ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 733 : การต่อสู้ของยอดฝีมือ
ตอนที่ 733 : การต่อสู้ของยอดฝีมือ
“ นี่มันสัตว์อสูรเทพงั้นหรือ ?” หวังเย่ามองไปที่จีเฟย นี่เป็นครั้งแรกที่จีเฟยทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตราย
ไม่ใช่ว่านี่เป็นผู้ดูแลอสูรคนแรกที่หวังเย่าได้เห็นในเขตดาวโบไลด์ เขาฆ่าพวกนั้นมาจำนวนมากแล้ว แต่จีเฟยทำให้ หวังเย่ารู้สึกได้ถึงอันตราย
หยูเจียพูดขึ้นมา “ชายแก่คนนี้ชื่อว่าจีเฟย เขาเป็นคนของตระกูลจี เขาคือหนึ่งในผู้ดูแลที่แกร่งที่สุดในจักรวาล บอกกันว่าไม่ใช่แค่เลเวลของเขาที่ขึ้นมาถึง 160 แต่ยังมีสัตว์อสูรเทพอยู่กับตัวจำนวนมาก มีสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์หลายร้อยตัวที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ในหมู่ผู้ดูแลอสูรแล้ว ชายคนนี้อยู่ระดับแนวหน้า ! ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็ตัดสินได้แล้วว่าจีเฟยนั้นไม่ใช่คนที่ตัวเองจะเทียบได้ แม้ว่าเขากับหยูเจียจะร่วมมือกันแต่คนที่ได้รับการยอมรับจากเทพธิดาน้ำแข็งได้นั้น ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าความแข็งแกร่งของชายแก่คนนี้อยู่ระดับเดียวกับฟู่หมิง
ต่อหน้าศัตรูเช่นนี้ หวังเย่าก็ต้องใจหล่นวูบแต่เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคิดจะชิงตัวแมวไป เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายทำสำเร็จได้
“ลิง ช้าง พวกแกไปจัดการกับแมวซะ ฉันไม่อยากให้มันตาย ! ” จีเฟยบอกกับลิงและช้างก่อนจะหันไปบอกกับอี้หลง “หยูเจียเป็นศิษย์ของนาย ฉันยกให้นายจัดการ เดี๋ยวเด็กนี่ฉันจัดการเอง”
อี้หลงพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นฉันหวังว่าพี่จีเฟยจะได้สัตว์อสูรนั่นมา”
ลิงและช้างภายใต้คำสั่งของจีเฟยก็ได้เข้าโจมตีแมวแทบจะพร้อมกัน ช้างนั้นแข็งแกร่ง ด้วยการป้องกันของมันแล้วมันได้ยกเท้ากระทืบเข้าใส่แมว แมวได้พุ่งหลบการโจมตีแต่ยังไม่ทันได้โจมตีกลับก็เห็นลิงที่พุ่งมาที่ด้านหลัง
เมื่อรับรู้วิกฤตที่เข้ามา แมวก็ได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อหนีจากที่นั่น ในวินาทีที่เขาพุ่งหนีไปนั้น แสงสีแดงก็พุ่งอัดตำแหน่งที่เขาเคยอยู่ มันเกิดรอยแตกขึ้นมาที่พื้นพร้อมกับพื้นดินที่โดนกัดกร่อนไปเรื่อย ๆ จากนั้นมันก็กลายเป็นหลุมลึกหลายสิบเมตรขึ้นมา แมวหันกลับไปมองที่ลิงทันที มันคือฝีมือของลิงตัวนี้
หวังเย่าผงะกับสกิลโจมตีของลิง เขาได้ใช้ระบบเพื่อตรวจสอบลิงทันที ก่อนที่ข้อมูลจะถูกส่งเข้ามาในหัว
ชื่อ : วานรโลหิตเลเวล :150 ระดับ : เทพ สกิล : หนาม สะบัดหนามเข้าโจมตีศัตรูสร้างความเสียหายให้กับเป้าหมายและทำการกัดกร่อนเป้าหมาย ลดสถานะลง 20 เปอร์เซ็นต์, คลั่ง เพิ่มสถานะ 50 เปอร์เซ็นต์ ลดสถานะด้านจิตลง 20 เปอร์เซ็นต์, ลำแสงเลือด ใช้กรงเล็บตัดลำคอของเป้าหมายสร้างความเสียหายร้ายแรง ความเสียหายนี้ได้รับโดยตรงไม่สนพลังป้องกัน สกิลเทพ : ระบำเลือดแห่งความตาย รวบรวมพลังในร่างปล่อยการโจมตีอันบ้าคลั่งเข้าใส่เป้าหมาย เมื่อโจมตีโดนเป้าหมายจะทำให้เพิ่มสถานะ 100 เปอร์เซ็นต์ การโจมตีเป็นแบบโดยตรงทั้งหมดรวมถึงมีความสามารถในการกัดกร่อน, ทำให้เลือดไหล หลังจากที่ใช้สกิลไปแล้วจะอยู่ในสภาพอ่อนแอ ความสามารถทุกจะอย่างลดลง 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 3 วัน เตือน : สัตว์อสูรตัวนี้มาจากเผ่าลิงโลหิต ลิงโลหิตตัวเต็มวัยนั้นยากที่จะเอาสัตว์อสูรทั่วไปมาเทียบได้
เมื่อเห็นสถานะของลิง หวังเย่าก็ต้องตกตะลึง ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งของมันแต่มันยังเป็นสัตว์อสูรเทพด้วย มันเลเวลสูงกว่าแมวอย่างมาก มันได้เปรียบทั้งด้านสถานะ นี่ไม่ต้องพูดถึงสกิลที่ทรงพลัง หากสัตว์อสูรตัวนี้ใช้สกิลเทพออกมา งั้นแมวก็ต้องตกที่นั่งลำบาก นี่ไม่ต้องพูดถึงช้างที่อยู่ข้าง ๆ คอยช่วยอยู่อีก
แค่ตัวเดียวก็จัดการได้ยากแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรสองตัวนี้ แมวก็แทบไม่มีโอกาสจะชนะได้เลย
“เด็กน้อย ถ้าแกไม่อยากให้สัตว์อสูรนี่เจ็บตัว งั้นก็ยกเลิกสัญญาและส่งมันมาให้ฉันซะ” จีเฟยเห็นท่าทีของหวังเย่า ก็พูดขึ้น
หวังเย่าพยายามควบคุมสติและมองไปที่จีเฟยด้วยท่าทีเฉยเมย แกยังไม่ทันได้สู้เลย แกรู้ได้ยังไงว่าเราจะแพ้ แกชอบพูดไร้สาระเหมือนพวกคนกระจอกเลย”
ในตอนที่พูดนั้น หวังเย่าก็เปิดใช้งานเกราะมังกรก่อนจะพุ่งเข้าใส่จีเฟยทันที รวมถึงใช้ฝ่ามือมังกรไฟออกมาด้วย
ต่อหน้าคนที่เลเวลสูงกว่าตัวเอง ข้อได้เปรียบอย่างเดียวของหวังเย่าคือยังเด็กกว่า การต่อสู้ระยะประชิดอาจจะทำให้เขาเอาชนะอีกฝ่ายได้
แต่จีเฟยเป็นชายแก่ที่อยู่มานานแล้ว ต่อหน้าการโจมตีของหวังเย่า เขามองออกหมดแล้ว ทันใดนั้นสัตว์อสูรตัวที่สามก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา มันได้สร้างเกราะป้องกันเพื่อรับมือการโจมตีของหวังเย่าเอาไว้
นี่เป็นสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะเลเวลน้อยแต่เลเวลของมันก็ยังสูงกว่าหวังเย่า อีกทั้งมันยังเป็นสัตว์อสูรสายซัพพอร์ตอีกต่างหาก แม้ว่าไฟหยินหยางนั้นจะทรงพลัง แต่ต่อหน้าสัตว์อสูรที่เก่งเรื่องการป้องกันแล้ว มันก็ยากที่จะทำลายการป้องกันได้ในเวลาอันสั้น
อี้หลงเห็นว่าหวังเย่าและจีเฟยเริ่มสู้กันแล้ว ก็ได้บอกกับหยูเจีย “ให้อาจารย์ดูทีว่านายก้าวหน้ามากแค่ไหนตลอดหลายปีมานี้ อย่าทำให้ฉันผิดหวัง ! ”
หยูเจียฮึดฮัดออกมา เขาดึงดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่อี้หลงอย่างรวดเร็ว
