ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 724 : สัตว์อสูรเขี้ยว
ตอนที่ 724 : สัตว์อสูรเขี้ยว
ชั้นสามนี้ถูกเรียกว่าหุบเหวมังกร มันคือหุบเหวลึกที่อยู่ใต้ทะเลหมื่นมังกร หากว่าไม่สามารถผ่านช่องทางพิเศษออกมาได้แล้ว งั้นมันก็ยากที่จะผ่านกำแพงและออกจากที่นี่ไปได้
หุบเหวมังกรและทะเลหมื่นมังกรนั้นต่างกัน มันดูเหมือนว่าเป็นโลกที่สงบสุข แต่ความจริงแล้วที่นี่ปกคลุมไปด้วยม่านฝนกรดอยู่ตลอดเวลา
“มันอาจจะมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี่รวมถึงสัตว์อสูรเทพด้วย เพราะสัตว์อสูรที่รอดอยู่ที่นี่ได้นั้นคือสิ่งที่อันตรายที่สุด” หยานเทียนพูดขึ้นมา
“บอกกันว่าดินแดนนรกนั้นลึกลับ มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน พวกลุงเคยมางั้นหรือ เลยรู้เรื่องพวกนี้ ? ” หวังเย่ารู้สึกว่าตัวเองไม่รู้สถานการณ์ที่นี่เลย มันต้องมีคนโง่ออกไปเป็นตัวทดลองประสิทธิภาพของฝนนี้ก่อน ตอนนั้นเขาถึงจะเข้าใจสถานการณ์ของชั้นนี้
“ฉันอยู่มาหลายหมื่นปีแล้ว และฉันก็อยู่ในเขตนี้มาหลายพันปี แม้ว่าจะไม่เคยไปถามใครแต่ก็พอได้ยินเรื่องความลับอะไรมาบ้าง” หยานเทียนพูดขึ้น “สำหรับเราแล้วมันมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้”
หยานเทียนมองไปที่ฟู่หมิงและพูดขึ้น “ถ้าให้พูดถึงเรื่องความเข้าใจในดินแดนนรกนั้น ฟู่หมิงเหนือกว่าฉันซะอีก”
“หุบเหวมังกรนี้เป็นแบบที่นายบอกมา ไม่ใช่แค่มีฝนกรดและหมอกที่กัดเซาะเนื้อเราได้ แต่ยังมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนอยู่ที่นี่ด้วย” ฟู่หมิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วทางเข้าสู่ชั้นต่อไปล่ะ ? พี่รู้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายต้องอยู่ที่หัวใจของงู ซึ่งมันคือผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นมันจึงไม่ง่ายที่จะไปยังชั้นต่อไป” เมื่อพูดจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีเทา “ก่อนอื่นเราคงต้องไปหาที่พักกันก่อน ไม่รู้ว่าฝนจะตกลงมาถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้มันเกินกว่าที่เราจะรับมือไหว เราต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมกันก่อน ไม่งั้นแล้วคงอันตรายอย่างมาก”
หวังเย่ารู้ว่าที่ฟู่หมิงพูดแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงเขา ด้วยความแข็งแกร่งของหยานเทียนและฟู่หมิงแล้ว ฝนนี้ทำอะไรทั้งสองไม่ได้เลย แม้แต่วานเซ่ก็ยังเลเวลเกือบ 150 แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นปัญหากับการเดินทางในฝนกรดเช่นนี้ในเวลา 1-2 วัน
มีแค่เขาที่อ่อนแอที่สุด แม้ว่าจะเหนือกว่าคนเลเวลเท่ากันแต่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ก็ไม่อาจจะทนได้นาน เขาคงเดินทางได้แค่ครึ่งวันเท่านั้น หวังเย่ารู้ตัวดีว่าการทำแบบนั้นคงกินพลังเขาไปกว่าครึ่ง
