ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 787 : เขตดาวโบไลด์ - การโจมตีอันน่ากลัว
ตอนที่ 787 : เขตดาวโบไลด์ – การโจมตีอันน่ากลัว
ปัง ปัง ปัง !
หวังเย่าเตะเข้าที่คางของโรม่าก่อนที่จะถีบอีกฝ่ายออกไป ส่วนโรม่าก็ต่อยเข้าที่หน้าของหวังเย่า จนทำให้หวังเย่ากระเด็นออกไปเช่นกัน
ทั้งสองประคองตัวเองได้ก่อนจะพุ่งเข้าหากันอีกรอบ หมัดของหวังเย่าอัดเข้าที่เกราะของโร่มาจนทำให้เกิดเสียงระเบิดดังก้องขึ้นมา
เกราะของโรม่าเริ่มอ่อนแอลงเพราะการโจมตีของหวังเย่า การปะทะกันกว่าร้อยครั้งนี้ทำให้ โรม่าเริ่มบาดเจ็บขึ้นมาบ้างแล้ว
แม้ว่าหมัดของหวังเย่าไม่อาจจะทำลายเกราะนี้ได้ก็จริง แต่พลังของหวังเย่าก็มากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า โดยเฉพาะหลังจากที่ดูดซับหินไฟมา ร่างกายของเขาแกร่งยิ่งกว่าสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปแล้ว แม้แต่เล่ยหยานที่ใช้เกราะก็ยังด้อยกว่าหวังเย่าในด้านของพลัง หมัดแต่ละครั้งที่อัดเข้าใส่เกราะนั้นทำให้เกิดรอยยุบขึ้นมา ดังนั้นด้วยการที่โดนหวังเย่าเตะเข้าใส่หลายครั้งก็ทำให้เกราะของโรม่าบิดเบี้ยวไป
หากว่าเป็นหุ่นยนต์ งั้นคงกลายเป็นแค่เศษเหล็กไปแล้ว ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่สภาพของโรม่าในตอนนี้ก็ดูไม่ดีนัก ส่วนหวังเย่าเองก็ใช่ว่าจะเจ็บตัวน้อยไปกว่าโรม่า การปะทะกันของทั้งสองคนนั้นโรม่าได้ใช้อาวุธที่ได้จากดาวเค่อเซวียโจมตีเข้าใส่หวังเย่าจนทำให้เกิดรอยแผลบนตัวจำนวนมาก
โรม่าใช้เกราะของตัวเองรับการโจมตีเอาไว้ แต่หวังเย่าต้องใช้ร่างกายของตัวเองรับการโจมตี ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นมา งั้นป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว
หวังเย่าต่อยเข้าใส่โรม่าทันที หมัดนี้มีพลังเพียงพอที่จะทำให้พื้นดินใต้เท้าแตกออกได้ หวังเย่าใช้โอกาสนี้ถ่ายเทไฟหยินหยางเข้าไปในตัวโรม่า แต่พลังไฟกลับโดนป้องกันไว้โดยเกราะแทน
เกราะส่วนหนึ่งได้ละลายเพราะไฟหยินหยางไป
โรม่ายกนิ้วขึ้นก่อนจะยิงลำแสงเขาใส่ที่แขนของหวังเย่าจนเกิดรอยไหม้ขึ้นมา
หวังเย่าฮึดฮัดออกมาก่อนจะยกตัวโรม่า ฟาดเข้าใส่หิน
“การต่อสู้ของสองคนนี้ดุเดือดจริง ๆ ฉันยังไม่เคยเห็นนายพลสู้กับใครแล้วเสียเปรียบแบบนี้มาก่อน” เล่ยหยานเห็นการต่อสู้ของทั้งสองคนก็พึมพำออกมา
“ตอนแรกฉันยังสงสัยว่าทำไมนายพลไม่ยอมให้เราเข้าไปยุ่ง ถ้าเราเข้าไปยุ่งตอนนี้ ถึงหวังเย่าจะฆ่าเราไม่ได้ แต่ก็มีโอกาสมากที่จะจัดการเรา” เชิงเฟิงพูดขึ้นมา
การที่โดนหวังเย่าอัดให้ตกอยู่ในสภาพนี้คือความอับอายของเขา ถ้านับดูว่าใครในตระกูลหยุนที่เกลียดหวังเย่าที่สุด นอกจากหยุนซีแล้ว ก็คงต้องเป็นเชิงเฟิง
ตอนนั้นพวกเขาถึงได้รู้ตัวว่าหวังเย่าแข็งแกร่งแค่ไหน ภายใต้การปะทะกันของหวังเย่าและโรม่า แม้ว่าพวกเขาอยากจะเข้าไปโจมตี แต่ก็ไม่กล้าจะขัดคำสั่งของโรม่า
“นิสัยของนายพล เราต่างก็รู้ดี ถ้าเราเข้าไปยุ่ง แม้ว่านายพลจะชนะได้ แต่เราก็ต้องโดนลงโทษอยู่ดี” เล่ยหยานพูดขึ้นมา
