ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 725 : ตามล่าหวังเย่า
ตอนที่ 725 : ตามล่าหวังเย่า
หลังจากที่กองกำลังใหญ่ ๆ เข้ามาในหุบเหวมังกร สถานการณ์ของแต่ละกลุ่มนั้นก็แตกต่างกันออกไป หลายกลุ่มเจอกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง แต่สำหรับพวกคนระดับสูงแล้วสัตว์อสูรส่วนมากไม่อาจจะทำอะไรพวกเขาได้
โดยทั่วไปแล้ว 4 ตระกูลใหญ่และ 10 กองกำลังทหารชั้นนำรวมถึงเผ่าสามตาแล้ว นอกซะจากว่าจะเจอกับฝูงสัตว์อสูรจำนวนมาก มันก็ไม่มีอะไรที่เป็นภัยต่อพวกเขาได้เลย
ดาบสวรรค์ได้ตัดหัวของสัตว์อสูรที่เลเวลเกือบ 160 ทิ้งไปอย่างง่ายดาย เขามองไปที่เลือดบนพื้นราวกับว่าเป็นเรื่องปกติก่อนจะเดินต่อไป
หยางเสี่ยวและทหารคนอื่น ๆ เดินตามไปติด ๆ ทหารของตระกูลสามตาเหล่านี้พากันมองไปที่ร่างของสัตว์อสูรและยิ้มออกมา “ดาบสวรรค์นี่แกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แม่ว่าจะเป็นตระกูลอื่นทั้งตระกูลก็อาจจะรอดจากที่นี่ไม่ได้”
“ดาบสวรรค์น่ะน่ากลัว พวกเราเดินอยู่ที่นี่มานานแต่ก็ยังไม่พบกับสัตว์อสูรที่พอรับมือกับดาบนี่ได้เลย” หยางเสี่ยวคิ้วขมวดและพูดขึ้นมา “เวลากำลังจะหมดแล้ว เราควรกลับไปที่เขตกลางเพื่อเตรียมที่จะไปที่ชั้นต่อไป”
หยางเสี่ยวยังพูดขึ้นอีก “ที่นี่ไม่ใช่ใจกลางหุบเหวมังกร เดาว่าเขตกลางนั้นคงมีโอกาสมากกว่าที่จะพบกับสัตว์อสูรดี ๆ เราไปจากที่นี่กันเถอะ”
ในอีกที่…….
“มันมีสัตว์อสูรมากมายที่นี่ เราอาจจะทำภารกิจที่ผู้อาวุโสให้เรามาไม่สำเร็จ” ผู้หญิงอีกคนบอกกับจีเฟย
จีเฟยนั่งอยู่บนหลังช้าง สีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่สู้ดีนัก ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในชั้นที่สามก็ยังไม่พบกับร่องรอยของหวังเย่าเลย เขาเจอแต่สัตว์อสูรที่เข้ามาสร้างปัญหา
โดยเฉพาะในการต่อสู้เมื่อตะกี้ เขาพบกับสัตว์อสูรเป็นร้อย ๆ ตัว ในหมู่พวกนั้นมี 7 ตัวที่อยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งนั้นใกล้เคียงกับสัตว์อสูรเทพทั่วไปเลยก็ว่าได้ และถ้าหากมันมีสัตว์อสูรเทพอยู่ที่นี่ งั้นผลกระทบคงหนักหนากว่านี้เป็นอย่างมาก คนของเขาหลายสิบคนอาจจะตายไป
“เด็กนั่นต้องไปที่เขตกลางแน่ เราแค่ต้องไปที่นั่นและก็จะเจอกับมันเอง” จีเฟยพูดขึ้น
แต่ตอนนั้นเองก็มีการติดต่อจากหินจิตส่งกลับมา มันคือวิธีการติดต่อของตระกูลจี และมันสามารถส่งข้อความหากันได้
“จัดทีมเตรียมไปที่เขตกลาง บรรพชนมาถึงหุบเหวมังกรแล้ว” จีเฟยพูดขึ้น
ในเวลาเดียวกัน หวังเย่าและคนอื่น ๆ หลังจากที่พักได้ไม่นานก็ฟื้นฟูร่างกายกลับมา ฟู่หมิงเสนอว่าให้ทุกคนมุ่งหน้าไปที่เขตกลางโดยเร็วที่สุด
“เขตกลางนั้นอันตรายกว่าที่นี่ การพบกับสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์คงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา มันเสี่ยงที่จะพบกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง พวกนายต้องระวังตัวเอาไว้ มันมีสัตว์อสูรจำนวนมากที่พวกนายอาจจะรับมือไม่ไหว” หยานเทียนพูดขึ้น
หวังเย่ารู้ว่าหยานเทียนนั้นจงใจจะบอกเขา แม้ว่าวานเซ่จะอ่อนแอเป็นอันดับสองของกลุ่ม แต่การเป็นลูกของแม่ทัพพันธมิตรดาวนั้นจะอ่อนแอไปได้ยังไง นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่เขาเลเวลเกือบ 150 เลย จึงพอจะมีทางเอาตัวรอดได้มากกว่าหวังเย่า
ดังนั้นหวังเย่าจึงไม่ได้คัดค้านอะไรออกมา เขานั้นยังสบายใจอยู่ เพราะตลอดหลายวันมานี้เขาอยู่กับโม่ยู่หลินมาตลอด เมื่อมีเทพไฟและหยานเทียนอยู่ด้วยคอยปกป้องพวกเขา แม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา แต่เขาก็ไม่กังวลอะไร
ทุกคนที่เข้ามายังชั้นที่สามไม่ว่าจะแกร่งแค่ไหนต่างก็รู้ถึงข้อมูลของที่นี่ อย่างน้อยทุกคนก็รู้ว่าทางเข้าของชั้นที่สี่อยู่ที่เขตกลางของหุบเหวแห่งนี้
โชคดีที่พื้นที่ของชั้นสามนั้นไม่ได้กว้างเหมือนกับชั้น 2 มันใช้เวลาแค่ 2-3 วันก็สามารถเข้ามาถึงเขตกลางได้ แน่นอนว่าพวกที่โชคร้ายที่เจอกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งนั้นก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดไปได้
“นั่นสัตว์อสูรหรือ ? ” ระหว่างที่บินอยู่นั้น วานเซ่ก็ได้ยินเสียงคำรามมาจากภูเขาที่ไกลออกไป ตามมาด้วยเงาของกรงเล็บที่บดบังดวงอาทิตย์ได้ยื่นขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยมีคนอยู่ในอุ้งมือนั้นด้วย
พวกนั้นไม่อาจจะต้านทานได้เลย ทุกคนยังมีชีวิตอยู่แต่โดนจับเอาไว้ในอุ้งมือ เมื่อเห็นแบบนั้นแม้แต่หวังเย่าก็ยังต้องใจสั่น
โม่ยู่หลินพยักหน้าและพูดขึ้น “นั่นน่าจะเป็นสัตว์อสูรเทพ มันคือลิง ถ้าโตเต็มที่จะตัวสูงกว่าร้อยฟุต ความแข็งแกร่งของมันสูงอย่างมาก แม้แต่ในหมู่สัตว์อสูรเทพแล้ว มันก็อยู่ 100 อันดับแรก”
หวังเย่าและวานเซ่ได้ยินแบบนั้นก็พากันมองไปที่โม่ยู่หลินแล้วพูดขึ้น “แกร่งขนาดนั้นเลยหรือ ? นี่แค่เพิ่งเข้ามาที่เขตกลาง ไม่รู้เลยว่าจะมีสัตว์อสูรที่แกร่งกว่านี้อีกรึเปล่า”
แม้ว่าจะหายากแต่หากมองทั้งจักรวาลแล้ว สัตว์อสูรนั้นมีเกือบพันเผ่า ในเผ่าเหล่านั้นล้วนแต่มีตัวตนที่แข็งแกร่ง พวกที่ขึ้นมา 100 อันดับแรกได้ก็ถือว่ามีความสามารถที่จะปกครองโลกได้แล้ว
“ผู้อาวุโสโม่ยู่หลิน เผ่าของท่านอยู่อันดับเท่าไหร่ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเรื่องอันดับของสัตว์อสูรมาแล้ว แต่อันดับที่ชัดเจนนั้นเขายังไม่รู้ และมันไม่ง่ายที่จะรู้ชื่อของเผ่าสัตว์อสูรเทพเหล่านั้น
โม่ยู่หลินมองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้น “ความแข็งแกร่งของเผ่ากิเลนนั้นอยู่ 10 อันดับแรก”
คำตอบของโม่ยู่หลินนั้นคือความจริง แต่นี่คือสิ่งที่หวังเย่าคิดไม่ถึงเพราะจากคำพูดอีกฝ่ายแล้ว เผ่ากิเลนกลับแกร่งเป็น 1 ใน 10 อันดับแรก แต่ก็ไม่ใช่สัตว์อสูรที่แกร่งที่สุด
“10 อันดับแรกน่ะไม่ธรรมดา” ฟู่หมิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ในอนาคต เมื่อนายแกร่งเพียงพอ นายจะรู้ความลับพวกนี้เอง”
วานเซ่เองก็สับสนและพูดขึ้น “ผมได้ยินพ่อพูดว่าเผ่าสัตว์อสูร 10 อันดับแรก มังกรและวิหคเพลิงก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่เผ่าที่แกร่งที่สุดไม่ใช่พวกนั้น”
โม่ยู่หลินไม่ได้พูดอะไรออกมา ฟู่หมิงและหยานเทียนก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ แม้แต่วานเซ่ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งก็ยังรู้เรื่องนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทั้งสองคนก็หยุดถาม ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับสัตว์อสูรอยู่บ้าง และถึงกับเจอสัตว์อสูรเข้าล้อมเอาไว้ แต่สัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไม่อาจจะเป็นภัยต่อพวกเขาได้ ในทางกลับกันแล้ว พวกเขาสามารถหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากจะฆ่าพวกมันแล้ว งั้นสัตว์อสูรเหล่านี้คงอยู่ในสภาพที่น่าอนาถแน่ ๆ
สัตว์อสูรคิดว่าตัวเองเป็นผู้ล่า พวกมันต้องการจะไล่ตามพวกเขาเพื่อแย่งเอาสมบัติและนำมาพัฒนาตัวเอง แต่สุดท้ายก็โดนหยานเทียนและฟู่หมิงจัดการในที่สุด เมื่อเห็นว่าสัตว์อสูรกว่าสิบตัวโดนฆ่าไป พวกสัตว์อสูรที่เหลือก็รู้ว่าคนพวกนี้แกร่งแค่ไหน พวกมันจึงหันกลับและเลือกที่จะหนีไป
สองวันต่อมาพวกเขาก็มาถึงเขตกลางของหุบเหวมังกรได้ มันไม่ได้มีภูเขา, ที่ราบหรือหุบเขาอยู่ที่นี่ มันมีแต่ถ้ำขนาดใหญ่เท่านั้น
ถ้ำนี้เป็นเหมือนภูเขาที่โดนเจาะจนพรุน มันมีรูนับไม่ถ้วนโดยรอบ บางครั้งก็มีลมพัดออกมาราวกับเสียงร้องของปีศาจ
“พี่ นี่คือทางเข้าชั้นต่อไปที่พี่พูดถึงงั้นหรือ ? ” หวังเย่ามองไปที่ถ้ำตรงหน้าและถามขึ้นมา เสียงที่ดังออกมาจากถ้ำนั้นทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้ำนี้เรียกว่าถ้ำหลงชู มีข่าวลือว่าเมื่อล้านปีก่อน มันมีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ที่นี่และเจาะภูเขาให้กลายเป็นรังของมัน ผู้คนเรียกมันว่าถ้ำมังกร” ฟู่หมิงพูดขึ้นมา
“สัตว์อสูรนั่นแกร่งขนาดไหนถึงเจาะภูเขาทั้งลูกให้พรุนได้แบบนี้” หวังเย่าถึงกับตะลึงงัน ความรู้สึกกลัวที่มียิ่งมากขึ้นไปอีก
ในตอนที่ทุกคนพูดคุยกันอยู่นั้น คนอื่น ๆ ก็มาถึง เมื่อเห็นถ้ำตรงหน้า พวกเขาก็เลือกที่จะกลับลงมาพักที่พื้น
นี่คืออาณาเขตของสัตว์อสูร ทุกคนต่างก็หยุดก่อนจะเข้าไปในอาณาเขตของมัน พวกเขาพากันเผยสีหน้าไม่สู้ดีออกมา
มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าสัตว์อสูรนี่น่ากลัวแค่ไหน แม้แต่พวกระดับสูงก็ยังค่อนข้างกังวล
ทุกคนพากันมารวมตัวกันที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ กองทหารเลือดวิญญาณ, กองทหารพิษรวมถึงตระกูลอื่น ๆ ต่างก็มาสมทบกันที่แนวหน้า กองกำลังเล็ก ๆ พากันหลีกทางให้กับพวกนั้น
และตอนนั้น แสงสีทองก็พุ่งตัดผ่านท้องฟ้าสีเทาลงมา มันทำให้แสงนั้นดูสูงส่งยิ่งขึ้นไปอีก
“ดูนั่น ! เผ่าสามตา ได้ยินว่าพวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย นั่นนายน้อยของพวกเขา ไม่รู้ว่าจะแกร่งแค่ไหน” หลายคนจำแสงสีทองนี้ได้
“เขาไม่ได้แกร่งเท่าไหร่ แต่เป็นคนคุ้มกัน 4 คนของเขาต่างหากที่แข็งแกร่งอย่างมาก ฉันเห็นมากับตาตัวเองแล้ว ดาบสวรรค์น่ะฆ่าสัตว์อสูรที่เลเวลมากกว่า 150 ได้อย่างง่ายดาย” ชายอีกคนบอกข้อมูลที่เขารู้มา
“แกร่งขนาดนั้นเลยหรือ ? คนที่ถือมันได้ต้องเลเวลอย่างน้อย 160” เมื่อทุกคนได้ยินถึงความแข็งแกร่งของดาบสวรรค์ก็พากันหนักใจขึ้นมา
แสงสีทองได้สลายไป หยางเสี่ยวและคนคุ้มกันอีก 4 คนก็พากันลงมาที่พื้นและมายืนอยู่ด้านหน้า
“นี่คือรังของมันงั้นหรือ ? ” หยางเสี่ยวมองไปที่ถ้ำแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ
หวังเย่าเห็นการกระทำของหยางเสี่ยวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดจะเล่นอะไร
กลับกันแล้ววานเซ่กลับยิ้มออกมา “เขาไม่ได้ทำผิดอะไรหรอก ฉันว่ามันต้องมีโชว์ดี ๆ ให้เห็นแน่”
“นายรู้ได้ยังไง ? นายรู้ไหมว่าเขาเป็นนายน้อยของเผ่าสามตา ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ ฉันเคยเจอเขามาหลายครั้งแล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเด็ก เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน” วานเซ่พูดขึ้นและมองไปที่หยางเสี่ยวด้วยท่าทางดีใจ
กองกำลังอื่น ๆ อยากจะเข้าไปในถ้ำนี้เพื่อเปิดทางเข้าสู่ชั้นต่อไป แต่ไม่รู้เลยว่าด้านหลังนั้นมีกองกำลังหนึ่งกำลังวางแผนการอีกอย่างอยู่
“กองกำลังอื่น ๆ ได้มาถึงและประจำการอยู่ด้านหน้าถ้ำแล้ว” ชายหนุ่มคนหนึ่งรายงานสถานการณ์
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายแก่ก็พยักหน้าและพูดขึ้น “ครั้งนี้เราไม่อาจจะปล่อยให้เด็กนั่นหนีไปได้อีก เราต้องกำจัดเด็กนั่นให้ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้เจอมัน ! ”