ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 749 : เขตดาวโบไลด์ – การค้นพบที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 749 : เขตดาวโบไลด์ – การค้นพบที่ไม่คาดคิด
ตอนนั้นหยุนซีก็รู้ว่าโดนหวังเย่าหลอกเข้าแล้ว จำนวนสัตว์อสูรที่นี่มากกว่าที่ด้านนอก แม้ว่าจะดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไรแต่ก็แกร่งกว่าด้านนอกหลายเท่า ที่นี่เป็นเขตห้ามบิน มันทำให้เขารู้ว่าหวังเย่าต้องการจะลดความได้เปรียบในด้านความเร็วของพวกเขาไป แต่เมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว งั้นแม้ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะมาขวางหน้าเขา แต่ความแข็งแกร่งของหวังเย่าก็ด้อยกว่าพวกเขาอยู่ดี แล้วอย่างนั้นหวังเย่าจะรอดได้ยังไง ?
หยุนซีไม่รู้คำตอบ แต่จากที่รู้จักหวังเย่าแล้ว เด็กนี่ไม่อาจจะเอาตัวเองมาเสี่ยงได้ อีกฝ่ายต้องมีทางในการเอาตัวรอดที่เขาไม่รู้เพื่อหนีจากวงล้อมของสัตว์อสูร
แต่ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร หยุนซีก็ไม่มีเวลาให้คิด
สัตว์อสูรแห่กันมามากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นพวกเขาจะต้องจัดการสัตว์อสูรพวกนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
หยุนซีไม่ต้องลงมือเอง เล่ยหยานได้ทำการลงมือ และเข้ามาขวางหน้าสัตว์อสูรเอาไว้ เชิงเฟิงได้พุ่งเข้าไปหากลุ่มสัตว์อสูรตรงหน้าก่อนจะมีดาบปรากฏขึ้นมาในมือและตัดหัวสัตว์อสูรไฟไปได้อย่างง่ายดาย
ถึงหัวจะหลุดออกมา แต่กลับไม่มีเลือดกระจายออกมาเลยแม้แต่น้อย มันเป็นแค่พลังงานไฟที่สลายหายไป
เมื่อไฟสลายไป ร่างของสัตว์อสูรก็กลายเป็นเถ้าก่อนจะสลายไปทันที แม้ว่าสัตว์อสูรไฟเหล่านี้จะไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่มันก็มีจุดอ่อนที่ชัดเจนนั่นคือพลังไฟที่หัวของมัน
คนที่ตายไปในชั้น 4 เมื่อร่างกายอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้แล้วก็มีโอกาสที่จะดูดซับพลังไฟที่นี่ไป มันจะไปรวมตัวกันที่หัวของศพ จากนั้นก็ดูดซับพลังงานและกลายเป็นสัตว์อสูรไฟขึ้นมา
ตราบใดที่ทำลายพลังงานไฟที่หัวของมันได้ งั้นสัตว์อสูรไฟนี่ก็จะตาย
หวังเย่าเองก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรไฟเหล่านี้ สำหรับเชิงเฟิงแล้วไม่อาจจะทำอะไรเขาได้เลย ทุกการโจมตีนั้นจะฆ่าสัตว์อสูรไฟได้อย่างน้อยหนึ่งตัว จากนั้นเล่ยหยานก็ค่อย ๆ เดินหน้ารุกคืบขึ้นมาต่อ
รูปแบบการต่อสู้ของเชิงเฟิงนั้นทั้งรวดเร็วและว่องไว การโจมตีของเขารุนแรงขึ้นมาเรื่อย ๆ มันทำให้พวกเขาเดินหน้ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โล่ของเล่ยหยานเองก็คอยกันสัตว์อสูรที่พึ่งเข้ามาและทำให้พวกมันกระเด็นออกไป
ปัง !
