ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 747 : เขตดาวโบไลด์ - ไล่ล่า
ตอนที่ 747 : เขตดาวโบไลด์ – ไล่ล่า
ซูเสี่ยวซวนโดนหวังเย่าลากตัวมาและรู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่านใบหน้าไป นี่คือความเร็วที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน ยกเว้นแต่ว่าขึ้นยาน ความเร็วในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าความเร็วของยานเลยแม้แต่น้อย มันกินเวลาไม่นานพวกเขาก็หนีมาได้หลายร้อยไมล์แล้ว
“โอ้ ! นายบินได้เร็วจริงๆ ฉันคิดว่านายแกร่งแค่พอที่จะหนีเอาตัวรอดได้เท่านั้น” ซูเสี่ยวซวนมองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าแปลกใจและพูดขึ้น
สีหน้าของหวังเย่าหม่นลง ผู้หญิงคนนี้พูดมากจริง ๆ ดูเหมือนว่าตระกูลของเธอจะตามใจเธอจนเสียนิสัย
“หวังเย่า นายไปมีเรื่องกับตระกูลหยุนได้ยังไง ? ” ซูเชิงดูมีสติกว่าน้องสาวของตัวเอง จากบทสนทนาของหวังเย่ากับ หยุนเชาเมื่อตะกี้ก็ทำให้เขาพอจะเดาออกว่าต้องมีความแค้นระหว่างทั้งสองฝ่ายอยู่
ตระกูลหยุนนั้นคือยักษ์ใหญ่สำหรับพวกเขา แม้แต่อาจารย์ของพวกเขาก็ยังไม่กล้ไปหาเรื่องตระกูลหยุน ตอนนี้แม้ว่า หวังเย่าจะไม่ได้อ่อนแอ แต่พวกเขาก็ไม่คิดเลยว่าหวังเย่าจะไปมีเรื่องจนตระกูลหยุนต้องตามมาไล่ล่าแบบนี้
“มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกนาย จำที่ฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้ได้รึเปล่า ที่ให้พวกนายไปหาเพื่อนฉันแล้วจะปลอดภัยเอง” หวังเย่าพูดขึ้น
“อาเย่า นายจะไม่ไปกับเราหรือ ? ” ซูเชิงมองไปที่หวังเย่าด้วยความแปลกใจก่อนจะถามขึ้นมา
หวังเย่าพูดขึ้น “เมื่อตระกูลหยุนตามหาฉันพบแล้ว งั้นพวกมันก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่าย ๆ แน่ ค่ายกลนั้นทำได้แค่หยุดพวกมันสักพัก ถ้าพวกนายยังอยู่กับฉันต่อก็มีแต่จะสร้างปัญหา เราควรแยกกันจะดีกว่า พวกนายรีบไปขอความช่วยเหลือมา”
ซูเสี่ยวซวนอยากพูดบางอย่างแต่ก็โดนซูเชิงขัดเอาไว้ ซูเชิงมองไปที่หวังเย่าแล้วพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “เข้าใจแล้ว เราจะไปหาเพื่อนของนายเอง ! ”
เขารู้ว่าหวังเย่าไม่ใช่แค่ทำเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาสองคน แต่เพราะการที่พวกเขาอยู่กับหวังเย่ามีแต่จะเป็นตัวถ่วง ถ้าหวังเย่าอยู่คนเดียวบางทีอาจจะแสดงพลังได้มากกว่านี้ และการที่มีพวกเขาสองคนอยู่ด้วย มันก็ยังทำให้หวังเย่าต้องกังวล
ซูเชิงตัดสินทิศทางจากเชือกจิตก่อนจะพาน้องสาวของตนออกเดินทางทันที
