ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 728 : บันทึกของนักสำรวจจากหอสมบัติสวรรค์
ตอนที่ 728 : บันทึกของนักสำรวจจากหอสมบัติสวรรค์
ตอนที่หวังเย่าได้สติกลับมา เขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในป่า ท้องฟ้ายังอึมครึมและมีฝนตกลงมาบ้างเล็กน้อย แต่ก็โชคยังดีที่เขายังโดนล้อมไว้โดยแสงหลากสี
นี่คือความสามารถของโล่เงาที่คอยปกป้องหวังเย่าเอาไว้ ไม่งั้นแล้วด้วยพลังของระเบิด ถึงแม้ว่าหวังเย่าจะพยายามใช้ทุกวิธีเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถปกป้องตัวเองได้
“แม้ว่าจะกันเอาไว้ได้ แต่ถ้าหากไม่มีจี้เทพนี่ฉันคงโดนฝนกัดกร่อนไปแล้ว”
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน แต่ที่แน่ ๆ มันต้องอยู่ในหุบเหวมังกร การระเบิดนี้ทำให้เขาแยกตัวออกมาจากวานเซ่ แต่เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแล้ว อีกฝ่ายก็คงไม่น่าจะเป็นอะไร นี่ไม่ต้องพูดถึงสมบัติที่ติดตัวของเขามาเลย แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องมีสภาพดีกว่าเขาเป็นแน่
หวังเย่าทำการสำรวจพื้นที่รอบตัวและพบว่าไม่มีสัตว์อสูรอยู่รอบ ๆ ในหุบเหวมังกรแห่งนี้สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งนั้นมีจำนวนมาก ยิ่งสัตว์อสูรเลเวล 120 นั้นยิ่งหาได้ง่าย ๆ
หากเขาพบกับสัตว์อสูรที่แกร่งกว่า แม้แต่เขาก็ยังต้องหนี
หวังเย่ารับรู้ได้ถึงตำแหน่งของฟู่หมิงจากเชือกจิต เขาคาดเดาตำแหน่งก่อนจะเดินตามทางเชือกจิตไป
ฟู่หมิงและหยานเทียนนั้นแข็งแกร่ง ในการระเบิดครั้งนี้พวกเขาต้องปกป้องตัวเองเอาไว้ได้ หากเดินทางตามตำแหน่งเชือกจิตแล้วก็น่าจะพบกับตำแหน่งของทั้งคู่
หลังจากที่เดินทางมาได้สักพักฝนก็ยังคงตกลงมา มันมีแต่เสียงฝนที่ตกลงมากระทบพื้น แสงที่ครอบคลุมตัวของเขาแทบจะสลายหายไปแล้ว และจี้ก็คงใกล้จะหมดพลังงาน หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็รู้ว่าหากเดินทางต่อคงอันตรายอย่างแน่นอน
เมื่อเดินมาได้ไม่ไกล เขาก็พบกับถ้ำ หวังเย่าได้แผ่การรับรู้เข้าไปสำรวจและก็ไม่พบร่องรอยของสัตว์อสูร ดังนั้นเขาจึงเข้าไปพักด้านในถ้ำเพื่อหลบฝน
หวังเย่าเดินทางเข้ามาและพบว่าถ้ำนี้ไม่ได้ใหญ่นัก มันลึกแค่ 10 เมตร สูง 2-3 เมตรเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือมันมีห้องที่ปลายถ้ำ แม้ว่าจะเก่าแก่จนกำแพงหินมีรอยแตกและหลายที่มีมอสปกคลุม แต่เมื่อมองดูแล้วก็พบว่าที่นี่เคยมีคนอยู่
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เพราะปกติที่คนที่มายังดินแดนนรกแห่งนี้จะไม่มีใครอยู่ที่นี่นาน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่เสียเวลาเพื่อสร้างห้องแบบนี้ขึ้นมา
เมื่อเข้าไปข้างใน เขาก็มองไปรอบ ๆ ห้องและพบกับกองฝุ่น และมันเหมือนมีบางอย่างในกองฝุ่นนั้น หวังเย่าเดินเข้าไปหยิบดูและพบว่ามันคือสมุดบันทึก
“นี่มันเป็นตัวหนังสือของดาวโลก ! ” หวังเย่าจำตัวหนังสือนั้นได้ทันทีและถึงกับต้องแปลกใจ
นอกจากเฉี่ยนเจินเฉียนและคนอื่น ๆ แล้ว หวังเย่าไม่เคยได้ยินเลยว่าจะคนบนดาวโลกเคยมายังเขตดาวโบไลด์แห่งนี้
โม่ยู่หลินเคยบอกกับเขาว่า ตอนที่รู้ว่าหวังเย่ามาจากดาวโลก เขาก็บอกว่ามีมนุษย์จากดาวอื่นที่เดินทางไปมาในจักรวาลด้วย
แต่เมื่อหวังเย่าเปิดบันทึกดูและลองตรวจสอบดูดี ๆ
