ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 742 : เขตดาวโบไลด์ – เกิดใหม่
ตอนที่ 742 : เขตดาวโบไลด์ – เกิดใหม่
เสียงดังก้องขึ้นมาในหูของหวังเย่า สัตว์อสูรนี่พูดภาษามนุษย์ได้งั้นหรือ มันทำให้เขาตะลึงอย่างมาก
“นาย..นายพูดภาษาคนได้งั้นหรือ ? ” หวังเย่าคิ้วขมวดและมองไปที่สัตว์อสูรด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ข้าเป็นอสูรเทพ เป็นธรรมดาที่จะพูดภาษามนุษย์ได้” สัตว์อสูรมองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้น มันมองมาที่เขาแล้วพูดขึ้นต่อ “ไม่คิดเลยว่าข้ากับเจ้าจะได้มาเจอกันแบบนี้”
หวังเย่าไม่เข้าใจว่าสัตว์อสูรหมายถึงอะไร แต่เขารับรู้ได้จากคำพูดของสัตว์อสูร ว่าสัตว์อสูรต้องมีความลับบางอย่างแน่นอน
“หลายหมื่นปีก่อน คนที่แกร่งที่สุดในเขตดาวโบไลด์ได้ตายไป และเจ้า…คือเขาที่กลับชาติมาเกิด ! ”
เขาคือชายคนนั้นที่กลับมาเกิดใหม่งั้นหรือ ?
หวังเย่าแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง มันราวกับเขาได้ยินเรื่องตลก คนที่แกร่งที่สุดในเขตดาวโบไลด์เมื่อหลายหมื่นปีก่อน คนที่เผชิญหน้ากับหนวดปีศาจกันไม่ให้มันเข้ามาในเขตดาวโบไลด์
แม้แต่เทพไฟในวันนี้ก็ไม่ได้แกร่งกว่าชายคนนั้น ชายคนนี้โด่งดังไปทั่วจักรวาล คนแบบนั้นจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับเขา ?
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เกิดมาในโลกมนุษย์ ชายคนนั้นตายไปในเขตดาวโบไลด์ ระยะห่างระหว่างทั้งสองที่แทบไม่อาจจะวัดได้
เขาจะเป็นเทพมังกรกลับชาติมาเกิดได้ยังไง สัตว์อสูรนี่ต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ
“ ข้ารู้ว่ามันฟังดูแปลก เทพมังกรเป็นเจ้านายของข้า ข้ารู้จักคลื่นพลังของเขาดี ตอนแรกข้าก็ไม่มั่นใจ ว่าเจ้าจะมีคลื่นพลังของเขาอยู่ แต่มันมาจากวิญญาณของเจ้า มันเจือจางจนแทบจะสัมผัสไม่ได้ ” สัตว์อสูรพูดขึ้น
“ฉันว่านายต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ ฉันชื่อหวังเย่า ฉันเป็นมนุษย์จากดาวโลก ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเทพมังกรเลย” หวังเย่าปฏิเสธ
หวังเย่าปฏิเสธโดยสัญชาตญาณว่าเขาไม่ใช่เทพมังกร
“เจ้ามีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อ เพราะเจ้าไม่ได้มีความทรงจำในอดีต แต่เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธกับการที่เจ้ามีเศษเสี้ยววิญญาณของเทพมังกร ตอนนี้เจ้าก็ยังเป็นตัวเจ้า แต่เจ้าคือเขากลับมาเกิดจริง ๆ ” สัตว์อสูรพูดขึ้น
สัตว์อสูรเงยหน้ามองรูปปั้นใจกลางค่ายกลแล้วพูดขึ้นมา “ตอนที่เทพมังกรสู้ในสงครามนั้น เขาต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองเพื่อขับไล่หนวดปีศาจกลับไป”
แม้ว่าเทพมังกรจะตายไปแล้ว แต่เศษเสี้ยววิญญาณของเขาก็ได้กระจายไปทั่วจักรวาล
“คนที่แกร่งระดับเขา แม้ว่าจะตายไปแล้ว แต่วิญญาณก็ไม่ดับสูญไปง่าย ๆ ตราบใดที่มีโอกาสอันน้อยนิดก็เพียงพอที่จะกลับมาเกิดใหม่ได้ ตลอดหลายปีมานี้ เหิงหยูพยายามชุบชีวิตของเขากลับมา แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง เหตุผลหลักก็เพราะวิญญาณของเขาไม่สมบูรณ์ ยังไงซะตลอดหลายปีมานี้ นางก็พบกับเศษเสี้ยววิญญาณของเขาเพียงเล็กน้อย ส่วนที่เหลือไม่รู้ว่าหายไปที่ไหน”
