประเสริฐ!”
“หากท่านไม่ยอมแพ้ ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ ข้าในนามของราชวงศ์เทพขนนกสมควรที่จะมีจิตใจเข้มแข็ง กล้าหาญ และไม่สิ้นหวังโดยง่าย ข้าจะเตรียมตัวเพื่อรอเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเหล่านั้น!”
เมื่อเห็นเมืองเทพในรูปแบบใหม่ตรงหน้า หลัวชิงเซียนกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง
จากนั้นจึงเริ่มออกคำสั่งกระจายไปทั่วเมือง เช่น อพยพคนที่อยู่ภายในเมืองหลวงเดิมให้ย้ายเข้าสู่เมืองหลวงใหม่ และจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวของทหารที่ตายตกในสงคราม และชดเชยให้กับประชาชนที่ต้องสูญเสียทั้งหมด
ต่อมา เมื่อข่าวของหมื่นเผ่าบรรพกาลและทัณฑ์พิบัติเซียนแพร่กระจายออกไป ทวีปเซียนอู่ทั้งหมดพลันตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครั้ง
“หึ! มีหมื่นเผ่าบรรพกาล… และเผ่าปีศาจบรรพกาลเป็นเพียงหนึ่งในพวกมัน!”
“ไม่ใช่เพียงหมื่นเผ่าบรรพกาลเท่านั้น แต่ยังมีทัณฑ์พิบัติเซียนที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า!”
“โอ้ สวรรค์! สิ่งเหล่านี้จะทำลายล้างโลกของพวกเรา มันจะทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรา!”
“ฮึ่ม! มนุษย์ของพวกเราปกครองโลกใบนี้ยาวนานหลายล้านปี พวกมันคิดจะกลับมาที่โลกใบนี้ทำไมกัน!”
“ใช่! เวลานี้พลังจิตวิญญาณฟ้าดินในโลกของเราอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว ตราบใดที่พวกเราเร่งมือฝึกฝนอย่างแข็งขัน ทำไมพวกเราจะไม่สามารถต้านทานทัณฑ์พิบัติเซียนและหมื่นเผ่าบรรพกาลได้ล่ะ!”
“ถูกต้องแล้ว! ต้องฝึกฝน! เมื่อหมื่นเผ่าบรรพกาลมาถึง เมื่อทัณฑ์พิบัติเซียนมาถึง เราจะทุ่มสุดชีวิตเพื่อปกป้องโลกของเรา!”
“…”
แม้จะมีบางคนที่หวาดกลัวต่อความอันตรายเหล่านั้น แต่บางคนก็ยังฮึกเหิมและมีแรงบันดาลใจในการฝึกฝนเพื่อเอาชีวิตรอด!
ท้ายที่สุด ไม่มีใครต้องการกลับไปเป็นทาสของหมื่นเผ่าบรรพกาล และไม่มีผู้ใดต้องการถูกกำจัดโดยทัณฑ์พิบัติเซียน!
เป้าหมายของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วทั้งทวีปเซียนอู่จึงเป็นไปในทางเดียวกัน… ต้องแข็งแกร่งขึ้น!
…
เมืองเทพขนนก พระราชวังจักรพรรดินี!
หลัวชิงเซียนและหนิงฝานยืนเคียงข้าง บนเตียงน้อย ๆ มีเด็กหญิงตัวเล็ก ใบหน้าอ่อนเยาว์หลับใหลอยู่ นี่คือเด็กหญิงตัวน้อยที่หนิงฝานอุ้มกลับมาจากภูเขาอันห่างไกล
หลัวชิงเซียนทราบถึงที่มาของเด็กหญิงตัวน้อยจากหนิงฝานแล้ว ในขณะที่นางโกรธเกรี้ยวเผ่าปีศาจบรรพกาล นางยิ่งรู้สึกเสียใจกับเด็กหญิงตรงหน้ามากยิ่งขึ้น
ทุกวันนี้ หนูน้อยยังคงพึมพำหาผู้เป็นบิดาเสมอ นางยังคงไม่ได้สติจากการไม่อาจทนรับความจริงได้ ภาพนี้ทำให้ทุกคนยิ่งสะเทือนใจ
“ท่านพ่อ อย่าทิ้งข้าไป!”