ดังนั้นพวกเขาจึงได้พากันไปหาถ้ำ แต่ปรากฏว่าถ้ำนี้เป็นรังของสัตว์อสูร
“ที่นี่เป็นที่ที่ดี พักที่นี่กันก่อน” ฟู่หมิงพูดขึ้นมา
ในตอนที่พวกเขาเดินไปที่ถ้ำนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาเบา ๆ หวังเย่าระวังตัวขึ้นมาทันทีและมองเข้าไปด้านในก่อนจะพบกับสัตว์อสูรรูปร่างเหมือนกับม้ามีหนามเดินออกมาจากถ้ำอย่างช้า ๆ
สัตว์อสูรนี้มีตัวขนาดใหญ่และสูงพอ ๆ กับตึกสามชั้น มันยืนบังทางเข้าเอาไว้ แต่สิ่งที่ทำให้หวังเย่าแปลกใจไปกว่านั้นคือสัตว์อสูรนี่อยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับเลเวลมากกว่า 140 เข้าไปแล้ว
“ความแข็งแกร่งแบบนี้หากเทียบกับผู้พิทักษ์ที่ชั้น 1 แล้ว ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย ไม่แปลกเลยที่พี่ฟู่หมิงจะบอกว่าสัตว์อสูรที่นี่อันตราย” หวังเย่ารู้ถึงความน่ากลัวของดินแดนนรกทันที
สัตว์อสูรเห็นคนบุกเข้ามาในอาณาเขตก็ได้คำรามเข้าใส่ราวกับจะบอกว่านี่คืออาณาเขตของมัน
สัตว์อสูรที่อยู่ที่นี่นั้นส่วนมากก็มีความแข็งแกร่งที่สูง แม้ว่าจะอยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ
“เราขอยืมถ้ำนี้สัก 2-3 วัน นายออกไปก่อน ถ้านายตกลง ฉันจะให้ผลึกนี้เป็นรางวัล” ฟู่หมิงบอกกับสัตว์อสูรก่อนจะเอาแร่ออกมา
แร่นี้ให้พลังงานในการช่วยเพิ่มการพัฒนากับสัตว์อสูร แม้ว่าจะไม่ได้ดีเท่ากับผลสมองราชาภูติ แต่ก็ถือว่าเป็นสมบัติที่ดีอย่างมาก
สัตว์อสูรเห็นแร่นั่นก็ได้คำรามออกมาเบา ๆ ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาฟู่หมิง มันราวกับคิดจะแย่งแร่นั้นมา
“อย่าทำแบบนี้ ไม่งั้นแล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ฟู่หมิงยกมือขึ้นแล้วตบหัวสัตว์อสูรลง สัตว์อสูรถึงกับทรุดลงไปทันที
แม้ว่าจะตบสั่งสอนสัตว์อสูรไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้พลังของฟู่หมิงลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ฟู่หมิงไม่คิดจะสู้กับสัตว์อสูรนี้ต่อ เขาจับขาของมันก่อนจะยกตัวมันขึ้นแล้วโยนมันออกไปข้างนอกทันที
สัตว์อสูรโดนโยนออกไปหลายสิบฟุตก่อนจะกระแทกกับพื้นอย่างแรง แต่ด้วยผิวที่หนาของมันจึงทำให้มันไม่ได้บาดเจ็บอะไร
สัตว์อสูรตัวนี้ เมื่อรู้ว่าฟู่หมิงแข็งแกร่งแค่ไหน ตอนที่มันลุกขึ้นได้มันก็ไม่กล้าจะเข้ามาโจมตีเขาต่อ ฟู่หมิงยกมือขึ้นพร้อมกับมีไฟลุกขึ้นมาที่หัวของสัตว์อสูรเพื่อทำให้มันยอมแพ้ก่อนจะพูดขึ้น “แกจะยอมแพ้ตอนนี้หรือว่าจะสู้จนตาย เลือกเอาก็แล้วกัน”
สัตว์อสูรคำรามออกมาอย่างไม่เต็มใจและมองไปที่ถ้ำของตัวเอง สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าก่อนที่ฟู่หมิงจะดับไฟบนหัวของมันแล้วโยนแร่ให้กับมัน สัตว์อสูรเก็บแร่แล้วจากไปทันที
“บางทีตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรก็ต้องใจแข็งเข้าไว้ ถ้าไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งคงโดนมันกินไปแล้ว” ฟู่หมิงพูดขึ้น
“ด้วยพลังของเทพไฟแล้ว เทพไฟก็สามารถจัดการมันได้ง่าย ๆ แต่หวังเย่ากับผมไม่มีความสามารถขนาดนั้น สัตว์อสูรเมื่อตะกี้ผมก็ยากที่จะจัดการได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรเลเวลเท่ากับตัวเองแล้ว เราคงต้องได้แต่หนี” วานเซ่พูดขึ้น
ฟู่หมิงยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ถ้าพ่อนายกล้าให้นายเข้ามาที่นี่ งั้นนายคงพึ่งตัวเองได้บ้างแล้วแหละ”
พวกเขาได้เข้าไปในถ้ำและพบว่าด้านในนั้นกว้างขวางอย่างมาก ไม่ใช่แค่มีพื้นที่ที่กว้างแต่ยังไม่ชื้นอีกด้วย
“สัตว์อสูรตัวนั้นคงสร้างที่นี่ขึ้นมาเอง มันสบายกว่าการไปตากฝนด้านนอกเยอะเลย” หวังเย่าพูดขึ้นมา
หยานเทียนได้ทำการปิดผนึกปากถ้ำเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาก่อนจะพูดขึ้น “ดินแดนนรกแห่งนี้นั้นวิเศษ สัตว์อสูรพวกนั้นพัฒนาตัวเองจนไม่กลัวฝนกรด แม้แต่ต้นไม้ที่นี่ก็ยังปรับตัวให้เข้ากับสภาพของฝนที่นี่ได้”
ตั้งแต่ที่เข้ามาในดินแดนนรก หวังเย่าก็ตะลึงกับสิ่งที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นบ่อตม, ทะเลหมื่นมังกรหรือสัตว์อสูรในทะเลหรือแม้แต่พายุทุกอย่างล้วนแต่ทำให้หวังเย่าต้องอึ้ง แม้แต่การหาถ้ำในชั้นที่สามก็ยังพบกับสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ที่เลเวลสูงกว่าทั่วไป
มันง่ายที่จะคิดได้ว่ามันยากและอันตรายแค่ไหนหากต้องเจอกับสัตว์อสูรพวกนั้น บอกได้ว่าสัตว์อสูรที่นี่เทียบเท่ากับสัตว์อสูรที่ผ่านการลงโทษมาแล้วก็ว่าได้
ตอนที่หวังเย่าและคนอื่น ๆ พักกันอยู่นั้น คนกลุ่มอื่นที่เดินทางมายังหุบเหวมังกรก็ไม่ได้โชคดีนัก
ปัง !
สัตว์อสูรเลเวล 130 ถูกตัดหัวจนสมองกระจายออกมากระเด็นตกไปตามพื้น จากนั้นสัตว์อสูรที่อยู่ข้าง ๆ ก็วิ่งเข้าไปกินศพของมันทันที
คนเหล่านั้นต่างก็พากันขมวดคิ้วและมองไปรอบ ๆ นอกจากตัวของเขาเองกับทหารรับจ้างที่โดนโจมตีโดยสัตว์อสูรแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็บาดเจ็บหนัก บางคนโดนฆ่าและโดนสัตว์อสูรกินไป
“ที่นี่คือรังของสัตว์อสูรเขี้ยว เราโชคร้ายจริง ๆ ที่ตกลงมาในพื้นที่นี้ เราเพิ่งมาถึงชั้นสาม แต่กลับต้องมาอยู่กลางฝูงของพวกมัน” เขามองสถานการณ์โดยรอบและตะโกนบอกลูกน้อง “ทุกคนถอยก่อน อย่าเสียพลังกับสัตว์อสูรพวกนี้ ! ”
ไม่มีใครคิดเลยว่ากองทหารเลือดวิญญาณที่แข็งแกร่งนั้นจะได้รับความเสียหายแบบนี้ พวกเขามีคนมากกว่า 200 คนแต่กลับเสียคนไปหลายสิบคนในพริบตา และก็ยังมีหลายคนที่บาดเจ็บหนัก
โชคดีที่หัวหน้ากองทหารอย่างเบสเมอร์นั้นแข็งแกร่งที่พอจะยื้อกับสัตว์อสูรเลเวล 150 ได้ มันจึงเป็นการลดแรงกดดันให้กับคนอื่น ๆ ไปอย่างมาก
ปัง !