“แต่ตอนนี้เมื่อข้าเจอเจ้า ข้าก็รู้ว่าวิญญาณของเจ้าได้หลอมรวมกับเศษเสี้ยววิญญาณของเขาไป เขาได้กลับมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ ดังนั้นเจ้าก็คือเทพมังกร แต่คือชีวิตใหม่ เศษเสี้ยววิญญาณที่กระจายไปในจักรวาลมาหลายหมื่นปีมีพลังงานที่บริสุทธิ์อยู่ แม้ว่าเจ้าจะเป็นเขากลับชาติมาเกิด แต่เจ้าก็ไม่ได้มีความทรงจำของเขา” สัตว์อสูรพูดขึ้น
หวังเย่ารู้สึกแปลก ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับคนที่ยิ่งใหญ่แบบนี้มาก่อน นี่ไม่ต้องนับการที่ในชีวิตนี้เขาโดนทรมานมานับครั้งไม่ถ้วนเลย
สัตว์อสูรวางหวังเย่าลงไปที่พื้น เขารู้สึกได้ถึงพลังที่ไหลเข้ามาในตัว ก่อนจะไหลเข้าไปในวิญญาณของเขา นี่คือพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งที่หวังเย่าไม่อาจจะดูดซับมันได้
พลังนี้แผ่เข้ามาในวิญญาณของเขา ในเวลาเดียวกันตัวของหวังเย่าก็ส่องแสงออกมา ที่หน้าผากของสัตว์อสูรมีเครื่องหมายสีขาวปรากฏขึ้น มันคือตราวิญญาณที่ได้สั่นพ้องไปพร้อมกับวิญญาณของหวังเย่า
หลังจากนั้นสักพักแสงจากตัวของหวังเย่าก็ดับลง ตราวิญญาณบนหน้าผากของสัตว์อสูรก็ได้หายไปเช่นกัน
“เจ้าคงจะรู้สึกได้ถึงการสั่นพ้องของวิญญาณที่มีแค่สัญญาเท่านั้นที่จะทำได้ ข้าทำสัญญากับเทพมังกรมาหลายพันปี เขาได้ทิ้งตราวิญญาณเอาไว้ในตัวข้า เมื่อวิญญาณของเขาสลายไป ข้าก็ได้รับการปลดปล่อย แต่มันยังมีการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งระหว่างวิญญาณอยู่ มันสั่นพ้องกับวิญญาณของเจ้าได้ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้าเป็นเขาจริง ๆ ” สัตว์อสูรพูดขึ้น
หวังเย่ามองไปที่รูปปั้นตรงหน้าและรู้สึกว่าความลับนี้น่าตกใจอย่างมาก
สัตว์อสูรนี่ไม่ได้โกหก มันไม่จำเป็นต้องโกหกเขาเลย อันที่จริงแม้แต่หวังเย่าเองก็รู้สึกว่าเขามีพลังมิติแบบเดียวกันกับ เสี่ยวซวีอยู่ เขาสงสัยตัวเองว่าทำไมเขาถึงก้าวขึ้นมาเป็นคนที่แกร่งที่สุดของดาวโลกได้เพียงเวลาสั้น ๆ
ตอนนี้เขาเหมือนจะเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเพราะพลังวิญญาณของเทพมังกรในตัวเขา ไม่ใช่แค่เพราะโอกาสที่ระบบได้สร้างขึ้นมา แต่เพราะการที่เขาเป็นเทพมังกรกลับชาติมาเกิด จึงทำให้มีพรสวรรค์เหนือทุกคน
“นายทิ้งฉันไว้ ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับฉันก็ได้นี่” หวังเย่าแสดงสีหน้าซับซ้อนและมองไปที่สัตว์อสูร
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า สัตว์อสูรก็พูดขึ้น “ยังไงซะเจ้าก็เป็นเทพมังกรกลับมาเกิด ดินแดนนรกแห่งนี้คือที่ที่เทพมังกรตายไป เจ้ามาที่นี่ได้ก็คงเป็นเพราะโชคชะตา ข้าอยากเตือนเจ้าว่า แม้แต่คนอย่างฟู่หมิงก็ยังตกอยู่ในอันตรายเมื่ออยู่ที่นี่”
“ครั้งนี้คนจำนวนมากเข้ามาในดินแดนนรก เป้าหมายของพวกเขาคืออสูรมิติ อสูรมิติและเทพมังกรนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน นั่นคือสิ่งที่พวกเขาไม่รู้มาก่อน หากพวกเขารู้ว่าเจ้าเป็นเทพมังกรกลับมาเกิด พวกเขาอาจจะมีความคิดอย่างอื่น” สัตว์อสูรพูดขึ้น
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็แสดงสีหน้าหนักใจออกมา หากคนอื่นรู้ความลับนี้เข้า พวกนั้นคงหมายหัวเขา แม้ว่าเขาจะเลเวลแค่ 125 แต่เขาเป็นเทพมังกรกลับมาเกิด ครั้งหนึ่งเขาเคยไร้เทียมทาน บางทีหากมีคนรู้ความลับนี้ เขาอาจจะโดนกำจัดก็เป็นได้
“มีคนอื่นที่รู้ความลับนี้นอกจากนายรึเปล่า ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาพร้อมคิ้วที่ขมวด
