ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 723 : ดินแดนนรก
ตอนที่ 723 : ดินแดนนรก
น้ำวนนั้นไม่เหมาะที่จะใช้เรือดำน้ำในการเดินทางต่อ นอกซะจากว่าเขาอยากโดนฉีกเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับเรือดำน้ำ หลังจากที่ออกมาจากส่วนลึกแล้ว หวังเย่าก็ทะยานขึ้นไปบนอากาศและมองไปที่ทะเลด้านล่าง
เมื่อมองลงไปก็พบกับน้ำวนที่เหมือนกับไม่มีก้นหลุม มันราวกับหุบเหวขนาดใหญ่ที่กลืนกินทะเลเข้าไป แม้แต่พวกที่บินอยู่ก็ยังได้รับผลกระทบเพราะแรงสูบของมัน
ถ้ายังบินเหนือน้ำวนนี้ พวกที่อ่อนแออาจจะโดนสูบลงไปง่าย ๆ แม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูรที่ผ่านการลงโทษมาได้แต่ก็เดาว่าคงโดนฉีกเป็นชิ้น ๆ เพราะพลังของน้ำวนนี้
“ ไม่แปลกเลยที่ไม่มีสัตว์อสูรทะเลอยู่ใกล้ที่นี่ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะอยู่รอด” หวังเย่าพึมพำออกมา มันไม่มีสัตว์อสูรทะเลอยู่ใกล้ ๆ นี้เลย แม้แต่สัตว์อสูรในทะเลลึกก็เหมือนมองว่าน้ำวนนี้คือพื้นที่ต้องห้าม
อากาศเองก็ปั่นป่วนมากกว่าเดิม มันเห็นได้จากที่ไกล ๆ ว่าพื้นที่นั้นมีสายฟ้าผ่าลงมาและเกิดพายุขึ้น พายุพวกนี้เพียงพอที่จะฆ่าพวกนักสู้ระดับสูงได้ มันเป็นอุปสรรคที่ยากจะขัดขวางไม่ให้ไปสู่ชั้นที่สาม
แต่โชคดีที่มันไม่ได้มีอยู่ทั่วทุกที่ ตราบใดที่ระวังตัวมากพอเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีพายุแล้ว การจะเข้าไปยังพื้นที่ใจกลางของวังวนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ระหว่างที่บินนั้น หวังเย่าเห็นว่ากองกำลังอื่น ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว เมื่อเห็นสถานการณ์ที่นี่ พวกนั้นต่างก็รู้ว่าที่นี่คือทางเข้าที่นำไปสู่ชั้นสาม
แม้ว่าจะอยู่ห่างออกมาแค่พันไมล์ แต่หวังเย่าก็ยังต้องบินอยู่หลายชั่วโมงเพราะกลัวว่าจะหลงเข้าไปในเขตพายุ เขาเข้าไปที่เขตใจกลางและเห็นว่ามีหลายคนไปรวมตัวกันที่นั่นแล้ว หลายคนมาจากกองกำลังใหญ่ที่หวังเย่าก็พอรู้จักอยู่บ้าง
“พี่เย่า พี่มาแล้ว ! ” ชายคนหนึ่งโบกมือให้กับหวังเย่า
หวังเย่าเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นวานเซ่ ข้าง ๆ เขามีฟู่หมิงและหยานเทียนอยู่ แม้แต่โม่ยู่หลินก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย
“ยังไม่ได้ไปที่ชั้นสามกันอีกหรือ ? ” หวังเย่ามองไปยังคนเหล่านั้นด้วยความแปลกใจ ตามที่ตกลงกันไว้พวกนี้จะต้องเข้าไปที่ชั้นสามตั้งแต่ 2-3 วันก่อนหน้านี้แล้ว
“ที่นี่โดนผนึกเอาไว้ เวลายังไม่ครบ เราต้องรอ” วานเซ่อธิบายออกมา ไม่งั้นแล้วป่านนี้เขาคงไปที่ชั้นสามตั้งนานแล้ว
“มันจริงหรือที่ว่าค่ายกลน้ำวนนี่คือทางเข้าสู่ชั้นต่อไป” หวังเย่าหันไปถามฟู่หมิง “แม้แต่พี่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยหรือ ? ”
“ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีที่ซับซ้อน มันรวมค่ายกลขนาดเล็กกว่าร้อยอันเข้าด้วยกัน เมื่อมีพลังภายนอกเข้ามาเกี่ยว มันจะทำให้เกิดกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดทันที” ฟู่หมิงพูดขึ้น “ถ้าไม่ผิดพลาดแล้วที่นี่คือแก่นของทะเลหมื่นมังกร นี่ไม่ต้องพูดถึงการโดนน้ำวนนี่กลืนไปเลย แค่ผ่านมาที่นี่ก็ทำให้คนส่วนมากตกที่นั่งลำบากกันได้แล้ว”
“เจ้าของค่ายกลนี้ไม่ได้อยากขังเราไว้ที่ชั้นสอง มันก็แค่ถ่วงเวลาไม่ให้เราไปยังชั้นต่อไปก็เท่านั้น แทนที่จะทำลายมัน มันจะดีกว่าที่จะรออีกสักสองวัน ถึงตอนนั้นค่ายกลนี่ก็หมดพลังไปแล้ว” ฟู่หมิงพูดขึ้น
เมื่อเห็นแบบนั้นหวังเย่าก็พอเดาออก การที่ใช้ค่ายกลแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แปลว่าต้องคุ้นกับดินแดนนรกเป็นอย่างดี เขาเข้ามาก่อนคนอื่นแล้วสร้างค่ายกลเอาไว้ คนที่ทำแบบนี้ได้คงมีแค่เหิงหยูคนเดียวเท่านั้น
ไม่แปลกเลยที่กองกำลังอื่น ๆ ต่างก็ต้องยอมรอ เพราะพวกเขาไม่อยากเสียคนไปมากกว่านี้ เมื่อคิดถึงกองกำลังที่ถ่วงเวลาพวกเขาเอาไว้ หวังเย่าก็คิดถึงสิ่งที่เขาได้ยินมากและอดไม่ได้ที่จะกังวล
ตอนนี้เขาอยู่กับฟู่หมิงและคนอื่น ๆ เขาไม่ได้กลัวว่าตระกูลจีจะมาฆ่าเขา แต่หยูเจียอาจจะตกอยู่ในอันตราย ถ้าเขาหาหยูเจียไม่พบ หยูเจียอาจจะตายก็ได้
หวังเย่าได้แต่ภาวนาในใจว่าหยูเจียจะรู้แผนการอีกฝ่าย ไม่งั้นแล้วเมื่อทหารน้ำอยู่ในการควบคุมของตระกูลจีแล้ว ก็คงเป็นปัญหาใหญ่แน่
ครึ่งวันต่อมาก็เกิดพลังงานผันผวนระเบิดขึ้นมาจากน้ำวนด้านล่าง หวังเย่ามองไปที่ทะเลและพบว่าใจกลางน้ำวนนั้นกลับมีค่ายกลสีฟ้าปรากฏขึ้นมา
หลังจากที่พลังผันผวนก่อตัวขึ้น พลังมันก็กระจายออกไปโดยรอบ เมื่อรับรู้ถึงพลังที่ระเบิดออกมานั้น ทุกคนต่างก็หน้าถอดสี