เมื่อเห็นสองพี่น้องเดินทางออกไปแล้ว หวังเย่าก็เบาใจขึ้นมาบ้าง สุดท้ายเขาคงโดนคนตระกูลหยุนตามทัน เมื่อเขาอยู่คนเดียวแม้ว่าสถานการณ์จะไม่ได้สู้ดีนัก แต่ก็ไม่ง่ายที่จะโดนอีกฝ่ายจัดการ
หวังเย่าคิดสักพักและมองไปทางเขตหลักของชั้นนี้ มันมีทางสู่ชั้นต่อไป และมันก็คือที่ที่อันตรายที่สุดของชั้นสี่
“ถ้าอยากจัดการกับฉัน งั้นก็มาดูกันว่าพวกแกมีความสามารถพอรึเปล่า ! ” หวังเย่าฮึดฮัดออกมาก่อนจะบินไปทางเขตหลัก
ไม่นานหลังจากที่เขาจากไปแล้ว คนตระกูลหยุนที่นำโดยหยุนซีก็ได้ไล่ตามมา พวกนั้นได้ไปที่ที่หวังเย่าได้แยกกับสองพี่น้อง
โรม่าได้ตรวจสอบเรดาร์และพูดขึ้น “ตามเรดาร์ตรวจสอบมาแล้ว ทั้งสามแยกตัวกัน สองคนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ อีกคนหนีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือไปทางเขตหลัก”
“แม่ทัพโรม่า แล้วหวังเย่าหนีไปทางไหน ? ” เล่ยหยานถามขึ้นมา
“มันเป็นไปได้ทั้งสองทาง เพราะเรดาร์ตรวจจับคลื่นพลังของเขาได้จากทั้งสองทาง เดาว่าหวังเย่าคงให้ของกับเด็กสองคนนั่นเอาไว้”
หยุนซีมองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้วพูดขึ้น “เขตหลัก เด็กนั่นต้องหนีไปที่เขตหลักคนเดียวแน่”
“พี่สี่รู้ได้ยังไง ? ” หยุนเชาไม่มั่นใจว่าทำไมหยุนซีถึงมั่นใจแบบนี้ได้
“จากทั้งสามคนแล้ว สองพี่น้องนั่นดูอ่อนแอกว่าหวังเย่า การที่อยู่ด้วยกันมีแต่จะถ่วงความเร็วของหวังเย่าเอาไว้เปล่า ๆ ดังนั้นถ้าเป็นฉันแล้ว ฉันจะเลือกไม่พาสองคนนั้นไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามองดูจากเรดาร์ดี ๆ แล้ว ทางที่มุ่งหน้าไปเขตหลักนั้นเร็วกว่าอีกทาง” หยุนซีพูดขึ้น
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เข้าใจทันที
หยุนซีได้พูดขึ้นต่อ “แต่เด็กนี่น่ะเจ้าเล่ห์ ชิรูไล่ตามสองคนที่หนีไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ”
ชิรูที่รับหน้าที่ในการสอดแนมของกลุ่มนั้นเธอมีความเร็วที่สูงที่สุด ดังนั้นการที่เธอไล่ตามสองคนนั้นไปจึงเหมาะสมที่สุดแล้ว
ชิรูได้ถามขึ้นมา “ท่านสี่ หากเป็นสองพี่น้องนั้นจริง ๆ งั้นฉันต้องจัดการสองคนนั่นไหม ? ”
หยุนซีคิ้วขมวดแล้วพูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องลงมือ เป้าหมายของเรามีแค่หวังเย่าเท่านั้น ถ้าสองคนนั้นไม่ใช่คนสำคัญ เธอไม่ต้องสนใจก็ได้”
กว่าที่หยุนซีจะหาโอกาสจัดการกับหวังเย่านั้นไม่ใช่ง่าย ๆ เขาจึงไม่อยากเสียเวลา ครั้งที่แล้วมันทำให้เขาแค้นใจจนนอนไม่หลับ เขาจึงอยากจัดการกับหวังเย่าให้เร็วที่สุด
หลังจากที่สั่งการแล้ว หยุนซีก็ได้พาคนอื่น ๆ ไล่ตามหวังเย่าไป
“แม้ว่าเด็กนี่จะเร็วแต่มันก็ต้องพัก ฉันไม่เชื่อว่ามันจะหนีต่อไปได้เรื่อย ๆ ! ” หยุนซีฮึดฮัดออกมา