แม้ว่าสถานการณ์ของโรม่าจะน่ากังวล แต่พวกเขารู้ดีว่าคำพูดของโรม่าสำคัญแค่ไหน ตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งในการต่อสู้ นอกซะจากว่าหยุนซีจะสั่งพวกเขา
“ถ้าโรม่าคิดจะจัดการกับเด็กนี่ เขาคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเราหรอก ? ” หยุนเชาพูดขึ้นมา
เล่ยหยานมองไปที่ชิรูด้วยสีหน้าสงสัยและพูดขึ้น “ชิรู เธอน่ะไม่ได้เกลียดเด็กนี่สินะ ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลย เธอคงไม่ได้โกรธจนพูดอะไรไม่ออกหรอกนะ ? ”
เล่ยหยานคิดถึงการที่หวังเย่าแกล้งชิรูก่อนหน้านี้และอดไม่ได้ที่จะมองหวังเย่าด้วยความชื่นชม
“ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กนั่นเป็นศัตรูของเราแล้ว ฉันเองก็อยากจะผูกมิตรกับเขาเอาไว้” เล่ยหยานพูดขึ้นก่อนจะยิ้มออกมา “การที่กล้าทำกับเธอขนาดนี้ เขากล้าไม่ใช่น้อยเลย”
ชิ้ง !
มีดได้โผล่มาจ่อที่คอของเล่ยหยาน พร้อมกับน้ำเสียงเย็นชาของชิรู “ถ้านายไม่กลัวลิ้นขาดก็พูดต่อสิ”
เล่ยหยานยิ้มแห้ง ๆออกมา เขาไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะขนาดหยุนซี เธอยังไม่เกรงกลัว เมื่อเธอพูดแบบนี้ออกมา งั้นแน่นอนว่าเธอต้องกล้าทำ
หยุนซีได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้น “พวกนายสองคนเล่นสนุกกันจนไม่รู้รึไงว่าเด็กนี่แกร่งมาได้ถึงระดับนี้ ? ”
“ท่านสี่ ในมิติทดสอบเด็กนี่ไม่ได้แกร่งถึงขนาดนี้ ตอนนั้นแม้ว่ามันจะแกร่งระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากนัก ผมกับชิรู ร่วมมือกันก็จัดการมันได้แน่” เล่ยหยานพูดขึ้นมา
เมื่อนึกถึงเรื่องในมิติทดสอบ หวังเย่าก็ไม่ได้แกร่งถึงขนาดนี้ เล่ยหยานไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมอยู่ ๆ หวังเย่าถึงได้แกร่งขึ้นมาถึงระดับนี้ได้
“รึว่าเขาปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้ตลอด ? ” หยุนเชาถามขึ้นมา
ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อหวังเย่าแล้ว เด็กน้อยตรงหน้านั้นเจ้าเล่ห์ มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะปกปิดความแข็งแกร่งเอาไว้
“ไม่ใช่แน่ ! ” เล่ยหยานพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ามั่นใจ “ท่านห้าอาจจะไม่รู้ ในมิติทดสอบนั้น ผมกับชิรูต้องผ่านการทดสอบก่อนถึงจะออกมาได้ เพื่อจะหาตัวว่าเขาอยู่ที่ไหน เราจึงรับภารกิจเดียวกันกับเขาไปด้วย สิ่งที่เราต้องเผชิญในภารกิจนั้นคือสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งในมิติทดสอบ”
เมื่อคิดถึงความน่ากลัวของราชาอสูรสูบเลือด เล่ยหยานก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ในสถานการณ์เป็นตายแบบนั้นการที่จะปกปิดพลังตัวเองเอาไว้ก็ไม่ต่างอะไรจากการหาที่ตาย เขาไม่มีทางปกปิดความแข็งแกร่งต่อหน้าเรา ดูเหมือนว่าตอนที่เรากำลังจะออกมาก็ไม่รู้เลยว่าเขาใช้วิธีไหนที่ทำให้อยู่ต่อได้อีก”
“เรารออยู่ด้านนอกไม่กี่ชั่วโมง เขาจะทำอะไรได้ ? มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มเลเวลขึ้นมาอีก 5 เลเวลในเวลาแค่นั้น”หยุนเชาพูดขึ้นมา
