ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 750 : เขตดาวโบไลด์ - ด้านในหุบเขา
ตอนที่ 750 : เขตดาวโบไลด์ – ด้านในหุบเขา
ด้วยเสียงโอดครวญของสัตว์อสูรไฟ สัตว์อสูรไฟตัวหนึ่งก็โดนหวังเย่าฆ่าไป
เมื่อสัตว์อสูรไฟกลายเป็นเถ้าไป สุดท้ายก็เผยให้เห็นผลึกในกองเถ้า หวังเย่าเผยสีหน้ายินดีออกมา นี่เป็นผลึกก้อนที่สองที่เขาได้มา
สัตว์อสูรไฟที่เขาฆ่าไปก่อนหน้านี้ไม่มีผลึกเลยสักตัว ตอนแรกเขาก็คิดว่าผลึกเหล่านี้อาจจะมีในสัตว์อสูรไฟทุกตัว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรไฟทุกตัวจะไม่ได้มีผลึกไฟแบบนี้ตัว และโอกาสที่พวกมันจะมีผลึกไฟนั้นต่ำอย่างมาก
เพราะมีวิธีในการปกปิดคลื่นพลังของตัวเอง หวังเย่าจึงไม่กลัวว่าสัตว์อสูรไฟจะเข้ามาล้อมโจมตีเขา แต่วิธีการลอบโจมตีนี้ก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ หากคำนวณดูแล้ว ถ้าอยากได้ผลึกไฟจำนวนมากก็คงเปลืองแรงอย่างมาก
หยุนซีและคนอื่น ๆ อยู่ที่ปากหุบเขาห่างออกไปกว่า 10 ไมล์ พวกนั้นยังพากันเดินหน้าต่อ ตามการคาดการณ์แล้ว อีกไม่นานพวกนั้นต้องมาถึงที่นี่เป็นแน่
“ถ่วงเวลาพวกนั้นแบบนี้ไม่ได้ ไม่งั้นอีกไม่นานพวกมันคงตามทัน” หวังเย่าคิดในใจ
เมื่อคำนวณความเร็วดูแล้ว หวังเย่าก็ตัดสินใจที่จะเสี่ยง หากเขาเดินหน้าเข้าไปต่อ บางทีเขาอาจจะได้ผลึกมามากกว่านี้ก็เป็นได้
เขามองไปที่สัตว์อสูรไฟรอบ ๆ และเลือกสัตว์อสูรไฟกลุ่มเล็กที่มีกว่าร้อยตัว
เมื่อห่างจากพวกสัตว์อสูรไม่กี่สิบเมตร หวังเย่าก็ได้ปิดโล่ไฟของตัวเอง จนทำให้สัตว์อสูรไฟเหล่านั้นรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของเขา ในพริบตามันก็แห่เข้ามาหาหวังเย่าทันที เมื่อเห็นสัตว์อสูรไฟกว่าร้อยตัวที่แต่ละตัวทัดเทียมกับคนเลเวล 130 ได้ หวังเย่าก็ไม่กล้าที่จะประมาท
ตอนที่สัตว์อสูรเหล่านั้นอยู่ห่างไม่ถึง 10 เมตร มันก็มีฉลามไฟก่อตัวขึ้นมาที่ด้านหลังของหวังเย่า ก่อนจะพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรเหล่านั้น
สัตว์อสูรไฟหลายตัวพากันกระเด็นออกไปกองกับพื้นเพราะฉลามไฟของหวังเย่า สัตว์อสูรไฟตรงหน้ากว่าสิบตัวโดนฆ่าไปในทันที พวกที่อยู่ด้านหลังพากันกระเด็นออกไปด้วย
แต่สัตว์อสูรไฟเหล่านี้แกร่งกว่านักสู้ทั่วไป แม้แต่ฝ่ามือฉลามไฟก็ส่งผลกับพวกมันอย่างจำกัด เมื่อหมดพลังงานแล้วก็ไม่อาจจะทำอะไรสัตว์อสูรเหล่านี้ได้อีก
หวังเย่าเว้นระยะห่างแล้วถอยกลับมาพร้อมกับทำการโจมตีเข้าใส่สัตว์อสูรที่ไล่ตามมา
ในพริบตาสัตว์อสูรไฟก็โดนฆ่าไปเกือบหมดแล้ว โชคยังดีที่พวกมันไม่ได้มีความฉลาด พวกมันไม่หลบการโจมตีและปล่อยให้การโจมตีอัดเข้ากับตัว ไม่นานหวังเย่าก็ฆ่าสัตว์อสูรไฟไปได้กว่า 7,788 ตัว
หลังจากที่กำจัดสัตว์อสูรไฟกลุ่มสุดท้ายแล้ว หวังเย่าก็วิ่งเข้าไปและเก็บผลึกที่ตกลงมา
สัตว์อสูรไฟร้อยตัวนี้ให้ผลึกกว่า 10 ก่อน มันถือว่าเป็นผลกำไรที่ดี บอกได้ว่าวิธีของเขาใช้ได้ผล
ตราบใดที่มั่นใจว่าไม่มีสัตว์อสูรไฟกลุ่มอื่นอยู่ใกล้ ๆ งั้นเมื่ออยู่ใกล้กับสัตว์อสูรไฟจำนวนที่ไม่มากนักแบบนี้ เขาก็สามารถรับมือได้
แต่ด้วยการที่ปะทะกับหยุนซีและคนอื่น ๆ มา หวังเย่าจึงไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เมื่อสัตว์อสูรไฟยังถ่วงเวลาพวกหยุนซีให้ เขาจึงต้องใช้โอกาสนี้ในการฟื้นฟูตัวเองให้ได้โดยเร็วที่สุด
หลังจากที่ปกปิดคลื่นพลังด้วยไฟหยินหยางแล้ว หวังเย่าก็ได้นั่งลงกับพื้นและเริ่มดูดซับพลังงานในผลึก
เมื่อพลังงานเข้ามาในตัว พลังกฎไฟที่ถูกใช้ไปก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นมา
พลังงานในผลึกนี้เข้มข้นกว่าที่หวังเย่าคิดเอาไว้อย่างมาก มันเท่ากับการบ่มเพาะทั้งวันของเขา แต่เขาใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็ดูดซับมันเสร็จ
ตราบใดที่ผลึกนี้มากพอ งั้นความเร็วในการบ่มเพาะของเขาก็จะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่น่าตกใจ ผลของการดูดซับผลึกไฟนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการบ่มเพาะที่โลกภายนอกเลย
หลังจากที่ดูดซับผลึกไปกว่า 10 ก้อน หวังเย่าก็รู้สึกว่าไม่ใช่แค่ฟื้นฟูพลังขึ้นมาเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าเลเวลของตัวเองจะพัฒนาขึ้นมาด้วย และอีกไม่นานเขาก็จะทะลวงผ่านไปได้
หลังจากที่เข้ามาในดินแดนนรก แม้ว่าจะยังทะลวงผ่านเลเวลไม่ได้ แต่การควบคุมพลังของตัวเองก็ดูชำนาญมากกว่าเดิม
มันเพราะการที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรากฐานอย่างต่อเนื่อง รวมกับการต่อสู้ที่ผ่านมาจึงทำให้ความแข็งแกร่งของ หวังเย่าพัฒนาขึ้นไปอีก เขาสามารถท้าทายคนที่ระดับสูงกว่าได้ ไม่ใช่แค่เพราะพลังไฟหยินหยางและพลังของสัตว์อสูรที่เขามีเท่านั้น แต่เพราะการควบคุมพลังของตัวเอง ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่อาจจะรวมพลังไฟหยินหยางมาใช้กับทักษะต่าง ๆ ได้
เมื่อบ่มเพาะจนเสร็จ หวังเย่าก็รู้ว่าหยุนซีและคนอื่น ๆ เกือบมาถึงตัวเขาแล้ว อีกไม่นานพวกนั้นต้องมาถึงที่นี่แน่ เขารู้ว่าไม่มีทางอยู่ที่นี่ต่อได้ ก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในหุบเขาต่อ
ไม่นานหลังจากที่หวังเย่าจากไป ชายคนหนึ่งก็พุ่งฝ่าฝูงสัตว์อสูรไฟออกมา
เล่ยหยานได้ชนกับสัตว์อสูรไฟหลายตัวก่อนที่จะลงมายืนที่พื้น ร่างของสัตว์อสูรไฟเหล่านั้นล้วนแต่โดนตัดเป็นชิ้น ๆ ไม่ก็บิดเบี้ยวไป
เล่ยหยานทะยานลงมา ตามมาด้วยหยุนซีและหยุนเชา หลังจากนั้นก็มีเชิงเฟิงและโรม่า
พวกเขาเพิ่งผ่านทางเดินแคบ ๆ มาได้ สุดท้ายก็ได้เห็นว่าหุบเขานี้มีสภาพเป็นแบบไหน
“มีสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นอยู่ที่นี่ด้วยหรือ ? ” คนตระกูลหยุนพากันแปลกใจเมื่อเห็นกระเรียนไฟและสัตว์อื่น ๆ
พวกเขาได้สู้กับสัตว์อสูรไฟมาก่อน และคิดว่าคงไม่มีอะไรอื่นนอกจากสัตว์อสูรไฟที่นี่ แต่ตอนนี้พวกเขากลับพบว่ามันต่างจากข้อมูลที่พวกเขาได้มา
หากเข้าใจสถานการณ์ในขั้น 4 แล้ว พวกเขาจะรู้ว่าชั้นนี้จะสูบเลือดสิ่งมีชีวิตอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นศพ แต่ฉากตรงหน้านั้นมันผิดจากที่พวกเขาเข้าใจมา
“ไม่ ! พวกนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต พวกนี้มีองค์ประกอบร่างกายไม่เหมือนกับเรา” เชิงเฟิงวิเคราะห์สักพักแล้วพูดขึ้นมา