นักสู้ทั่วไปกับคนของดาวเค่อเซวียนั้นต่างกันอย่างมาก โดยทั่วไปแล้วพวกเขาไม่ต้องพึ่งพลังของตัวเอง พวกเขาพึ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมา
พวกเขามีเกราะแรงโน้มถ่วงกับตัว ตราบใดที่ทหารควบคุมมันได้ก็จะทำให้มีความสามารถเหนือกว่านักสู้ทั่วไปแล้ว
หยุนซีได้ดัดแปลงร่างกายของตัวเอง บอกได้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์แล้วก็ยังได้ หากมีพลังงานมากพอ เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเหนื่อยล้า ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะไล่ตามหวังเย่าทัน
ที่ชั้นสี่แห่งนี้เป็นทวีปที่กว้างใหญ่ แม้ว่าระยะทางของพื้นที่นี้จะไม่ได้กว้างเท่ากับชั้นแรกแต่ก็กว้างกว่าชั้นสามอย่างมาก หากเทียบกับชั้นสองแล้วก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่
มันต้องเดินทางอย่างน้อยหลายหมื่นไมล์เพื่อไปยังเขตหลัก ไม่ว่าจะถูกส่งมาที่ไหนก็ตาม แม้แต่นักสู้ที่แข็งแกร่งก็แทบไม่อาจจะทนกับสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายแบบนี้ได้
ตูม !
หวังเย่าได้บินออกมาจากกองหิน ตอนที่เขาบินออกมานั้น ถ้ำที่เขาพักนั้นก็พังลงทันที
หวังเย่าเห็นคนที่ไล่ตามมา เขาจึงได้แลบลิ้นเป็นการล้อเลียนออกมา และพูดขึ้น “พวกแกมาช้าไป ! พวกแกไล่ตามฉันมาสองวันแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ยิ่งนานเท่าไหร่ก็มีแต่พวกแกนี่แหละที่จะเจ็บตัว”
หวังเย่าหลบอุกกาบาตและใช้อุกกาบาตลูกนั้นกันสายตาของอีกฝ่าย ไฟในชั้นสี่นี้เหมือนกับฝนกรดในชั้นสาม มันสร้างปัญหาให้ผู้คนได้เสมอ แต่อุกกาบาตที่ตกลงมานี้ไม่ได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง หากโชคดีหน่อยอาจจะไม่ได้เจออุกกาบาตนี้เลย
พลังของฝนดาวตกเหล่านี้ไม่ได้เบาเลย แม้แต่หวังเย่าก็ยังไม่กล้าจะรับมันโดยตรง แต่ตอนที่ฝนดาวตกมันตกลงมานี้ก็ช่วยเขาได้พอดี มันช่วยให้เขาสลัดวงล้อมของตระกูลหยุนออกมาได้
ตอนที่พวกนี้ไปถึง หวังเย่าก็ได้หนีออกไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ไล่ตามหลังหวังเย่าทุกครั้งที่พบ พวกเขาก็ยังไม่ทันได้จับตัวหวังเย่าแต่ก็โดนหวังเย่าหลอกและหนีไปได้ในที่สุด
“ไอ้สารเลวนี่ ! ฉันสาบานว่าจะฆ่าแกให้ได้ ! ” หยุนซีสีหน้าหม่นลง เขาไม่เคยโดนปั่นหัวแบบนี้มาก่อน
หวังเย่าเห็นคนที่ไล่ตามหลังมาก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องแค้นจนอยากจะฆ่าเขาแทบตาย ในการหนีนี้เขาแทบไม่มีโอกาสได้พัก การหนีแต่ละครั้งหนีไปได้ไม่นานก็โดนพวกนี้พบตัวเข้าอีก
ปัง !