สัตว์อสูรไฟตัวหนึ่งพุ่งมาตรงหน้าและอ้าปากเพื่อโจมตีเล่ยหยาน แต่วินาทีต่อมาโล่ก็อัดเข้าที่หน้าของมันก่อนจะทำให้มันกระเด็นออกมา
ขอบโล่ได้อัดเข้าที่หัวของมันอย่างแม่นยำ แม้แต่ร่างกายก็ยังบิดเบี้ยวไปด้วย
พลังของโล่นี้ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์อสูรเลเวล 110 จะรับมือไหว
เมื่อเชิงเฟิงคอยเข้ารับการโจมตีให้ มันก็มีสัตว์อสูรตัวอื่นที่พุ่งมาหาเขาจากด้านหลัง
เพราะที่นี่มีสัตว์อสูรไฟจำนวนมาก สัตว์อสูรไฟเหล่านี้จึงพุ่งมาจากทุกทิศทางโดยไม่เปิดโอกาสให้เชิงเฟิงได้หลบแม้แต่น้อย
แต่เชิงเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องหลบ เขาแค่สะบัดมือก่อนที่ดาบของเขาจะบินออกมาหมุนวนรอบตัว ตอนนั้นร่างของสัตว์อสูรไฟก็โดนตัดออกเป็นชิ้น ๆ
แม้ว่าจำนวนสัตว์อสูรไฟจะมาก แต่ต่อหน้านักสู้ทั้งสองแล้ว จำนวนมันก็ลดลงไปเรื่อย ๆ
การโจมตีแต่ละครั้งของทั้งสองคนนั้นได้กำจัดสัตว์อสูรไฟไปจำนวนมาก ใช้เวลาไม่นานจำนวนสัตว์อสูรไฟที่มีเกือบพันตัวก็เหลือแค่ร้อยตัวเท่านั้น
ดาบและโล่ของทั้งสองคนทำให้สัตว์อสูรไฟนั้นลดลงอย่างรวดเร็ว
โล่ของเล่ยหยานได้ยิงสายฟ้าออกมาพร้อมกับกลิ่นไหม้ที่ลอยคละคลุ้งไปทั่ว ในตอนที่สายฟ้าได้ยิงออกจากโล่ สัตว์อสูรหลายสิบตัวที่เหลือก็ถูกกำจัดไป
ตั้งแต่ต้นจนจบก็กินเวลาไปไม่ถึง 30 นาทีในการจัดการกับสัตว์อสูรกว่าพันตัวพวกนี้ ที่พื้นมีแต่รอยไหม้และเถ้าที่กองเป็นพะเนิน
“ไม่คิดเลยว่าจะมีสัตว์อสูรไฟมากแบบนี้ นี่แค่ทางเข้าเอง ไม่รู้ว่าด้านในจะเป็นยังไงบ้าง” หยุนเชาคิ้วขมวด
แค่จำนวนสัตว์อสูรที่นี่ก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดได้แล้ว เขารู้สึกว่าที่นี่นั้นอันตราย
เล่ยหยานแสดงสีหน้ากังวลออกมา เขาเก็บโล่และพูดขึ้น “ท่านห้า ผมว่าที่นี่ไม่มีอะไรดี สัตว์อสูรไฟที่นี่เลเวลน้อย ท่านสี่และท่านห้าไม่จำเป็นต้องลงมือเลย แค่ผมกับเชิงเฟิงก็พอแล้ว”
“แต่นี่แค่ทางเข้าเราก็เจอสัตว์อสูรไฟมากกว่าเดิมเกือบสิบเท่าแล้ว แล้วด้านในจะเป็นยังไง แม้แต่สัตว์อสูรไฟระดับต่ำก็ยังกินเวลาเรามากแบบนี้” เชิงเฟิงนั้นมองต่างออกไป
เหตุผลว่าทำไมหวังเย่าถึงหนีมาได้หลายครั้ง เพราะเขาใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อถ่วงเวลาพวกนี้และใช้โอกาสนั้นหนีไป
แต่ยังไงหยุนซีก็แค้นหวังเย่าอย่างมาก เขาไม่มีทางที่จะหยุดที่นี่แน่
“เข้าไปดูด้านใน เด็กนี่มีทางที่จะหนีจากสัตว์อสูรไฟพวกนี้ก็จริง แต่ที่นี่เป็นเขตห้ามบิน ตราบใดที่เราเร็วกว่า มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาว่าเราจะตามมันทันเมื่อไหร่” หยุนซีพูดขึ้น
แต่เขายังพูดไม่ทันจบก็พบกลุ่มสัตว์อสูร เมื่อเห็นกลุ่มสัตว์อสูร หลายคนก็พากันแปลกใจ โรม่าได้ตะโกนออกมา “ท่านสี่ มันแปลกจริง ๆ จำนวนสัตว์อสูรไฟพวกนี้มากกว่าด้านนอกเป็นสิบเท่า”
“เชิงเฟิง เล่ยหยาน พวกนายสองคนไปเปิดทาง ไม่ต้องยั้งมือ รีบลงมือ ! ” หยุนซีสั่งการออกมา
หวังเย่าได้ยินเสียงคำรามจากด้านหลังก็รู้ว่าหยุนซีและคนอื่น ๆ พบกับกลุ่มสัตว์อสูรไฟแล้ว แม้ว่าความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรพวกนี้จะไม่ได้สูงนัก แต่จำนวนของมันก็มากกว่าด้านนอกเป็นสิบเท่า หากอีกฝ่ายคิดจะตามเขาให้ทันแล้ว งั้นก็ต้องใช้พลังไปอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเข้ามาในหุบเขาลึกเท่าไหร่ หวังเย่าก็พบว่าความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรไฟนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาเดินทางเข้ามาได้กว่า 10 ไมล์ ภูมิประเทศที่นี่กลับเปิดโล่งมากขึ้น ตอนนี้หุบเขาเล็ก ๆ กลับกลายเป็นทุ่งหญ้าแทน ระยะห่างระหว่างผาทั้งสองฝั่งมากกว่าสิบไมล์ ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรไฟเพิ่มขึ้นจากเลเวล 110 เป็น 130