“คนทั่วไปไม่มีทางรู้ แม้ว่าจะเคยเป็นเพื่อนกับเทพมังกร แต่หากไม่ลงมือโดยตรงแล้ว ก็ไม่มีทางรู้ถึงความสัมพันธ์ของเจ้ากับเขาได้ เจ้าถือว่าเป็นผู้สืบทอดของเทพมังกร หากเจ้าอยู่ใกล้กับคนที่สนิทกับเขาเอามาก ๆ อีกฝ่ายก็อาจจะรู้ความลับของตัวเจ้าได้ในที่สุด”
“เจ้าต้องระวังตัวจากตระกูลเจียงเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะเจียงหยาน เขาไม่ได้อ่อนแอ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้แล้ว ก็ไม่อาจจะเทียบกับเขาได้เลย” สัตว์อสูรเตือนขึ้นมา
หวังเย่านึกถึงการกระทำของเจียงหยานที่ลงมือเพื่อจะฆ่าเขา ตอนแรกเขาไม่เข้าใจเหตุผลของอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว แม้ว่าเจียงหยานจะรู้ตัวตนของเขา แต่ก่อนที่จะเข้ามาในดินแดนนรกก็ยังทำตัวเป็นมิตรและมอบลูกปัดน้ำให้กับเขาอยู่
“ข้ารู้ถึงสถานการณ์ในดินแดนนรกเป็นอย่างดี ข้าจะบอกสถานการณ์ในชั้นต่าง ๆ ให้เจ้าได้รู้ เจ้าต้องจำมันให้แม่น ถ้ไม่มีเรื่องผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น เจ้าก็จะอยู่ในดินแดนนรกได้อย่างปลอดภัย”
ต่อมาสัตว์อสูรก็ได้บอกรายละเอียดของชั้นต่าง ๆ ให้กับหวังเย่าได้รับรู้
สัตว์อสูรได้บอกถึงอันตรายของแต่ละชั้นให้หวังเย่ารับรู้ เพื่อให้เขาเสี่ยงน้อยที่สุด
“ในสงครามครั้งนั้น นักรบดวงดาวคนสุดท้ายไม่ได้โดนฆ่า แต่โดนผนึกเอาไว้ในชั้นที่หก ผ่านไปหลายหมื่นปีผนึกก็เริ่มคลายลง เขาอาจจะตื่นขึ้นมาตอนไหนก็ได้ เจ้าพยายามอย่าอยู่ที่ชั้น 6 นานนัก เมื่อมันฟื้นคืนชีพกลับมา แม้แต่พลังของฟู่หมิงและเหิงหยูรวมกัน ก็ไม่อาจจะจัดการมันได้”
“จากนั้นคนที่เข้ามาในดินแดนนรกคงตายกันหมด” สัตว์อสูรพูดขึ้นด้วยสีหน้าซับซ้อน
หวังเย่าเห็นสีหน้าจริงจังของสัตว์อสูรก็รู้ว่าเรื่องนี้อันตรายแค่ไหน
“งานของข้าคือดูแลที่นี่ ดังนั้นที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้า” สัตว์อสูรมองไปที่ทางเข้าชั้นใต้ดินและพูดขึ้น “เจ้าไปที่ชั้นต่อไปเถอะ ข้ามีเรื่องต้องทำต่อ”
หวังเย่าเหมือนรับรู้ได้ถึงพลังที่ใกล้เข้ามา ก็รู้ว่าสัตว์อสูรนี่อาจจะมีปัญหาที่ต้องคอยจัดการ เขาเดินไปที่ค่ายกลก่อนที่ค่ายกลจะส่งเขาไปยังชั้นต่อไป
ก่อนที่ค่ายกลจะส่งเขาไป หวังเย่าก็ได้โบกมือและตะโกนบอกกับสัตว์อสูร “นายต้องระวังตัวไว้ด้วย ถ้าสู้ไม่ได้ก็ให้หนีไป”
เมื่อเห็นหวังเย่าหายตัวไปในค่ายกล สัตว์อสูรก็เผยสายตาซับซ้อนออกมา จากนั้นมันก็ส่ายหน้าพร้อมกับหัวอีกสองหัวที่งอกขึ้นมาใหม่ มันมองไปที่ทางเข้าถ้ำแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ฉันต้องเจ็บตัวเพราะฟู่หมิง ครั้งนี้ฉันคงต้องระบายความแค้นจริง ๆ บ้างแล้ว…”
หวังเย่าได้หลุดออกมาจากค่ายกลและรับรู้ได้ถึงความร้อนที่กระทบผิวของเขา
“นี่คือชั้นสี่ที่อสูรนั่นพูดถึงงั้นหรือ ? ” หวังเย่ามองไปที่พื้นดินสีแดงก่ำตรงหน้าด้วยความสงสัย
อสูรนั่นบอกว่าที่นี่คือโลกไฟ ดินมีแต่รอยเผาไหม้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง หวังเย่าก็พบกับอุกกาบาตที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง มันอัดเข้ากับพื้นดินพร้อมระเบิดพลังออกมา นอกจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี่แล้ว ความร้อนก็ทำให้ทุกคนเสียเลือดไปอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ทำให้พวกเขาเสียเลือดไปนั้นไม่รู้ว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร พวกเขาจะเสียเลือดไปจนกว่าร่างกายจะเหือดแห้งและจะโดนฝังอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล….