ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 726 : วิญญาณมังกร
ตอนที่ 726 : วิญญาณมังกร
“สัตว์อสูรที่อยู่ในถ้ำนี้ ส่วนมากจะใช้เวลาในถ้ำ แต่ทุกวันที่แดดออกมันจะออกมาเพื่อล่าเหยื่อ ฉันคิดว่าอีกไม่กี่วันฝนก็คงจะหยุดตก เราแค่ต้องรออยู่แถวนี้และรอจนกว่ามันจะออกไป เพื่อจะใช้โอกาสนั้นเข้าไปในถ้ำ” หยานเทียนพูดขึ้น
กองกำลังอื่น ๆ ก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่มีใครอยากเข้าไปหาเรื่องสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งของหุบเหวมังกร ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะรอ
แต่ตอนที่ทุกคนรอกันอยู่นั้นอยู่ ๆ พื้นก็สั่นไหว คลื่นพลังงานที่แข็งแกร่งได้แผ่ออกมาจากถ้ำตามด้วยควันที่ลอยออกมาก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้น
การระเบิดนี้รุนแรงซะจนแม้แต่คนที่อยู่ห่างออกไปกว่าร้อยไมล์ก็ยังได้ยิน ไฟได้พุ่งออกมาจากตัวถ้ำ
“ท่าไม่ดีแล้ว ! มีคนเข้าไปในถ้ำและปลุกสัตว์อสูรที่หลับใหลอยู่ ! ” หยานเทียนสีหน้าเครียดและพูดขึ้นมา
ตอนที่เขาเพิ่งจะพูดจบก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาจากถ้ำ ทุกคนต่างก็สีหน้านิ่งไปก่อนจะพบกับสัตว์อสูรรูปร่างเหมือนกับงูขนาดใหญ่เลื้อยออกมาจากถ้ำ
ขนาดของสัตว์อสูรนั้นใหญ่ที่สุดเท่าที่หวังเย่าเคยเห็นมา ความยาวของมันยาวกว่าภูเขาแห่งนี้เสียอีก มันพันรอบไปถึงยอดเขา ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ราวกับมองว่าใครที่เพิ่งมารบกวนมัน แต่ชายคนนั้นก็หายตัวไปไหนไม่รู้ มันจึงมองไปยังกลุ่มผู้คนด้วยสายตาอาฆาต
“มันคงคิดว่าเราคือหนึ่งในคนที่รบกวนมัน” เมื่อเห็นท่าทีของสัตว์อสูร พวกเขาก็รู้แล้วว่าสัตว์อสูรต้องเอาความโกรธมาลงที่พวกเขาอย่างแน่นอน
หวังเย่ากลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้นว่า “เราจะทำยังไงกันดี ? ”
“ตอนนี้เราต้องเอาชนะมันแล้วขึ้นไปที่ชั้นต่อไป ไม่ก็ต้องหนีจากที่นี่และรอ ถึงอย่างนั้นฉันว่ามันก็ยากที่จะหาโอกาสผ่านไปได้” หยานเทียนพูดขึ้น
“ดูจากสถานการณ์แล้ว ถ้าทุกคนร่วมมือกัน พวกเราน่าจะจัดการได้” ฟู่หมิงคิ้วขมวด
ระยะทางหลายร้อยไมล์นั้นสำหรับสัตว์อสูรที่ตัวใหญ่แบบนี้ แค่ใช้แรงเล็กน้อยก็สามารถเดินทางไปถึงได้อย่างรวดเร็ว และในทางทฤษฎีแล้วคงมีแค่สัตว์อสูรเทพเท่านั้นที่ทำได้
แต่ตอนที่ออกมานั้น หวังเย่าก็พบว่าพวกเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรแต่เป็นวิญญาณของสัตว์อสูรต่างหาก
“นี่ไม่ใช่สัตว์อสูร มันไม่ใช่สัตว์อสูรจริง ๆ ! ” หวังเย่ารู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากตัวงูและก็ต้องตะลึง
สัตว์อสูรและวิญญาณนั้นต่างกัน อันแรกมีร่างกายและวิญาณ ส่วนอันหลังมีแค่วิญญาณอย่างเดียว แม้ว่าวิญญาณสัตว์อสูรนั้นจะเข้าสิงร่างของสัตว์อสูรอื่น ๆ และมันก็สามาถใช้พลังของสัตว์อสูรในร่างที่สิงได้ แต่เมื่อออกจากร่างที่สิงแล้ว วิญญาณจะอ่อนแอลงอย่างมาก
