ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 734 : เขตดาวโบไลด์ - เบาะแสของหวังเย่า
ตอนที่ 734 : เขตดาวโบไลด์ – เบาะแสของหวังเย่า
ในฐานะผู้ดูแลสัตว์อสูรแล้ว หวังเย่ารู้ว่าลำดับชั้นของผู้ดูแลนั้นสำคัญแค่ไหน ตอนนี้เขาอยู่ในระดับเทพเป็นรองแค่ระดับราชาเทพ ส่วนจีเฟยนั้นมีสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากและยังเป็นผู้ดูแลระดับราชาเทพ กองทัพสัตว์อสูรนี้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือต้องรีบจัดการผู้ดูแลไม่ให้อีกฝ่ายเรียกสัตว์อสูรออกมาอีก
หวังเย่าเห็นว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเขา ไม่งั้นแล้วต่อหน้าทั้งเลเวล, ความแข็งแกร่งและจำนวนสัตว์อสูรแล้ว โอกาสที่จะชนะของเขานั้นก็แทบจะเป็น 0 ได้เลย
เกราะมังกรนั้นใช้พลังในตัวไปอย่างมากแล้ว เขาไม่อาจจะใช้มันได้นานนัก และอาจจะใช้มันได้แค่ 15 นาที ถ้าเขายังไม่อาจจะจัดการกับศัตรูได้ งั้นสถานการณ์ต่อไปก็คงไม่จำเป็นต้องพูดถึง
หวังเย่าคำนวณช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่าย เขาคิดทุกวิธีที่เขาสามารถทำได้ในการจัดการกับจีเฟยเพื่อหาโอกาสในการพลิกเกม
จีเฟยมองไปที่หวังเย่าและพูดขึ้น “เด็กน้อย ถ้าแกยังฆ่าสัตว์อสูรของฉันไม่ได้ แกก็จะเหนื่อยจนตายเอง มันจะดีกว่าที่จะส่งแมวนั่นมาแล้วฉันจะให้แกตายสบาย ๆ ”
“ถ้าจะทำตามที่แกบอก ฉันยอมสู้จนตายดีกว่า” หวังเย่าฮึดฮัดออกมาและมองไปที่จีเฟย
“จัดการ ! ” สีหน้าของจีเฟยเย็นชาขึ้นมา ก่อนจะสั่งการสัตว์อสูรของเขา
กรร !
สัตว์อสูรหลายสิบตัวพากันคำรามออกมาและพุ่งเข้าใส่หวังเย่า สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เลเวลสูงกว่าหวังเย่า หากเป็นนักสู้ทั่วไปแล้ว การรับมือกับพวกนี้เพียงลำพังนั้นอันตรายอย่างมาก และตอนนี้หวังเย่าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มากกว่าถึงสิบเท่า
และตอนนั้นเองร่างของหวังเย่าก็เปลี่ยนไป ร่างของเขาขยายขนาดขึ้นด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่นานเขาก็กลายเป็นยักษ์ที่สูงกว่า 3 เมตร
ดาบศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นมาในมือของหวังเย่า ตัวดาบมีไฟลุกไหม้ เขาราวกับเทพนรก
หวังเย่าไม่ได้แปลงร่างมานานแล้ว ด้วยเลเวลที่เพิ่มขึ้นมานั้นทำให้พลังของการแปลงร่างเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างมาก แต่เมื่อใช้ต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งแล้ว มันก็แทบดูไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นทางเดียวที่เขาจะพึ่งได้ แม้ว่าจะส่งผลเพียงน้อยนิด แต่ก็ไม่ลังเลที่จะใช้มัน ยิ่งไปกว่านั้นคือหลังจากที่เปลี่ยนร่างแล้ว เกราะมังกรก็จะเพิ่มพลังขึ้นมาในระดับหนึ่ง
ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ฟันออกไปเข้าใส่สัตว์อสูรก่อนจะผ่ามันออกเป็นสองส่วน
น้ำหนักของดาบนี้น่าทึ่ง ความคมของมันเองก็เช่นกัน แม้แต่ร่างของสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ยากจะต้านทานได้
หวังเย่าได้อาศัยช่วงจังหวะนั้นในการฝ่าวงล้อมของสัตว์อสูร ก่อนจะปรากฏตัวตรงหน้าจีเฟย
“ตายซะ ! ” หวังเย่าตะโกนออกมา ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ทะลวงการปัองกันของสัตว์อสูรที่คอยปกป้องจีเฟยอยู่ โล่พลังนี้เพียงพอที่จะทนการโจมตีของพวกเลเวลต่ำกว่า 150 ได้ แต่มันกลับพังออกอย่างง่ายดายเพราะดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้
จีเฟยตกใจกับพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ไม่คิดเลยว่าหวังเย่าจะมีดาบที่ทรงพลังแบบนี้ แม้ว่าเขาจะเหนือกว่า หวังเย่าอย่างมาก แต่ยังไงซะอายุของเขาก็มากแล้ว ร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแรงแบบหวังเย่า
ต่อหน้าการโจมตีที่ทรงพลังที่ฉีกโล่พลังได้ในพริบตา เขาก็ไม่กล้าใช้ร่างกายของตัวเองรับการโจมตีเอาไว้ หวังเย่าไม่คิดจะปล่อยโอกาสนี้ไป เขาได้เพิ่มความเร็วถึงขีดสุดและฟันเข้าใส่จีเฟย
เมื่อเห็นว่าหวังเย่าตามมาติด ๆ จีเฟยที่หลบการโจมตีก็ได้เรียกสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมา
เลือดกระจายออกมา แต่ด้วยความช่วยเหลือของสัตว์อสูรที่เข้ามากันการโจมตีได้ทันเวลานั้นก็ทำให้การโจมตีของ หวังเย่าพลาดไป หวังเย่าเองก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นแบบนั้น
ด้วยความสัมพันธ์ของสัตว์อสูรและผู้ใช้อสูรแล้ว เมื่อผู้ใช้อสูรตายไป งั้นพลังชีวิตของสัตว์อสูรก็จะหมดลงด้วย
แต่การที่ยอมเสียสละตัวเองโดยไม่ลังเลแบบนี้เพื่อช่วยชีวิตเจ้านายตัวเอง บอกได้ว่ามีสัตว์อสูรไม่กี่ตัวที่ยอมทำ
แต่ตอนนั้นเอง หวังเย่าก็เห็นว่าสัตว์อสูรไม่เต็มใจที่จะทำแบบนี้
ตอนที่ดาบฟันเข้าใส่สัตว์อสูร เขาก็เห็นสายตาที่หวาดกลัวและสิ้นหวังของมัน แต่ตอนนั้นหวังเย่าก็ไม่อาจจะคิดหาเหตุผลได้
การต่อสู้ระหว่างอี้หลงและหยูเจียนั้นจบลงแล้ว อี้หลงเป็นฝ่ายที่กระเด็นกลับออกมา
อี้หลงได้พุ่งเข้าหาหวังเย่า ตอนนั้นตัวของหยูเจียเองก็เต็มไปด้วยบาดแผล ที่หน้าอกของเขามีรูทะลุไปที่ด้านหลัง
ดาบในมือหักไปแล้วเหลือแต่ด้าม
แต่โชคดีที่หยูเจียยังหายใจอยู่ อี้หลงยังไม่ได้ฆ่าหยูเจีย ซึ่งทำให้หวังเย่าโล่งอกอย่างมาก เขาไม่ได้สนใจอันตรายที่พุ่งเข้ามาหาและเรียกเอไนน์ออกมาเพื่อรักษาหยูเจียทันที
หากไม่รักษาหยูเจียตอนนี้ งั้นหยูเจียก็อาจจะตายได้
