ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 743 : เขตดาวโบไลด์ - กองกำลังทหารควัน
ตอนที่ 743 : เขตดาวโบไลด์ – กองกำลังทหารควัน
เพราะหวังเย่าไม่ได้เข้ามาในค่ายกลพร้อมกับคนอื่นๆ ตำแหน่งที่เขาถูกส่งมาจึงอยู่คนละที่กับคนอื่น แต่ภายใต้การนำทางของเชือกจิตก็ทำให้เขารู้ตำแหน่งของพวกนั้นได้
แต่สิ่งที่อันตรายที่สุดในชั้นที่ 4 คือการเสียเลือด ดังนั้นคนทั่วไปจึงไม่อาจจะอยู่ที่นี่ได้นาน พวกเขาต้องรีบหาทางไปยังชั้นต่อไปให้ได้เร็วที่สุด
หวังเย่ารู้จากสัตว์อสูร ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายของแต่ละชั้นนั้นจะอยู่ที่ใจกลางของแต่ละขั้น ดังนั้นการเดินทางไปยังชั้นต่อไป หวังเย่าก็ต้องเดินทางไปที่แกนกลางของชั้นนั้น ๆ
ตำแหน่งของฟู่หมิงและคนอื่นๆดูเหมือนว่าจะอยู่ไม่ไกลนัก หวังเย่าตัดสินใจว่าจะไปหาพวกนั้นก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เขตหลัก ยังไงซะฟู่หมิงและคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง พวกนั้นคงเป็นห่วงเขา ดังนั้นเขาจึงต้องไปหาคนอื่นเพื่อให้พวกนั้นรู้ว่าเขายังปลอดภัยดี
หวังเย่าและฟู่หมิงคือพวกแรก ๆ ที่ได้มายังชั้น 4 หากไม่นับเทพธิดาน้ำแข็ง ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลว่าจะโดนลอบโจมตีระหว่างทาง ระหว่างทางหวังเย่าไม่พบกับใครเลย นอกจากพื้นดินสีแดงก่ำและทางลาดชัน เขาไม่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่นี่เลย แม้แต่สัตว์อสูรก็ยังไม่มีให้เห็น มันทำให้หวังเย่ารู้สึกว่าที่นี่คือเขตหวงห้าม มิติแห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ เลย แม้แต่ตัวหวังเย่าเองก็รู้สึกว่าเขาเสียเลือดไปอย่างรวดเร็ว ต้นกำเนิดของแก๊สที่ผลาญเลือดนี้ไม่รู้ว่ามาจากไหน มันราวกับว่าโลกนี้กำลังสูบเลือดของเขาไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่น
พลังของเทพมังกรนั้นน่ากลัวแค่ไหน นี่มันเหมือนกับพลังที่ควบคุมโลกจริง ๆ ถึงจะตายไปนานแต่พลังที่ควบคุมดินแดนนรกก็ยังคงอยู่และคอยสูบเลือดของผู้คนที่มาที่นี่ แค่คิดแบบนั้นเขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
“ไม่มีทางจะอยู่ที่นี่ได้นาน ต้องรีบออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด” หวังเย่าพึมพำในใจ
ในตอนที่หวังเย่ากำลังเดินทางไปหาคนอื่น ๆ อยู่นั้น พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงการมาของหวังเย่าเหมือนกัน
“ฉันรู้ว่าเขาต้องมีวิธีเอาตัวรอด ถึงผ่านไปเป็นพันปี แต่เขาก็คงไม่ตายหรอก” เมื่อหยานเทียนรับรู้ตำแหน่งของหวังเย่าผ่านเชือกจิต เขาก็ยิ้มออกมา
“ฉันไม่รู้ว่าเด็กนั่นรอดจากกรงเล็บสัตว์อสูรได้ยังไง แม้ว่าเราจะใช้พลังทั้งหมด แต่ก็ไม่อาจจะยื้อสัตว์อสูรนั่นได้” หยานเทียนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
แต่หลังจากที่รู้ว่าหวังเย่ามาถึงชั้นที่สี่ได้ ฟู่หมิงก็ดีใจอย่างมาก เขาได้บอกกับหยานเทียนทันที “แม้ว่าเขาจะหนีจากกรงเล็บสัตว์อสูรมาได้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บแค่ไหน เรารีบไปหาเขาดีกว่าเผื่อว่าจะเกิดอะไรไม่คาดคิดกับเขา”
วานเช่และหยูเจียไม่ได้ขัดอะไร ดังนั้นสุดท้ายทุกคนจึงตัดสินใจออกไปตามหาหวังเย่าทันที
เจียงหยานได้ยินทุกคนพูดแบบนั้น ก็พูดขึ้นมา “การที่หวังเย่าสามารถหนีจากสถานการณ์สิ้นหวังมาได้ แน่นอนว่าดี ฉันเชื่อว่าถึงเราไม่ตามหาเขา แต่เขาก็คงปลอดภัยดี ทำไมต้องรีบไปหาเขาด้วย เราควรหาทางไปชั้นต่อไปก่อนแล้วค่อยไปหา หวังเย่า ตอนนั้นมันก็ยังไม่สายเกินไป”
“แม้ว่าเราจะตามหาเขาเจอ แต่ก็ยากจะออกจากที่นี่ไปได้ ถ้าไม่จัดการกับผู้พิทักษ์ของชั้นนี้ก่อน” เจียงหยานพูดขึ้นอีก
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหยาน ฟู่หมิงและคนอื่น ๆ ก็พากันมองไปที่บึงลาวา ในบึงลาวานั้นมีสัตว์อสูรปีนออกมาเพื่อล้อมพวกเขาเอาไว้
กลับเป็นว่าตอนที่พวกเขามาถึงชั้นสี่ พวกเขาก็ได้มาถึงเกาะที่อยู่ใจกลางบึงลาวาทันที ไม่รู้ว่าทำไมบึงลาวาแห่งนี้ถึงได้มีสัตว์อสูรอยู่ เมื่อพวกมันรับรู้การมาของมนุษย์ สัตว์อสูรเหล่านี้ก็ปีนออกมาจากบึงทันที พวกมันเหมือนกับมนุษย์ไฟ และเข้าโจมตีมนุษย์โดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้มีคนถูกดึงลงไปในบึงลาวาโดยสัตว์อสูรเหล่านี้ และโดนเผาจนกลายเป็นเถ้า มันทำให้พวกเขาระวังตัวมากขึ้น ลาวาในบึงนี้ร้อนแรงอย่างมาก นักสู้ทั่วไปอาจจะโดนเผากลายเป็นเถ้าในพริบตาได้
ในตอนที่ทุกคนคิดว่าจะจัดการกับสัตว์อสูรพวกนี้ยังไงนั้น ก็มีบางอย่างพุ่งออกมาจากบึงลาวา
หวังเย่าได้บินไปหาฟู่หมิงและคนอื่น ๆ เขารู้สึกว่ายิ่งเขาเข้าใกล้บึงลาวาเท่าไหร่ เลือดของเขาก็แห้งไปเร็วเท่านั้น
ห่างออกไปหลายร้อยไมล์จากจุดที่หวังเย่าอยู่ มันมีคนหลายคนได้โผล่มายังชั้นสี่
“พี่สี่ เจียงหยูส่งข่าวมาบอกว่าหวังเย่าอยู่ไม่ไกลจากเรา ตามตำแหน่งที่เขาบอกแล้ว น่าจะอยู่ห่างจากเราไปไม่กี่ร้อยไมล์ ไปทางตะวันตก” หยุนเชาพูดขึ้นและมองแผนที่ในมือก่อนจะทำการล็อคตำแหน่งเอาไว้
หยุนซีลืมตาขึ้นมา เขามองไปที่แผนที่ด้วยสายตาเย็นชา
“ไอ้เด็กนี่ไม่ใช่แค่ทำลายฐานของเรา แต่ยังระเบิดฐานการผลิตของเราทิ้งด้วย โอกาสในการได้อสูรมิติของเราก็เหลือน้อยนิด แต่เด็กนี่ต้องตาย เมื่อฟู่หมิงไม่ได้อยู่ข้างกายเด็กนี่ งั้นเราต้องจัดการกับมันให้ได้ ! ” หยุนซีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในการเผชิญหน้ากันครั้งแรกพวกเขาเสียหายเพราะฝีมือของหวังเย่าอย่างมาก โอกาสในการได้อสูรมิติก็ยังโดนหวังเย่าทำลายไปด้วย
มันทำให้หยุนเชาเกลียดหวังเย่าเข้ากระดูกดำ เมื่อได้รับข่าวของหวังเย่าและรู้ว่าหวังเย่าอยู่คนเดียว เขาก็ไม่คิดจะปล่อยโอกาสนี้ทิ้งไป
“เราจะจัดการเด็กนี่ ที่นี่เลยหรือ ? ” หยุนเชาลังเล
ในชั้นสามนั้นพวกเขาได้ยินมาว่าเจียงหยานได้ร่วมมือกับเทพไฟและคนอื่น ๆ เมื่อหยุนเชาคิดว่าหากพวกนั้นร่วมมือกันจริง ๆ ก็อาจจะฆ่าพวกเขาทิ้งไปได้อย่างง่ายดาย
หยุนซีได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้น “น้องห้า แม้ว่าพวกนั้นคิดจะมาเป็นศัตรูกับเรา แต่ส่วนมากไม่ได้แข็งแกร่งอะไร คนที่เป็นภัยที่สุดคือเทพไฟกับเทพค่ายกลเท่านั้น หากต้องจัดการกับเราแล้ว ฉันคิดว่าเจียงหยานคงไม่ร่วมด้วย ส่วนเทพไฟนั้นคงไม่กล้าลงมือกับเราก่อน”
“งั้นเราก็สรุปได้ว่าข่าวนี้เป็นจริง ไม่รู้ว่าเจียงหยานจะมีเป้าหมายอะไร แต่สุดท้าย เขาก็ต้องการจะยืมมือเราในการกำจัดเด็กนั่นอยู่ดี” หยุนซีพูดขึ้นมา
ในการปะทะกันครั้งแรก เจียงหยานได้เป็นพันธมิตรกับตระกูลหยุน พวกเขาคิดว่าการร่วมมือนี้ได้จบลงเมื่อตระกูลเจียงร่วมมือกับเทพไฟ แต่ไม่คิดเลยว่าเจียงหยานจะแอบให้หลายชายของเขาส่งข้อมูลให้ตระกูลหยุนและหักหลังพันธมิตรของตัวเอง
แน่นอนว่า หยุนซีไม่สนใจรายละเอียดเรื่องนี้ สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือการได้ฆ่าหวังเย่าเท่านั้น !