หวังเย่าหลบกระสุนก่อนที่จะมีร่างหนึ่งโผล่มาข้าง ๆ เขา มีดในมือของอีกฝ่ายได้แทงเข้าใส่หวังเย่า หวังเย่าฮึดฮัดออกมาก่อนจะจับข้อมือของเขาเอาไว้และกันการโจมตีของอีกฝ่าย ก่อนจะโยนอีกฝ่ายออกไป
ยิ่งเข้าใกล้เขตหลักมากเท่าไหร่ อุณหภูมิก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และทำให้เสียเลือดมากขึ้นไปด้วย
ตอนนี้เขาเหลือแรงไม่ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ มันคงอีกไม่นานก่อนที่เขาจะโดนอีกฝ่ายตามทัน
ตูม !
หยุนซียิงลำแสงออกมา หวังเย่ารีบหลบทันทีก่อนที่ลำแสงจะอัดเข้ากับเนินเขาจนเจาะมันเป็นรู
พวกสัตว์อสูรที่อยู่บนเนินเขาต่างก็พากันกลัวและรีบกระจายตัวหนีไป และสัตว์อสูรบางตัวก็โดนระเบิดไปพร้อมกับเนินเขานั้นด้วย
สัตว์อสูรรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ พวกมันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและคำรามออกมาด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ พวกมันไม่อาจจะบินได้ ไม่งั้นแล้วอาจจะสร้างปัญหาให้กับผู้คนได้มากกว่านี้
เมื่อเห็นสัตว์อสูรด้านล่างพากันคำรามออกมา หวังเย่าก็คิดหาแผนการในหัว เมื่อคนเหล่านี้คิดจะไล่ล่าเขา เขาก็ต้องให้ของขวัญกับพวกนี้บ้าง
ในตอนที่กำลังจะตามทัน ฝนดาวตกที่ตกลงมานั้นก็ส่งผลต่อความเร็วของพวกเขาจนทำให้หวังเย่าหนีไปได้อีกครั้ง
ในอีกด้าน……
“พี่ เขาจะตามเราทันแล้ว เราจะทำยังไงกันดี ? ” ซูเสี่ยวซวนเห็นชิรูที่ตามมาก็ถามขึ้นมาด้วยความกังวล
ซูเชิงมองไปที่น้องสาวและพูดขึ้น “ถ้ามันไม่ใช่เพราะปากของเธอ เราจะโดนอีกฝ่ายไล่ล่าแบบนี้รึไง ? ”
“เธอนี่ปากหาเรื่องจริง ๆ ตอนแรกเขาคงปล่อยเราไปแล้ว แต่เพราะเธอมันปากมากถึงทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรากำลังไปหาเพื่อนของหวังเย่าเพื่อขอความช่วยเหลือ”
เพราะแบบนั้น ชิรูจึงตัดสินใจจะฆ่าทั้งคู่ทิ้ง ทั้งสองคนไม่ได้เป็นคนทั่วไป ทั้งสองมาจากตระกูลซู พวกเขาพอมีวิธีเอาตัวรอดอยู่บ้าง อีกฝ่ายจึงไม่อาจจะฆ่าพวกเขาได้ในพริบตา
ชิรูเห็นว่าทั้งสองยังหนีไปได้ก็หงุดหงิดขึ้นมา เธอรับหน้าที่สอดแนมไม่ใช่มาฆ่าใคร เกราะของเธอเน้นในเรื่องของความเร็วและการซ่อนตัว การโจมตีนั้นไม่ได้รุนแรงนัก แม้ว่าพี่น้องสองคนนี้เลเวลไม่ถึง 120 แต่เธอก็ไม่อาจจะจัดการกับทั้งสองคนนี้ได้ ทั้งสองคนได้ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีในการหนีต่อไปได้เรื่อย ๆ
“ฉันอิจฉาเชิงเฟิงจริง ๆ ถ้าเป็นเขาแค่ยิงนัดเดียวก็ฆ่าสองคนนี่ได้แล้ว” นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของชิรูที่รู้สึกอิจฉาเพื่อนของตัวเอง