อี้หลงยกมือขึ้นพร้อมกับสายฟ้าที่ก่อตัวขึ้นมาในมือ จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่หยูเจีย “อ่อนแอเกินไป ถ้ามีความสามารถแค่นี้ งั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแกต้องตายวันนี้แน่”
หยูเจียหรี่ตาลง ดาบในมือส่องแสงอันเย็นชาออกมา ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า ก่อนจะฟันดาบออกไป ดาบที่ฟันออกไปนั้นรุนแรงอย่างมากจนมีพายุก่อตัวขึ้นมา
อี้หลงถึงกับคิ้วขมวด ก่อนจะใช้กระบองกันการโจมตีจากดาบเอาไว้ และดาบที่ตัดเหล็กได้ง่าย ๆ นี้กลับถูกกันไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ก็พัฒนาขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่พอ ! ” อี้หลงสะบัดแขนพร้อมกับใช้กระบองฟาดเข้าใส่ดาบในมือของหยูเจียอีกครั้ง
หยูเจียตัวสั่น เขารู้สึกได้ถึงพลังที่ไหลมาจากแขนของเขา แม้แต่กระดูกในตัวของเขาก็ยังสั่นไหวไปตาม
ดาบแทบจะหลุดออกจากมือของเขาไป แต่ดีที่เขาจับดาบเอาไว้แน่นพอ ดังนั้นเขาจึงไม่เสียอาวุธไป แต่การโจมตีนี้ก็ทำให้เขาถอยกลับไปกว่า 5-6 เมตรเลยทีเดียว
หลังจากที่เรียนรู้จากอาจารย์มานาน เขารู้แล้วว่าอาจารย์ที่ดูใจดีคนนี้มีพลังที่น่ากลัวแค่ไหน ขนาดเขาเลเวล 150 แล้ว แต่ต่อหน้าอาจารย์นั้น เขาไม่ต่างอะไรจากมดปลวกเลย เขายากที่จะทำอะไรอีกฝ่ายได้
หยูเจียเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะพุ่งเข้าใส่อี้หลงอีกครั้ง แม้ว่าจะสู้ไม่ได้ แต่ต่อหน้าคนที่ฆ่าปู่และพ่อของเขาแล้ว หยูเจียก็ไม่มีทางยอมแพ้
ดาบและกระบองปะทะกันจนทำให้เกิดเสียงระเบิดดังก้องขึ้น พื้นดินสั่นไหวเพราะพลังในการปะทะ พลังได้กระจายไปโดยรอบจนทำให้พื้นดินโดยรอบแตกออกเป็นชิ้น ๆ ค่ายกลลวงตาสั่นไหวเพราะแรงปะทะนี้ราวกับจะพังลงตอนไหนก็ได้
หยูเจียในฐานะแม่ทัพแล้วไม่ใช่แค่ต้องแบกรับหน้าที่แม่ทัพเอาไว้ แต่ยังคิดจะแก้แค้นให้กับปู่และพ่อของเขาด้วย
เขาได้ใช้ทักษะประจำตระกูลออกมา แต่ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าแล้ว แม้แต่ทักษะดาบของเขาก็ไม่อาจจะแสดงพลังของมันออกมาได้
อี้หลงขัดการโจมตีของหยูเจียเอาไว้ตลอด เขาเอาแต่ป้องกันและอาศัยช่องวางในการตอบโต้กลับ
เพราะหยูเจียนั้นคิดจะสู้จนตัวตาย ทุกการโจมตีเขาใช้พลังออกไปเต็มที่ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ยังเสียเปรียบให้กับอี้หลงอยู่ดี
ในอีกด้าน หวังเย่าเองก็ตกที่นั่งลำบากเช่นกัน เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่เลเวลสูงกว่าหลายสิบเลเวล เขาก็ไม่อาจจะใช้พรสวรรค์ชดเชยช่องว่างนี้ได้ จีเฟยแทบจะไม่ลงมือ เขาแค่ใช้สัตว์อสูรก็ทำให้หวังเย่าตกที่นั่งลำบากได้แล้ว