“นายไม่ฆ่าเขาเพราะเขาเป็นศิษย์รึไง ? งั้นฉันลงมือเอง” จีเฟยเห็นว่าหยูเจียยังหายใจรวยรินอยู่ก็พูดขึ้นมา
อี้หลงมองไปที่จีเฟยและพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายจะต้องมายุ่ง เรื่องเราสองคนฉันจะจัดการเอง แต่นายเองก็ยังจัดการเด็กนี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
จีเฟยพูดขึ้น “เด็กนี่น่ะมีความสามารถอยู่บ้าง แม้ว่าจะเลเวลแค่ 125 แต่ความแข็งแกร่งก็เทียบกับพวกเลเวล 140 ได้ รึไม่ได้ต่างกันมากนัก”
อีกอย่างที่เขาไม่ได้พูดคือเขาพบว่ามีสัตว์อสูรเทพอีกตัวอยู่กับหวังเย่า การที่มีความแข็งแกร่งขนาดนี้นอกจากไฟหยินหยางที่คอยช่วยแล้ว มันต้องมีสัตว์อสูรเทพที่คอยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหวังเย่าอยู่เป็นแน่
หากไม่รู้ว่าหวังเย่ามีสัตว์อสูรเทพอะไรอยู่ ไม่งั้นแล้วจีเฟยคงไม่เสียเวลาที่จะเสียสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์เพื่อเอาออกมายื้อหวังเย่ากว่าครึ่งวันแบบนี้
“หือ ? เด็กนี่แกร่งขนาดนั้นเลยหรือ ? ” อี้หลงถึงกับแปลกใจ
เขาคิดว่าหวังเย่านั้นเป็นเด็กหนุ่มฝีมือดี แม้ว่าจะแกร่งกว่าคนเลเวลเท่ากันแต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรมาก ไม่คิดเลยว่าการต่อสู้ของเขาจะจบลงแล้ว แต่หวังเย่ายังรอดอยู่ได้
เอไนน์ได้ยินคำพูดของอี้หลงและจีเฟยก็กลัวขึ้นมาจนรีบไปหลบอยู่ที่ด้านหลังของหวังเย่า ก่อนจะพึมพำออกมา “นายท่าน พวกนี้เป็นใคร ? ทำไมพวกนี้ดูเหมือนไม่ใช่คนดี”
“บอกเลยว่าสองคนนี่น่ะไม่ใช่คนดี ฉันเกือบตายเพราะสัตว์อสูรของไอ้แก่นั่น” หวังเย่ากรอกตาใส่ “จ้าวแห่งแมว กลับมาได้ ! ” หวังเย่าบอกกับแมว
หลังจากที่แมวหลบการโจมตีของลิง มันก็ได้กลับมาอยู่ข้าง ๆ หวังเย่า มันไม่ง่ายที่จะสู้กับสัตว์อสูรที่เลเวลสูงกว่าตัวเองสองตัวเพียงลำพัง แม้ว่าจะมีประสบการณ์มากมายในการต่อสู้แต่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บได้
แมวนั้นมีบาดแผลเต็มตัวจำนวนมาก โชคดีที่ไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงนัก ด้วยการรักษาจากเอไนน์ บาดแผลเหล่านั้นก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ลิงเห็นว่าแมวถอยกลับไปหาหวังเย่า มันก็ร้องออกมา มันคิดจะไล่เข้าไปฆ่าแมวต่อ
หวังเย่าจึงได้ใช้ดาบฟันเข้าใส่ลิงที่พุ่งเข้ามา กรงเล็บกับดาบได้ปะทะกันจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่ว
ส่งผลให้หวังเย่ากระเด็นพุ่งไปยังหน้าผาด้านหลัง
เขาใช้ดาบปักลงที่พื้นและไถลไปกว่าหลายสิบฟุตก่อนที่จะหยุดได้ ตอนนั้นหวังเย่านั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นแล้วกระอักเลือดออกมา