โรม่าดึงเอาเครื่องมือออกมาแล้วทำการแสกนกระต่ายไฟที่อยู่ไกลออกไปก่อนจะมองข้อมูลที่ได้มาแล้วพูดขึ้น “มันมีพลังงานในตัว ในสายตาของผู้บ่มเพาะแล้ว มันเรียกกันว่าวิญญาณ แต่ร่างพลังงานเหล่านี้มีจิตที่สั่งให้พวกมันล่าอาหาร”
โรม่าเห็นหมาป่าที่กำลังฉีกเนื้อสัตว์อสูรไฟอยู่ สัตว์อสูรไฟนั้นไม่อาจจะหนีได้เลย พวกมันได้กลายเป็นเหยื่อไปในทันที
ไม่ไกลนักพวกเขาก็พบว่ากลุ่มสัตว์อสูรไฟที่อยู่ห่างไปไม่กี่ร้อยเมตรกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขา สัตว์อสูรไฟพวกนี้รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังชีวิตและแห่กันมาที่นี่ทันที
“โรม่า ทุกอย่างพร้อมไหม ? ” หยุนซีถามกับโร่มา
โรม่าเอาหุ่นยนต์ขนาดเท่ากับฝ่ามือออกมา มันราวกับแมลงปอ แมลงปอเหล็กได้ลอยขึ้นเหนือหัวทุกคนก่อนจะปล่อยลำแสงที่แปลกประหลาดออกมา ลำแสงนี้ห่อหุ้มตัวทุกคนเอาไว้ จากนั้นสัตว์อสูรไฟที่แห่กันเข้ามาก็พากันหยุดทันที พวกมันแสดงท่าทีสับสนอยู่สักพักก่อนจะหันกลับแล้วเดินกลับไป
กลับเป็นว่าลำแสงนี้สามารถปกปิดคลื่นพลังของสิ่งมีชีวิตได้ ดังนั้นสัตว์อสูรไฟจึงไม่อาจจะรับรู้ตัวตนของพวกเขาได้
“มันทำงานได้แค่ 2 ชั่วโมง ถ้าเราหาเด็กนั่นไม่ได้ใน 2 ชั่วโมง งั้นเราก็ต้องรีบออกจากที่นี่” โรม่าพูดขึ้นมา
นี่คืออุปกรณ์ที่พวกเขาเตรียมมาใช้ในชั้น 4 เผื่อว่าพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย
แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาใช้มันเพื่อไล่ฆ่าหวังเย่า
มันสามารถปกปิดคลื่นพลังของพวกเขาได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรไฟเหล่านี้เลย แม้แต่คนระดับสูงอย่างฟู่หมิงก็ยากที่จะตรวจจับตัวตนของพวกเขาได้
“2 ชั่วโมงนั้นเพียงพอจะค้นหาทั้งหุบเขาได้ ฉันไม่เชื่อว่าเราจะไม่พบมัน ! ” หยุนซีพูดขึ้นมา
ในมุมมองของเขาแล้วพวกเขาโดนสัตว์อสูรไฟขัดขวางจึงทำให้ล่าช้า แม้จะไม่รู้ว่าหวังเย่าใช้วิธีไหนในการหลบหนีพวกเขาไป แต่ตราบใดที่ยังอยู่ในหุบเขานี้ ยังไงพวกเขาก็ต้องหาหวังเย่าพบ
หวังเย่าไม่รู้เลยว่าหยุนซีมีวิธีที่จะฝ่าวงล้อมสัตว์อสูรไฟมาได้ แต่ถึงจะรู้ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ เพราะตอนนี้เขากำลังมีปัญหาอยู่
หวังเย่ามองไปที่ทางเดินแคบ ๆ ตรงหน้า เขาอดไม่ได้ที่จะปวดหัวขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าที่ปากทางมีม้าใส่เกราะสองตัวยืนอยู่
ม้านี่เป็นผู้พิทักษ์รึไง ?
แต่มังกรบอกว่าที่ชั้นสี่มีแค่สัตว์อสูรไฟ ไม่ได้บอกภูมิประเทศละเอียดมากนัก มังกรแค่พูดถึงหุบเขาว่าห้ามให้เขาเข้าไปหากไม่ได้รับอนุญาต ทำไมไม่บอกเขาว่าตรงทางเข้านี้จะมีผู้พิทักษ์กันไม่ให้เขาเข้าไป ?
แต่หวังเย่าไม่คิดเลยว่าหุบเขาที่กว้างขวางจะเปลี่ยนไปแบบนี้ มันไม่ใช่ทุ่งหญ้าดังเดิม แต่กลับเป็นทางเดินแคบ ๆ
ที่ผาทั้งสองฝั่งมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ — หุบเขามังกร ส่วนที่สอง !
มังกรบอกว่าที่นี่คือเขตหวงห้าม แต่หวังเย่าไม่ใช่แค่ไม่ถอย แต่เขากลับจะล่อศัตรูเข้าไปด้วย
หวังเย่ารู้แล้วว่าทำไมมันถึงถูกเรียกว่าเขตหวงห้าม
สำหรับสัตว์อสูรไฟแล้ว มันก็แค่อันตรายส่วนหนึ่งของหุบเขาแห่งนี้ นอกจากนี้แล้วหากอยากเข้าไปต่อในหุบเขาก็ต้องเอาชนะผู้พิทักษ์ให้ได้ก่อน