ต่อหน้าการโจมตีของสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ หวังเย่าก็ยากจะปกป้องตัวเองได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปช่วยแมวเลย
ในทางกลับกันแล้วแมวนั้นต้องเผชิญหน้ากับลิงและช้าง แต่ด้วยสายเลือดระดับสูงของแมวแล้ว แม้ว่าจะต้องรับมือกับสัตว์อสูรสองตัว แต่ก็พอตอบโต้ได้อยู่บ้าง
แมวนี่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีสถานะที่เหนือกว่า แต่เมื่ออีกฝ่ายโจมตีแต่ละครั้งนั้น แมวก็จะหลบได้อย่างเฉียดฉิวและอาศัยช่องโหว่ตอนนั้นโจมตีสวนกลับได้อย่างแม่นยำ
แต่ลิงนี่แกร่งกว่าแมวอย่างมาก การโจมตีของแมวนั้นโดนลิงกันเอาไว้ทุกครั้ง รวมถึงการป้องกันที่สูงของช้างนั้นจึงยากที่การโจมตีของแมวจะทำอะไรมันได้
แม้ว่าแมวจะยากที่จะฝ่าวงล้อมของสัตว์อสูรทั้งสองได้ แต่มันก็ยังคิดที่จะหาทางเอาชนะอยู่
แน่นอนว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคำสั่งของจีเฟย
เพราะเขาอยากได้แมวตัวนี้ ดังนั้นลิงและช้างจึงไม่อาจจะฆ่าแมวได้ จึงเป็นธรรมดาที่พวกนั้นต้องระวังในตอนที่โจมตี แต่ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ตอนนี้ก็ผิดจากที่คาดเอาไว้
“นี่ขนาดร่างกายของมันฟื้นฟูขึ้นมาแค่เล็กน้อยยังเป็นแบบนี้ แล้วตอนที่มันมีพลังกลับมาเหมือนเดิมจะแกร่งแค่ไหน เพราะตอนนี้มันไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์อสูรเทพอื่น ๆ เลย” จีเฟยมองไปที่แมวด้วยสายตาที่โลภมากกว่าเดิม
ปัง !
หวังเย่าต่อยเข้าใส่ที่หัวของสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์จนมันกระเด็นออกมา แต่ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของมัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะตายเพราะการโจมตีของหวังเย่า
แต่พลังของหมัดนี้ไม่ได้อ่อนแอเลย โดยเฉพาะกับไฟหยินหยางที่เผาตัวมัน ดังนั้นสัตว์อสูรจึงบาดเจ็บไม่ใช่น้อย
แต่เมื่อหวังเย่าจัดการกับสัตว์อสูรได้ตัวหนึ่ง ก็มีกรงเล็บของสัตว์อสูรอีกตัวฟาดเข้าใส่เขา มันได้เฉือนเข้าไปที่ด้านหลังของหวังเย่า แม้ว่าจะมีการป้องกันของไฟอยู่ แต่การโจมตีของสัตว์อสูรเหล่านี้ก็ยังสร้างความเสียหายให้กับหวังเย่าได้อยู่ดี
หวังเย่าฟาดหลังมือเข้าใส่สัตว์อสูรที่โจมตีเขา ก่อนจะใช้มือกำเข้าไปที่คอของสัตว์อสูรตัวนั้น
ตูม !
ไฟหยินหยางไหลเข้าไปในตัวสัตว์อสูรอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะเผามันจากด้านในจนกลายเป็นเถ้าปลิวไปตามลม
หวังเย่าโยนร่างของสัตว์อสูรทิ้ง ก่อนจะมองไปยังสัตว์อสูรรอบตัวด้วยสีหน้าเฉยเมย
เขาต้องจัดการสัตว์อสูรพวกนี้ให้เร็วที่สุด เขาไม่อาจจะเปิดโอกาสให้จีเฟยปล่อยสัตว์อสูรออกมาได้อีก ไม่งั้นแล้วสถานการณ์มีแต่จะแย่ขึ้นเรื่อย ๆ