มันกลับเป็นว่าเจ้าของบันทึกนี้เป็นนักสำรวจและนักสู้จากหอสมบัติสวรรค์
หวังเย่าลองนึกถึงเรื่องหอสมบัติสวรรค์ ตอนแรกพวกเขาเคยเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ของดาวโลก แต่เมื่อโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ส่วนมากก็เริ่มหายไปกับกาลเวลา เหลือแค่ไม่กี่คนในหมู่มนุษย์ที่พัฒนาตัวเองขึ้นมา
เนื้อหาในบันทึกเขียนบอกเรื่องราวเมื่อหลายสิบปีก่อน ทีมจากหอสมบัติสวรรค์ได้ออกมาหาสมบัติด้านนอก แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงของโลกจึงทำให้พวกเขาหลุดเข้ามาในรูหนอนมิติ และมายังดินแดนแห่งนี้
พวกเขาพบว่าได้มายังโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย มันมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่ทั่วทุกที่ แต่คนเหล่านี้ก็ยังโชคดีที่รอดมาได้ แม้ว่าตอนแรกจะทุลักทุเลก็ตาม ตอนที่ดินแดนนรกเปิดออก คนเหล่านี้ต้องเดินทางไปยังชั้น 7 ด้วยความสับสน
ด้วยความลำบากมากมาย สุดท้ายพวกเขาก็ไปถึงชั้นสุดท้ายได้ แต่ก็พบว่าไม่มีทางออกจากที่นี่ ทำให้พวกเขาสับสนและลนลานอย่างมาก และในตอนนั้นเองที่พวกเขาได้พบกับอสูรมิติ
ในตอนที่โลกอยู่ในวิกฤตกลับเกิดหลุมดำขนาดใหญ่ขึ้น พวกเขาได้เห็นสงคราม แต่ก็ไม่รู้เลยว่าใครกันที่สู้กันอยู่
รู้แค่ว่าฝ่ายหนึ่งแม้ว่าจะมีจำนวนน้อยแต่ก็แข็งแกร่ง พลังของพวกนั้นเพียงพอที่จะทำลายโลกได้ สงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายทำให้มิติในชั้น 7 ไม่เสถียรและเกิดการผันผวนขึ้นมา พวกเขาจึงได้ใช้โอกาสนั้นในการออกจากดินแดนนรกผ่านหลุมดำ
ระหว่างทางที่ออกมาพวกเขาก็ได้เอาไข่สัตว์อสูรออกมาจากดินแดนนรกด้วย ไข่สัตว์อสูรที่ถูกทิ้งเอาไว้ กลับถูกพวกเขาเก็บมา หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางอยู่ในจักรวาลกว่า 18 ปีก่อนที่สุดท้ายจะกลับไปที่ดาวโลกได้สำเร็จ
ในปีนั้น หวังเย่าอายุได้ 18 ปีพอดี และตอนนั้นเองที่เขาได้เจอกับสัตว์อสูรที่เหล่านักสำรวจนำกลับมาที่โลก….เสี่ยวซวี
“ ไม่คิดเลยว่าคนที่บันทึกเรื่องราวนี้จะเป็นพ่อของชือคงเป่า ที่มายังดินแดนนรก นี่มันช่าง…” เมื่อหวังเย่ารู้ว่าคนที่บันทึกเรื่องราวนี้เป็นคนที่ใกล้ชิดกับตัวเขา มันก็ทำให้เขาแทบพูดอะไรไม่ออก
จักรวาลนี้ใหญ่โตนัก เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นยาก คนกลุ่มนั้นไม่ใช่แค่รอดจากออกมาจากดินแดนนรกไปได้ แต่ยังเอาตัวอสูรมิติมาได้ด้วย
แต่ถ้าพวกนั้นไม่เอาตัวอสูรมิติออกมา งั้นเขาก็ไม่มีทางพบกับเสี่ยวซวี เพราะแบบนั้นเขาจึงซาบซึ้งบุญคุณของคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก
“คนในดาวโลกคงคิดไม่ออกว่าพวกคุณต้องเจอกับอะไรมาบ้าง แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่รู้ว่าโชคดีรึโชคร้าย แต่สรุปคือต้องขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอกับเสี่ยวซวี ” หวังเย่ามองไปที่ฝุ่นที่มุมถ้ำ
นี่คือหนึ่งในคนที่บาดเจ็บและไม่อาจจะออกไปจากที่นี่ได้ ตลอด 100 ปีนี้ ร่างกายของเขาถึงกับเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่น
ตอนที่พวกเขากำลังจะออกจากที่นี่ไป ก็พบกับเรื่องที่ไม่คาดคิด ในตอนนั้นแม้แต่ร่างของเพื่อนร่วมทีม พวกเขาก็ไม่อาจจะนำกลับไปฝังได้