“อย่าคิดว่ามันเป็นแค่วิญญาณธรรมดา มันไม่มีร่างกายแต่หลังจากที่บ่มเพาะมาหลายพันปี มันก็มีวิญญาณที่สมบูรณ์ มันไม่ได้อ่อนแอกว่าสัตว์อสูรที่เลเวลเท่ากันเลย”
ไม่จำเป็นต้องบอก หวังเย่าก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างของสัตว์อสูรนั้น
วิญญาณสัตว์อสูรนี่รวดเร็วอย่างมาก ไม่นานมันก็อยู่ห่างจากผู้คนไม่ถึง 10 ไมล์ มันอ้าปากออกมาก่อนจะพ่นหมอกม่วงออกมาจากปาก
บางคนโดนหมอกนั้นกลืนกินไปทันที พวกเขายังไม่ทันได้กรีดร้องด้วยซ้ำ แต่ก็โดนหมอกนั้นกัดจนละลายหายไปแม้แต่กระดูกก็ยังไม่เหลือ พวกที่รู้ตัวเร็วหน่อยก็รีบเช็ดหมอกออกจากตัว แต่ส่วนที่โดนหมอกนั้นก็โดนกัดกร่อนไปจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อด้านใน
ตอนนั้นเสียงกรีดร้องได้ดังระงมไปทั่วทุกที่ คนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นก็พากันรีบถอยกลับไป เมื่อหมอกม่วงสลายไปก็เกิดหลุมกว้างกว่า 100 เมตรขึ้นมาที่พื้น
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ถอยกลับไปที่ด้านหลังทันที เขาคือหนึ่งในพวกที่มีระดับที่ต่ำ เขาไม่อาจจะอยู่ระดับกลางของคนหมู่นี้ได้ด้วยซ้ำ
เห็นได้ชัดว่าสองคนที่เพิ่งโดนหมอกกลืนกินไปนั้นเลเวลสูงถึง 140 แต่คนที่แข็งแกร่งแบบนั้นกลับตายโดยไม่อาจจะต้านทานได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงคนที่เลเวล 125 แบบเขาเลย
เมื่อเห็นผู้คนถอยหนี สัตว์อสูรนั่นก็ยังไม่สาแก่ใจ มันวิ่งเข้าหาผู้คนต่อและเริ่มพ่นหมอกพิษออกมาอย่างต่อเนื่อง
หมอกนี้รวดเร็วอย่างมาก พวกคนที่โดนหมอกนี้ต้องบาดเจ็บหนักไม่ก็ตายไป ไม่มีใครกล้ารับมือกับหมอกโดยตรง
“บัดซบ ! ” ผู้อาวุโสเจียงหยาน เห็นว่าหลายคนโดนหมอกม่วงนี้กลืนกินไปก็โกรธขึ้นมา เขาได้สะบัดมือก่อนจะเกิดแสงสีรุ้งขึ้น
หมอกม่วงได้ปะทะกับแสงนี้ก่อนจะลดความเร็วลงเรื่อย ๆ แล้วหยุดนิ่งไป สุดท้ายหมอกม่วงก็แข็งตัวจนกลายเป็นผลึก เมื่อเห็นแบบนั้นคนอื่น ๆ ก็ใจชื้นกันขึ้นมา หลายคนได้พากันใช้การโจมตีระยะไกลเพื่อหยุดหมอกม่วงนี้เอาไว้
หัวหน้ากองทหารเลือดวิญญาณได้ถือมีดออกมาและฟันเข้าไปใส่หมอกม่วง เขาใช้สกิลทุกอย่างโจมตีเข้าใส่หมอกม่วงเพื่อผลาญพลังของมัน
กวนยังคงยืนนิ่ง เขาใช้ขวานในมือฟันเข้าใส่หมอก สุดท้ายเขาก็พุ่งเข้าไปในหมอกม่วงตอนที่หมอกนั้นสลายไป
ฟู่หมิงใช้ไฟห่อหุ้มมือเอาไว้เพื่อกันให้หมอกนั้นข้ามาใกล้ ในระยะเปลวไฟแล้วหมอกได้สลายหายไปหมด เมื่อเห็นพลังของคนเหล่านี้ หวังเย่าและคนอื่น ๆ ที่หนีไปก็พากันใจเย็นขึ้นและพอรับมือกับหมอกได้ง่ายดายขึ้นมา
หลังจากที่รับมือกับหมอกพิษแล้ว เจียงหยานก็ได้ทำการโจมตีเข้าใส่วิญญาณสัตว์อสูร ฝ่ามือของเขาเปลี่ยนเป็นฝ่ามือยักษ์ขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่หัวของสัตว์อสูรทันที
แต่วิญญาณสัตว์อสูรนั้นไม่ได้จัดการได้ง่าย ๆ หมอกพิษนี้เป็นแค่สกิลอย่างหนึ่งของมันก็เท่านั้น เมื่อเห็นว่าหมอกพิษโดนทำลายไป มันก็ได้สะบัดตัวด้วยความหงุดหงิด มันถึงกับใช้หัวของมันรับมือกับฝ่ามือเอาไว้ด้วย
ปัง !