หวังเย่าไม่รู้ตัวว่าโดนหมายหัวอยู่ เขาเดินทางผ่านภูเขาและเห็นหลายคนสู้กับสัตว์อสูรบนภูเขาอยู่ สัตว์อสูรเหล่านี้มีไฟลุกไหม้ทั้งตัว บางตัวอยู่ในร่างมนุษย์ บางตัวก็อยู่ในร่างสัตว์อสูรแบบต่าง ๆ
สัตว์อสูรเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งอย่างมาก พวกมันไล่ตามผู้คนไปรอบ ๆ พวกนั้นพอต้านทานได้ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางที่จะหยุดสัตว์อสูรที่ไล่ตามมาด้านหลังได้
เมื่อเห็นสัตว์อสูรเหล่านั้น หวังเย่าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดถึงสิ่งที่มังกรได้บอกกับเขามาก่อนหน้านี้ บอกกันว่าชั้นนี้มีสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ พวกมนุษย์และสัตว์อสูรที่ตายไปจะกลายเป็นสัตว์อสูร แม้ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะมีพลังชีวิตอยู่กับตัวแต่ส่วนมากก็เสียสติไปแล้ว พวกนี้เหลือแค่สัญชาตญาณที่เข้าโจมตีสิ่งมีชีวิต
ซูเสี่ยวซวนและพี่ของเขาเห็นสัตว์อสูรที่อยู่ด้านหลังก็ไม่กล้าที่จะรอช้า พวกเขาพยายามหนีออกจากที่นี่ให้ได้โดยเร็วที่สุด ตอนแรกพวกเขาติดตามกองกำลังอื่น ๆ ผ่านชั้นที่สามมา แต่ก็ไม่คิดเลยว่าชั้นนี้ไม่ใช่แค่เลือดที่โดนสูบไป แต่ยังต้องพบกับเหล่าสัตว์อสูรไฟเหล่านี้ด้วย
“พี่ สัตว์อสูรพวกนี้ไม่ปล่อยเราไปแน่ เราโดนตามทันแน่” ซูเสี่ยวซวนบอกกับพี่ชายด้วยความกังวล
เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว ซูเชิงก็กัดฟันแน่นและมองไปที่สัตว์อสูรด้านหลัง เขาได้แต่ก้มหน้าและวิ่งหนีต่อ ที่พวกเขาทำได้คือต้องบินหนีออกไปจากที่นี่ แต่ที่นี่คือเขตห้ามบิน ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่สู้กับสัตว์อสูรที่พื้นและพยายามหนีไปเรื่อย ๆ
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ลังเลว่าจะเข้าไปช่วยดีรึไม่ ในที่แบบนี้แม้แต่พันธมิตรก็ยังหักหลังกันได้ นี่ไม่ต้องนับคนแปลกหน้าเลย
หวังเย่าไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ใสซื่ออีกต่อไปแล้ว เรื่องอะไรที่เขาสามารถเลี่ยงได้ เขาก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง แต่ในตอนที่กำลังจะเดินทางออกไปนั้น เขาก็พบว่ามีคนมาดักหน้าเขาไว้
“นายผ่านมาแต่ไม่คิดจะช่วยใครเลยงั้นหรือ ? มันคงไม่ดีที่จะผ่านไปแบบนี้” ชายวัยกลางคนเข้ามาหาหวังเย่าและพูดขึ้นมา
หวังเย่าเห็นเสื้อผ้าของอีกฝ่ายก็จำได้ทันที่ว่าอีกฝ่ายคือทหารรับจ้าง
กองกำลังทหารรับจ้างที่เข้ามาในดินแดนนรกนั้นมีไม่มากนัก การมาถึงที่นี่ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ ทหารรับจ้างพวกนี้ไม่ได้อ่อนแอ เท่าที่หวังเย่าเห็นมาแล้วดูเหมือนว่ามีแค่กองกำลังทหารระดับสูงของจักรวาลเท่านั้นที่จะมีความแข็งแกร่งแบบนี้ได้
ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังทหารพิษหรือกองกำลังทหารเลือดวิญญาณ เขาก็เคยเห็นมาหมดแล้ว เหลือแค่พวกเดียวที่เขายังไม่ได้เจอคือกองกำลังทหารควัน ดูเหมือนว่ากลุ่มคนตรงหน้าจะเป็นกองกำลังทหารกลุ่มนั้น