ถ้าค่ายกลนี้ใช้ไว้โจมตี งั้นมันก็ยากที่พวกเขาจะรับมือได้ โชคดีที่น้ำวนนี้ไม่ได้ใช้เพื่อโจมตี หลังจากพลังแผ่ออกมาแล้วน้ำวนก็หยุดนิ่งไป จากนั้นพลังของน้ำวนก็ค่อย ๆ ลดลงจนหมดลง
“ใครจะเป็นคนทำลายค่ายกลนี้ เราจะได้เดินทางเข้าไปสักที” ผู้อาวุโสหยูพูดขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นให้ฉันจัดการเอง” คนรูปร่างใหญ่เดินออกมาและพูดขึ้น เสียงของเขาราวกับฟ้าผ่า
เมื่อได้ยินที่ยักษ์คนนั้นพูดมา หลายคนก็พากันพึมพำ พวกเขาจำยักษ์คนนี้ได้ พวกเขาต่างก็พากันหลีกทางให้ด้วยความเคารพ
“กลับเป็นเจียงกวนนี่เอง” หลังจากที่เห็นชายคนนั้น วานเซ่ก็บอกกับหวังเย่า “ชายคนนี้เป็นศิษย์ของเจียงเซียง เขาเกิดขึ้นมาจากเผ่ายักษ์ เขาแกร่งอย่างมาก ร่างกายของตระกูลเจียงน่ะแข็งแกร่ง”
“พ่อฉันเคยบอกว่าพันปีก่อนเขาเคยเป็นคนระดับสูงของวิหารสวรรค์ เขาคือหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดของวิหารสวรรค์”
เมื่อได้ยินที่วานเซ่อธิบายออกมา หวังเย่าก็มองไปที่ชายคนนั้นอยู่สักพัก คนที่วานเซ่พูดถึงน่ะไม่มีใครที่เป็นคนธรรมดาเลย
เขาเคยได้ยินเรื่องของเจียงเซียงมาก่อน ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยกว่าเทพธิดาน้ำแข็งเลย แต่ตอนนี้เขาเก็บตัวอยู่จึงไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
“ฉันได้ยินว่าเมื่อ 10 ปีก่อน เจียงกวนคนเดียวได้ก่อสงครามกับ ‘เฉียนจู’ หนึ่งในสิบกองกำลังทหารรับจ้างระดับสูง การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายกินเวลากว่า 1 เดือน แทนที่เขาจะแพ้ แต่เป็นอีกฝ่ายที่กลับพ่ายแพ้ไป”
“ไม่แปลกเลยที่การแข่งขันในครั้งนี้ กองกำลังทหารเฉียนจูจะไม่มา พวกเขาคงกลัววิหารสวรรค์ ยังไงซะนี่ก็ถือว่าเป็นอาณาเขตของวิหารสวรรค์ ถ้าพวกนั้นมาคงโดนล้อม วิหารสวรรค์คงไม่มีทางปล่อยพวกนั้นไปง่าย ๆ ”
ในตอนที่ทุกคนซุบซิบกันนั้น เจียงกวนก็ได้เดินไปที่ค่ายกลแล้วดึงเอาขวานออกมาจากด้านหลัง แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันบวมเปล่งของเขานั้นทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
“ทลาย ! ” เจียงกวนตะโกนขึ้นพร้อมกับฟันขวานออกไปจนทำให้มิติโดยรอบสั่นสะเทือนไปด้วย
แกร๊ก !