ฝ่ามือน้ำแข็งนั้นแตกออกทันที ส่วนวิญญาณสัตว์อสูรนั้นไม่ได้รับความเสียหายเลย จากนั้นมันก็ได้สะบัดหางของมันอัดเข้าใส่เจียงหยาน
และเป็นธรรมดาที่เจียงหยานจะไม่คิดรับการโจมตีเอาไว้ เขาถอยกลับมาแต่ถอยออกมาได้ไม่ไกลนัก ส่วนพวกตระกูลเจียงที่เพิ่งจัดการกับหมอกเสร็จไป ก็กลับต้องโดนหางนี้ฟาดเข้าใส่แทน
ในด้านของกวนนั้น เขาได้พุ่งอัดเข้ากับกำแพงหน้าผาและกระเด็นไปต่ออีกหลายพันฟุต เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันขนลุก เพราะแม้แต่คนที่แข็งแกร่งระดับนี้ก็ยังไม่อาจจะหยุดการโจมตีของสัตว์อสูรตัวนี้ได้
“ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ? ” หวังเย่าหลบการโจมตีของสัตว์อสูรและตะโกนถามขึ้นมา
หยานเทียนยกมือขึ้นและพูดขึ้นมา “มีข่าวลือว่า ‘หยู’ เกิดมาเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง สัตว์อสูรนี่แข็งแกร่งอย่างมาก เมื่อขึ้นไปถึงระดับเทพแล้ว สัตว์อสูรส่วนมากก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของมันได้”
“ว่าไงนะ ? ” หวังเย่าได้ยินชื่อนี้ก็พูดขึ้น “ มีข่าวลือว่าหยูต้องบ่มเพาะกว่า 500 ปีเพื่อเปลี่ยนเป็นมังกร มันคือสัตว์อสูรในตำนานนั่นน่ะหรือ ? ”
“มันคือเรื่องที่มังกรแต่งขึ้นมาเพื่อปกปิดความจริง สัตว์อสูรตัวนี้เป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ความแข็งแกร่งของมันไม่ได้ด้อยไปกว่ามังกรเลย” ฟู่หมิงพูดขึ้น “ถ้าไม่ใช่เพราะมันมีจำนวนน้อยแล้ว ผู้ใช้อสูรหลายคนคงจับมันเป็นสัตว์อสูรของตัวเอง” เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็รู้แล้วว่าทำไมสัตว์อสูรนี่ถึงแกร่งได้ขนาดนี้ มันทัดเทียมกับมังกรเลยก็ว่าได้
ไม่ต้องดูอย่างอื่นเลย แค่โม่ยู่หลินเผ่ากิเลนก็เป็นถึง1ใน10 อันดับแรกของเผ่าสัตว์อสูร แม้ว่าจะยังบาดเจ็บและยังไม่ฟื้นฟูดีแต่ก็ยังกล้าใช้ร่างกายตัวเองรับการลงโทษเอาไว้ ตอนนี้ตรงหน้าพวกเขาคือสัตว์อสูรในตำนานที่แท้จริง
หวังเย่าได้ใช้ระบบตรวจสอบข้อมูลของงูนี่ หากหาจุดอ่อนของมันได้ งั้นด้วยการร่วมมือของทุกคนอย่างฟู่หมิงและ หยานเทียนแล้วก็น่าจะจัดการกับมันได้
ชื่อ : งูมังกร เลเวล : ???ระดับ : ??สกิล : ???เตือน : ไม่อาจจะตรวจสอบข้อมูลของเป้าหมายได้เพราะความแข็งแกร่งที่ต่างกันมากเกินไป