“อย่าลืมว่าการไหลของเวลาในมิติทดสอบกับที่นี่ไม่เหมือนกัน” เล่ยหยานพูดขึ้น
ทั้งสองคนเข้าไปในมิติทดสอบกว่าครึ่งเดือนแต่ด้านนอกผ่านไปแค่ 20 ชั่วโมงเท่านั้น
“เขาอยู่ในมิติทดสอบอีก 2-3 วัน บางทีนั่นอาจจะทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาได้จริง ๆ ” ชิรูพูดขึ้น
“เด็กนี่โชคดีจริง ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ใช่แค่เราจะจัดการมันไม่ได้ แต่เราอาจจะโดนมันจัดการเอง” หยุนซีสีหน้าหม่นลงและพูดขึ้นมา
ความแข็งแกร่งของหวังเย่านั้นเกินกว่าที่หยุนซีคาดเอาไว้ หวังเย่าคนเดิมถึงแม้ว่าจะมีพรสวรรค์แต่ความแข็งแกร่งก็แค่ทัดเทียมกับคนเลเวล 140 แม้ว่าจะมีความคิดที่ฉลาดแต่ก็ไม่อาจจะสู้กับพวกเขาได้ แต่หวังเย่าในตอนนี้ไม่ใช่แค่นักสู้เลเวล 140 แต่เขายังเทียบได้กับโรม่าที่เลเวล 150 ถึงอาจจะไม่ได้แกร่งเท่ากับหยุนซีก็ตาม
ในด้านความแข็งแกร่งโดยรวมแล้ว โรม่านั้นแกร่งกว่าชิรูและเล่ยหยานอย่างมาก
แต่ตอนนี้โรม่ากลับดูสูสีกับหวังเย่า แต่มันน่าทึ่งตรงที่เด็กคนนี้เลเวลแค่ 130 เท่านั้น
หวังเย่าเห็นช่องโหว่และได้ใช้ระเบิดไฟส่งให้โรม่ากระเด็นออกไป
หยุนซีเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะลงมือเอง
หวังเย่าเพิ่งรับมือกับศัตรูตรงหน้าเสร็จ เขายังไม่ทันได้พักหายใจก็รู้สึกได้ถึงพลังผันผวนที่พุ่งเข้ามาแล้ว
หยุนซีพุ่งเข้ามาพร้อมกับพลังที่อัดแน่นในมือ แสงสีฟ้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลายเป็นระเบิดพลังในมือของหยุนซี
เมื่อรู้สักได้ถึงระเบิดพลังนั้น หวังเย่าก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที พลังของระเบิดนี้ไม่อาจจะเอาบอลสายฟ้าของโรม่ามาเทียบได้แน่
ในพริบตาหยุนซีก็รวบรวมพลังงานได้เสร็จ มิติรอบตัวของเขาเริ่มบิดเบี้ยวไป
พลังงานระดับนี้มีแค่การดึงพลังงานทุกส่วนมารวมตัวกันเท่านั้นถึงจะทำได้ หลังจากนั้นหยุนซีก็ได้โยนระเบิดพลังเข้าใส่หวังเย่าทันที
ตอนที่ระเบิดพลังพุ่งออกมา ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ไหนก็ทำให้มิติบิดเบี้ยวไปด้วย ในพริบตาระเบิดพลังกลับมาโผล่ตรงหน้าของหวังเย่า
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังที่ระเบิดแผ่ออกมา หวังเย่าก็ขนลุกทันที เขารีบถอยเพื่อเว้นระยะห่างเท่าที่จะทำได้
ตูม !
เสียงระเบิดดังก้องในหุบเขา เสียงนี้ดังก้องไปทั่วทั้งชั้น 4 แสงได้สว่างจ้าและกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว มันราวกับว่าทั้งโลกปกคลุมไปด้วยแสงนี้และเข้าสู่ช่วงที่เงียบจนน่าประหลาดใจ
ภายในแสงนี้ทุกอย่างกลับเหมือนโดนเผา ค่ายกลของหุบเขาเองก็ไม่อาจจะต้านทานได้ไหว ทั้งหุบเขาโดนทำลายไปในพริบตา คลื่นพลังได้กระจายออกไปทั่ว
ในตอนนั้นเอง กลับมีพลังพุ่งลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะหายไปในทันที
พลังของระเบิดนี้เพียงพอที่จะทำลายโลกได้ หุบเขาทั้งลูกโดนทำลายไป แม้แต่หุบเขาโดยรอบก็ยังหายไปด้วย ที่นั่นเหลือแค่จารึกเท่านั้นที่ยังอยู่ดี