ทันใดนั้น เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในสภาพไร้สติมานานกว่าสองสามวันร้องไห้ลั่นพร้อมตะโกนเสียงดัง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทั้งสองรีบรุดเข้าใกล้ทันที
ทันทีที่เห็นว่าหนิงฝานและหลัวชิงเซียนเข้ามาใกล้ เด็กหญิงตัวน้อยลุกขึ้นพร้อมโยนร่างตัวเองเข้าสู่อ้อมแขนของหนิงฝานอย่างรวดเร็ว ร่างกายน้อย ๆ สั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม “ท่านพ่อ อย่าทิ้งข้า อย่าทิ้งข้าไป!”
“เด็กน้อย ไม่ต้องกลัว เจ้าคนเลวพวกนั้นถูกทุบตีสิ้นแล้ว และนอกจากนี้ข้ามิใช่บิดาของเจ้า…” เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว หนิงฝานเริ่มอธิบายและปลอบโยนเด็กน้อย
“ไม่! ท่านคือบิดาข้า!”
“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องการข้าแล้วหรือ!”
“ท่านพ่อ ข้าคือบุตรสาวของท่าน ท่านพ่อไม่ต้องการข้าแล้วหรือ… ฮือ ฮือ ฮือ!”
เด็กน้อยยิ่งร่ำไห้อย่างหนัก
สิ่งนี้ทำให้หนิงฝานถึงกับทำสิ่งใดไม่ถูก
เด็กหญิงตัวน้อยนี้ยังเด็กมาก และนางถูกกระตุ้นจากสถานการณ์เลวร้าย นางสูญเสียสติไปหลายวันหลายคืน และดูเหมือนว่าความทรงจำของนางจะผิดเพี้ยนไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เวลานี้หลัวชิงเซียนก้าวเข้ามาใกล้พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “อย่าร้องไห้เลยเด็กน้อย บิดาของเจ้าจะไม่ต้องการเจ้าได้อย่างไร ดูซิว่านี่คือสิ่งใด?”
พรึ่บ!
ขณะที่กล่าว นางหยิบลูกกวาดสีสดใสออกมาหลอกล่อเด็กน้อย
“โอ้ น้ำตาล!”
เด็กน้อยอายุเพียงห้าขวบ นางถูกดึงดูดด้วยก้อนน้ำตาลอย่างง่ายดาย เวลานี้จึงหยุดร้องไห้โดยไม่รู้ตัว
“เอาล่ะ เด็กน้อย ลองชิมมัน!”
หลัวชิงเซียนยื่นก้อนน้ำตาลให้ เด็กหญิงตัวน้อยรับมันไปอย่างรวดเร็ว นางเริ่มใช้ลิ้นเลียก้อนน้ำตาลอย่างมีความสุข ดวงตายิ้มหยีคล้ายพระจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้น ก่อนจะกล่าวเสียงดัง “ท่านแม่! ท่านคงจะเป็นแม่ของข้าใช่หรือไม่? ท่านพ่อเคยกล่าวว่าข้ามีแม่ แต่ว่าท่านแม่จากไปแล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้ท่านแม่จะกลับมาหาข้าแล้ว!”
“ใช่แล้ว ข้าเป็นแม่ของเจ้า!” หลัวชิงเซียนกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ท่านแม่! ยอดเยี่ยมแล้ว ข้ามีทั้งพ่อและแม่แล้ว!”
เด็กหญิงตัวเล็กดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของหนิงฝาน และพุ่งเข้าหาหลัวชิงเซียน
หลัวชิงเซียนชอบเด็กหญิงผู้นี้มาก และพานางลงไปเล่นด้านล่างของพระราชวังทันที
ทันใดนั้น ภายในพระราชวังจักรพรรดินีที่เคยเงียบงันก็ถูกเติมเต็มด้วยเสียงหัวเราะ!
“อยู่ดี ๆ ข้าก็มีบุตรสาว!”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองเล่นกันอย่างสนุกสนาน หนิงฝานเพียงรับชมแล้วยกยิ้มจาง
อย่างไรก็ตาม ภายใต้รอยยิ้มนั้น สีหน้าของเขายิ่งเย็นชามากกว่าที่เคย
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าระยะไกล
“หมื่นเผ่า? ทัณฑ์พิบัติเซียน? ไม่สำคัญว่าพวกเจ้าจะเป็นปีศาจ อสุรกาย หรือเซียนตนใด แต่หากพวกเจ้ากล้าหาญลงมาสู่โลกใบนี้ ข้าจะทำให้พวกเจ้าเสียใจ!”