สิ่งมีชีวิตที่นี่เองก็ดุร้ายอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะหวังเย่าใช้ไฟหยินหยางปกคลุมตัวเอาไว้แล้ว งั้นนี่ไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรไฟเลย แค่สัตว์ธรรมดาก็เพียงพอที่จะสร้างปัญหาให้เขาได้แล้ว
แม้ว่าหยุนซีและคนอื่น ๆ จะตามเขาทันจริง ๆ แต่เมื่อมาพบกับสัตว์ในหุบเขาแห่งนี้แล้วก็เพียงพอที่จะสร้างปัญหาให้กับพวกนั้นได้
หวังเย่ายิ้มออกมาด้วยความพอใจ “ถ้าอยากสร้างปัญหาให้ฉัน งั้นฉันก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นด้วย ! ”
แต่ตอนนั้นเองที่หวังเย่าพบว่าสัตว์อสูรไฟตัวหนึ่งโดนไล่ล่า เมื่อตัวของมันสลายไปก็เหลือผลึกเอาไว้
เขาเดินเข้าไปดูและพบว่ามันเป็นผลึกสีแดงขนาดเท่ากับนิ้วโป้ง ผลึกนี้กลมและเปล่งแสงราวกับอัญมณี หวังเย่ารู้สึกได้ถึงพลังไฟด้านในผลึกนี้ด้วย
ความบริสุทธิ์ของพลังไฟในผลึกนั้นสามารถใช้เป็นพลังงานเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งได้ ถ้าเป็นคนที่ฝึกฝนกฎไฟอยู่แล้ว งั้นก็สามารถใช้มันเพิ่มพลังกฎไฟของตัวเองได้
แม้ว่าหวังเย่าจะฝึกฝนกฎไฟหยินหยางและพัฒนามันด้วยแก่นไฟ แต่พลังไฟในผลึกนี้ก็สามารถใช้ในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้ เขาได้แก่นไฟมาสามก้อนจากฟู่หมิง แต่ตอนนี้เขาดูดซับมันได้แค่ก้อนเดียว เพราะขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้แล้วหากยังฝืนดูดซับพลังไฟอีกสองก้อนเข้าไป งั้นไม่ต้องรอให้พวกนั้นมาฆ่าเขา แต่ร่างกายของเขาจะพังเพราะพลังไฟนี่เอง
พลังไฟในผลึกนี่สามารถยกระดับความแข็งแกร่งของเขาได้ หากดูดซับพลังไฟในผลึกและใช้มันในการเพิ่มความแข็งแกร่ง งั้นความเร็วในการพัฒนาของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ดังนั้นเมื่อหวังเย่าเห็นผลึกเหล่านี้ เขาก็รู้คุณค่าของมันทันที สัตว์อสูรโดยรอบเองก็ไม่สนใจอันตรายและรีบพุ่งเข้าไปหาผลึกนั่นเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรไฟเหล่านี้แค่เลเวล 130 ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเป็นภัยต่อหวังเย่าได้
แต่หุบเขานี้คือที่ไหน ?
มันไม่ได้มีสัตว์อสูรไฟแค่ตัวเดียว แต่ละกลุ่มมีอย่างน้อยก็ร้อยตัวแล้ว นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรในหุบเขาแห่งนี้ที่คอยล่าสิ่งมีชีวิตอยู่
แต่โชคดีที่หวังเย่าปกปิดคลื่นพลังของตัวเองเอาไว้ได้ ไฟหยินหยางนั้นมีพลังกดดันสัตว์อสูรไฟเหล่านี้ได้ ซึ่งทำให้พวกนั้นต้องพากันถอยห่างออกมาจากตัวขา
ปัง !
หวังเย่าลงมือและฆ่าสัตว์อสูรไฟได้ในไม่กี่วินาที แต่ตอนที่เขาลงมือนั้นเพราะลงมือหนักเกินไปจึงทำให้ไฟหยินหยางนั้นเกิดช่องโหว่ขึ้นมา คลื่นพลังของเขารั่วไหลออกมาจนทำให้สัตว์อสูรไฟโดยรอบรับรู้ตัวตนของเขาได้
หวังเย่าต้องแปลกใจ เขารีบปกปิดคลื่นพลังของตัวเองเอาไว้ จากนั้นสัตว์อสูรไฟรอบตัวก็ไม่อาจจะรับรู้ตัวตนของเขาได้ มันจึงได้แยกย้ายกันออกไป
หวังเย่าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะมองไปยังสัตว์อสูรไฟที่เขาเพิ่งฆ่าแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากกองเถ้า
“ไม่ใช่ว่าในตัวสัตว์อสูรไฟทุกตัวจะมีผลึกรึไง งั้นก็แปลว่ามันมีโอกาสที่พวกนี้จะมีผลึกในตัวสินะ ? ”
หวังเย่าคิดถึงสัตว์อสูรไฟที่เขาฆ่าไปก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นผลึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
หากสัตว์อสูรไฟทุกตัวให้ผลึกแบบนี้ แม้ว่าชั้นสี่จะดูอันตราย แต่ก็คงมีหลายคนที่จะยอมอยู่ที่นี่เพื่อฆ่าสัตว์อสูรไฟเหล่านี้
ตอนแรกที่เขาเดินทางเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้ก็เพื่อถ่วงเวลาหยุนซีกับคนอื่น ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบกับเรื่องที่ไม่คาดคิดแบบนี้