ต้องรู้ก่อนว่านักสู้เหล่านั้นยังไม่อาจจะเทียบกับหวังเย่าในตอนนี้ได้เลย การที่พบสัตว์อสูรสักตัวก็เพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาให้ตายทั้งหมดได้แล้ว
หลังจากที่พักในห้องนั้นได้ไม่นาน หวังเย่าก็ปรับสภาพร่างกายก่อนจะออกเดินทางต่อ ก่อนที่เขาจะออกจากถ้ำมาเขาก็ได้มองไปที่ป่าตรงหน้า
“มาแล้วสินะ ! ” หวังเย่าฮึดฮัดออกมาก่อนจะเดินทางตามทิศทางที่เชือกจิตบอก
ด้วยเสียงตัดสายลมดังขึ้นพร้อมกับห่าธนูที่พุ่งปักลงกับพื้นในจุดที่อยู่ จากนั้นมันก็ระเบิดออกมา
“อาวุธธรรมดาไม่ได้ผลเลยต้องใช้อย่างอื่นงั้นหรือ ? ” หวังเย่าฮึดฮัดแล้วยกมือขึ้นไปทางป่า ก่อนจะใช้ไฟหยินหยางออกมา
เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกับชายที่ตัวลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟที่วิ่งออกมาจากป่า เขาอยากจะดับไฟแต่มันคือไฟอาทิตย์ ไฟที่รุนแรงที่สุดในกฎไฟ มันยากที่จะดับได้นอกซะจากว่าจะมีพลังกฎที่เหนือกว่า
หวังเย่าต่อยเข้าใส่อีกฝ่ายแล้วฆ่าอีกฝ่ายทันที
“ออกมา เมื่อแกอยากฆ่าฉันก็ออกมา อย่าซ่อนตัวเป็นหนู ไม่อายบ้างรึไง ! ” หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทันทีที่พูดจบก็มีกลุ่มคนชุดดำพุ่งออกมาจากป่าเข้ามาล้อมหวังเย่าเอาไว้
“ครั้งที่แล้วฉันยังไม่หนำใจ พวกแกควรให้คนที่อยู่เบื้องหลังออกมาจัดการเองจะดีกว่า” หวังเย่าพูดขึ้น
“อย่าสนใจเด็กนี่ จัดการมันซะ ! ” ชายชุดดำคนหนึ่งพูดขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่หวังเย่า
หวังเย่ามองออกแล้วว่าพวกนี้มีเลเวลสูงสุดอยู่ที่ 130 เท่านั้น สำหรับเขาแล้วมันไม่ได้เป็นภัยอะไรเลย แม้ว่าจะไม่ใช้เกราะมังกรและใช้แค่ไฟหยินหยางกับทักษะส่วนตัวก็เพียงพอที่จะจัดการพวกนี้ได้
ตูม — ฝ่ามือฉลามดำพร้อมกับพลังไฟอัดเข้าใส่ร่างของชายชุดดำคนหนึ่งก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะโดนเผาไปทันที
ชายชุดดำอีกคนที่อยู่ด้านหลังใช้โอกาสนั้นเข้าโจมตี แต่ก็โดนพลังฝ่ามือของหวังเย่าอัดเข้า
แม้ว่าความเร็วของหวังเย่าจะไม่ได้เร็วเท่ากับแมวที่เป็นสัตว์อสูรเทพ แต่ด้วยความสามารถที่เชื่อมต่อกันแล้ว ความเร็วของเขาก็ถือว่าดีที่สุดในหมู่พวกเลเวลเท่ากัน
พวกคนชุดดำนี้ไม่ได้แกร่งนัก หวังเย่ารู้สึกว่าไม่มีคนแข็งแกร่งด้วยซ้ำ คนชุดดำที่ก่อนหน้านี้มีมากกว่า 10 คน เมื่อเวลาผ่านไปเพียงนิดเดียว หวังเย่าก็เผาคนพวกนั้นไปได้กว่า 6-7 คนแล้ว
“ฉันจะให้โอกาสพวกแกครั้งสุดท้าย รีบกลับไปบอกหัวหน้าพวกแกซะ ฉันไม่อยากมีปัญหากับพวกแก แต่ฉันไม่เคยกลัวปัญหา ถ้าพวกแกยังดื้อด้านต่อ ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอน” หวังเย่ามองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา
“ตายซะ ! ” ชายชุดดำตะโกนออกมาและไม่คิดที่จะถอย
หวังเย่าส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะประนีประนอมกับเขาเลย
ตูม ตูม…
เสียงระเบิดไฟดังก้องขึ้นทั่วทั้งป่า แม้แต่ฝนกรดก็ไม่อาจจะต้านทานดาบไฟนี้ได้ ไฟได้ลุกไหม้ป่าโดยรอบและลามออกไปเรื่อย ๆ ในพริบตาร่างของคนชุดดำก็โดนเผาเป็นเถ้า
ตอนที่ไฟดับลงนั้นก็เหลือแต่พื้นที่โล่ง มันไม่มีร่องรอยใด ๆ ที่พื้นเลยแม้แต่น้อย เพราะไฟได้กลบร่องรอยทุกอย่างจนหมดแล้ว
และเมื่อไฟนี่ดับลง หวังเย่าก็ได้เดินหน้าไปยังใจกลางของหุบเหวมังกรต่อ