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ได้แต่สลด นี่เป็นครั้งแรกที่ระบบให้คำตอบแบบนี้ออกมา สถานการณ์ที่ระบบไม่อาจจะตรวจสอบข้อมูลของสัตว์อสูรได้เลยนั้น ไม่ใช่ว่าระบบไม่มีความสามารถ แต่เป็นหวังเย่าเองที่มีพลังต่างกับสัตว์อสูรเกินไป
แต่ฟู่หมิงรู้จักสัตว์อสูรนี่ดีจึงได้พูดขึ้น “หากนับเวลาบ่มเพาะของมันแล้ว มันน่าจะอยู่มานานกว่าฉัน ตอนนี้สถานการณ์กำลังวุ่นวาย การสู้กับมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดี”
“เราควรออกจากที่นี่เพื่อรอโอกาส เราจะรอจนกว่าแดดจะออกแล้วค่อยไปหาทางออก” หยานเทียนเห็นด้วยกับความคิดของฟู่หมิง
หวังเย่าหันกลับไปดูและพบว่าคนของเผ่าสามตานั้นได้สู้กับสัตว์อสูรอยู่ คนคุ้มกันทั้งสี่คนได้เข้าสู้กับสัตว์อสูรโดยไม่คิดที่จะถอย
ชายที่มีดาบสีทองนั้นมีทักษะดาบที่โดดเด่นอย่างมาก ปราณดาบอันแข็งแกร่งได้ฟันเข้าใส่สัตว์อสูรแต่ก็ไม่อาจจะสร้างความเสียหายได้เลยแม้แต่น้อย คนอื่น ๆ ก็คอยโจมตีเพื่อก่อกวนสัตว์อสูรเอาไว้
เมื่อเห็นว่าพวกนี้อาจจะมีหวังจัดการกับสัตว์อสูรได้ ทุกคนก็เลือกที่จะหยุดและรอดูผลลัพธ์
หยางเสี่ยวเห็นว่าสัตว์อสูรโดนยื้อไว้โดยคนคุ้มกันของตนก็เผยสีหน้าภูมิใจออกมา เขามองผู้คนรอบ ๆ ด้วยสายตาเยาะเย้ยก่อนจะพูดขึ้น “ในเมื่อทุกคนกลัวสัตว์อสูรนี่ งั้นฉันจะเอามันมาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน”
“ผู้อาวุโส เราควรช่วยพวกเขาจัดการกับสัตว์อสูรนี่เพื่อที่เราจะได้ไปที่ชั้นต่อไป ดีรึเปล่า ? ” คนในตระกูลเจียงคนหนึ่งถามขึ้นมา
“มันไม่ธรรมดานี่สิ ความเป็นสัตว์อสูรที่แท้จริงของมันยังไม่ถูกแสดงออกมา แค่เผ่าสามตาคงรับมือกับมันไม่ไหว” เจียงหยานพูดขึ้น
เขาพูดยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงสัตว์อสูรคำรามออกมาด้วยความโกรธ เกล็ดที่คอมันบวมเป่งขึ้นมาก่อนที่สุดท้ายจะมีหัวอีกสองหัวงอกออกมา
ความต่างคือหัวหนึ่งมีตาสีน้ำตาล อีกหัวมีตาสีฟ้า คนคุ้มกันทั้งสี่เห็นแบบนั้นก็พากันถอยกลับทันที
แต่หนึ่งในนั้นช้าไปหน่อย งูตาสีฟ้าได้อ้าปากแล้วยิงสายฟ้าออกมาทันที
สายฟ้าได้อัดเข้ากับตัวของชายคนนั้นก่อนที่เขาจะกระเด็นออกมา ร่างของเขาดำเป็นตอตะโก มันทำให้เขาบาดเจ็บหนัก