กรงเล็บของลิงนี่ทรงพลังกว่าที่เขาคิดเอาไว้ นี่แค่การโจมตีแบบเร่งรีบแต่กลับทำให้เขาบาดเจ็บหนักแบบนี้ได้แล้ว โชคดีที่เขาเปลี่ยนร่างและใช้เกราะมังกรออกมา การป้องกันและความแข็งแกร่งของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่งั้นแล้วการโจมตีนี้อาจจะฆ่าเขาได้ทันที
การโจมตีของลิงถูกหวังเย่ากันเอาไว้ได้ การโจมตีของมันกลับถูกมนุษย์ที่อ่อนแอป้องกันเอาไว้ได้ นี่ทำให้มันไม่พอใจอย่างมาก
เอไนน์ได้ใช้สกิลออกมาเพื่อช่วยรักษาบาดแผลให้กับหวังเย่าทันที ตอนนั้นเธอเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ศัตรูของหวังเย่าตอนนี้แกร่งเกินกว่าจะคาดถึง แม้แต่แมวที่เธอคิดว่าแข็งแกร่งก็ยังดูไม่ได้เปรียบแม้แต่น้อย
“หวังเย่า ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ส่งสัตว์อสูรนั่นมาแล้วฉันจะเหลือร่างกายของแกไว้ให้ ไม่งั้นแล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน สัตว์อสูรของแกต้องตายทั้งหมด” จีเฟยขู่ขึ้นมา
..
เจียงหยูจัดการกับคนของตระกูลจีที่บาดเจ็บหนักก่อนจะถามกับผู้อาวุโส “ผู้อาวุโส คนของตระกูลจีล้อมป่าเอาไว้ทำไม ? ” เขามองไปยังศพที่พื้นและมองเข้าไปในป่า เขารับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณจากด้านใน
“มันไม่ใช่เรื่องที่ดีกับนาย มันต้องมีคนโดนตระกูลจีหมายหัวเอาไว้แน่” ผู้อาวุโสพูดขึ้น
“งั้นนี่…” เมื่อได้ยินที่ผู้อาวุโสบอกมา เจียงหยูก็แสดงสีหน้าแปลกใจ
การที่ทำให้ผู้อาวุโสแสดงท่าทีแบบนี้ออกมาได้นั้นมีแค่เด็กที่ชื่อหวังเย่าเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมผู้อาวุโสถึงได้ให้ความสำคัญกับหวังเย่ามากแบบนี้และถึงกับต้องการฆ่า แต่เขาก็พอใจที่ได้เห็นฉากนี้
“ไม่สำคัญหรอก ปู่ไม่ต้องลงมือเอง ผมจะคอยช่วยเอง” เจียงหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“กลัวว่ามันจะไม่ได้ง่ายแบบนั้นน่ะสิ ลองไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น” เจียงหยานพูดขึ้นก่อนที่คนของตระกูลเจียงจะเข้าไปในจุดที่มีพลังวิญญาณแผ่ออกมา
ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาที่นั่นอย่างรวดเร็ว คนเหล่านี้ไม่ได้สนใจสัตว์อสูรรอบ ๆ พวกเขาพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเข้าไปในป่า
สัตว์อสูรตัวหนึ่งเมื่อเห็นมนุษย์ทะยานลงมาในอาณาเขตของมัน ก็ได้ทำการโจมตีออกไปทันที แต่มันยังโจมตีไม่โดน หนึ่งในนั้นก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะยิงสายฟ้าเข้าใส่สัตว์อสูรตัวนั้น พื้นที่หลายร้อยเมตรรอบตัวสัตว์อสูรได้กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไปในทันที
“ไม่รู้ว่าเด็กนั่นสร้างปัญหาอะไรไว้ แต่ก็ยังพอรับรู้ตำแหน่งของเขาได้” หยานเทียนบินตามทางที่เชือกจิตบอกและพึมพำออกมา