เบสเมอร์ต่อยเข้าใส่สัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาและฆ่าสัตว์อสูรเขี้ยวไปหลายตัวพร้อมกับถอยไปด้วย
หลังจากที่วุ่นวายได้สักพัก กองทหารเลือดวิญญาณซึ่งเสียคนไปหลายสิบคนก็ถอยออกมาจากรังสัตว์อสูรได้
ที่อื่นเองก็มีสถานการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้น พวกที่มีระดับต่ำนั้นโชคร้ายที่สุด ถ้าเจอกับสัตว์อสูรทั่วไปก็ถือว่าดี นอกจากจะไม่โดนฆ่าก็ยังหนีมาได้ แต่พวกคนที่ไปพบกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งหรือตกไปอยู่ในรังของสัตว์อสูรนั้นได้แต่ต้องบอกว่าตัวเองนั้นโชคร้าย
ตอนนั้นที่ชั้นสามกลับดูคึกคักขึ้นมา เสียงคำรามและเสียงตะโกนของทั้งคนและสัตว์อสูรดังก้องไปทั่วภูเขา
ดาบยาวที่มีแสงเป็นสายรุ้งได้ฟันผ่าร่างของสัตว์อสูรหลายตัวและตัดพวกมันออกเป็นสองส่วน สัตว์อสูรตัวหนึ่งอยากจะหนี แต่ตัวของมันกลับโดนแช่แข็งเอาไว้ และไม่นานหลังจากนั้นตัวของมันก็โดนตัดออกเป็นชิ้น ๆ นับไม่ถ้วน มันได้แต่แสดงสายตาที่เศร้าสร้อยออกมาและสุดท้ายก็ตายไป
“หัวหน้า ที่นี่มีสัตว์อสูรจำนวนมาก เราอาจจะเจอปัญหาได้ เราต้องไปที่ส่วนกลางของภูเขาโดยเร็วที่สุดเพื่อไปยังชั้นต่อไป” ทหารได้บอกกับนายน้อยของตัวเอง
“สัตว์อสูรที่นี่นั้นดุร้ายและไม่ได้อ่อนแอ ถ้าเราเจอกับตัวที่เหมาะ เราอาจจะเอามันมาใช้ประโยชน์ได้ ฉันอยากได้สัตว์อสูรที่เหมาะสมมาเป็นของตัวเอง ทุกคนต่างก็มาเพื่ออสูรมิติ ถ้าฉันเลี้ยงดูมันให้แกร่งขึ้นได้บ้าง ฉันว่ามันต้องส่งผลดีต่อเรา” หยางเสี่ยวพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทหารทั้งสี่คนก็มองหน้ากันก่อนที่ทหารคนหนึ่งจะพูดขึ้น “แต่สถานการณ์ที่นี่ซับซ้อน ถ้าอยากหาอสูรที่เหมาะสม งั้นไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ถ้าเราโดนคนอื่นแซงหน้าไป เราคงโดนแย่งอสูรมิติไปแน่”
“ฉันไม่ได้คิดจริงจังนักหรอก การที่สัตว์อสูรพวกนี้ได้พบกับฉันถือว่าเป็นโชคดีของพวกมัน” หยางเสี่ยวพูดขึ้น