ท้องฟ้าโดนผ่าออกเป็นสองส่วนเพราะขวานนี่ ก่อนที่จะเริ่มสว่างขึ้นมาทันที ค่ายกลสีฟ้าโดนตัดออกเป็นสองส่วนแล้วพังลงมาราวกับว่าโดนสัตว์อสูรโจมตี
ค่ายกลที่เกือบหมดพลังนั้นเมื่อรับการโจมตีของขวานนี้ก็แตกออกก่อนจะสลายไป หลังจากที่พังลงไปแล้ว น้ำแข็งที่ปกคลุมน้ำทะเลอยู่ก็แตกออกอย่างรวดเร็วเพราะกระแสน้ำ ทุกคนรับรู้ได้ถึงมิติที่ผันผวนอยู่ที่ด้านล่างน้ำวน
“ทางเข้าอยู่ใจกลางน้ำวนนี้ ! ” ทุกคนต่างก็พากันยินดี
“ฉันไปก่อนก็แล้วกัน ! ” เจียงกวนบอกกับทุกคนก่อนจะพาคนของตระกูลเจียงเข้าไปในน้ำวน
“ไปกันเถอะ” ฟู่หมิงพูดขึ้น หยุนเทียน, โม่ยู่หลิน, และหวังเย่า ต่างก็พากันมองไปที่น้ำวน เมื่อเห็นว่าไม่มีอันตรายใดๆ พวกเขาจึงรีบตามไป พี่น้องตระกูลวานเองก็ด้วย
คนอื่น ๆ ไม่อยากโดนทิ้งเอาไว้ พวกเขาจึงพากันพุ่งไปยังใจกลางน้ำวน หลังจากนั้นสักพักก็แทบไม่มีใครเหลืออยู่ที่นั่น
ไม่นานหลังจากที่ทุกคนเดินทางไปยังน้ำวน มันก็มีคนกลุ่มหนึ่งนำโดยชายแก่ผมขาวบินเข้ามา เขามองไปที่น้ำวนด้วยสีหน้าหม่น
ถ้ามีคนในเขตดาวโบไลด์เห็นคนกลุ่มนี้คงจำได้ทันที นี่คือคนของตระกูลจี จีเฟย หนึ่งในคนที่แกร่งที่สุด
เขามองเข็มทิศในมือที่ชี้ไปยังน้ำวนด้านล่าง เมื่อเห็นแบบนั้นจีเฟยก็คิ้วขมวดและพูดขึ้น “เด็กนั่นหนีไปได้จริง ๆ พวกนายตามฉันมา เราต้องฆ่าเด็กนั่นให้ได้โดยเร็วที่สุดอย่าให้เขาแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด ! ”
จีเฟยได้พาคนตระกูลจีลงไปในน้ำวนทันที
ตอนนั้นก็เกิดฝนตกลงมา ทั้งท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยฝน มันไม่เหมือนกับพายุในทะเลหมื่นมังกร สภาพอากาศที่นี่ดูหม่นหมองและเต็มไปด้วยหมอก
ฝนนี้ไม่ใช่พายุ มันไม่ได้ทำให้อากาศหนาวเย็น แต่พออยู่นาน ๆ ก็ยังทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่ดี
คนทั่วไปหากโดนฝนนี่ตกเข้าใส่ตัวแล้วไม่นานคงกลายเป็นบ่อเลือด
หวังเย่าดึงมือกลับมาและพบรูเล็ก ๆ ที่มือซึ่งโดนฝนกัดกร่อน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะใช้ไฟหยินหยางคลุมตัวเอาไว้เพื่อที่ฝนจะได้ไม่ถึงตัวเขา
“ชั้นสามคือฝนกรดงั้นหรือ ? ” หวังเย่ายืนอยู่บนยอดเขาและมองไปรอบ ๆ ก่อนจะถามขึ้นมา
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนพวกเขาได้ผ่านประตูเข้ามาผ่านน้ำวน ทันทีที่เข้ามาถึงชั้น 3 ก็พบโลกที่ปกคลุมไปด้วยฝน
สิ่งที่ทำให้หวังเย่าแปลกใจคือ ตอนแรกเขาคิดว่าโลกนี้จะมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งหรือไม่ก็มีทะเลลึก แต่เมื่อมาถึงที่นี่ดูไร้พิษภัย แต่มันก็ต้องทำให้พวกเขาต้องใช้พลังออกมาตลอดเวลา
ที่ปลายของโลกทั้งสองด้านนั้น แต่ละด้านมีรูปปั้นมังกรตั้งอยู่ มันราวกับผู้พิทักษ์ของชั้นนี้
แต่เมื่อฟังจากคำพูดของหยานเทียนแล้ว รูปปั้นทั้งสองไม่ใช่ผู้พิทักษ์ของชั้นนี้แต่กลับเป็นแค่ประภาคารที่ตั้งอยู่ทางเหนือและใต้ของชั้นนี้เท่านั้น
“มันเป็นกำแพงกั้นทางเหนือและใต้กันเพื่อกำหนดขอบเขตให้กลายเป็นชั้นสาม อันที่จริงภูเขาตรงหน้าคือภูเขาที่อยู่ใต้ทะเลหมื่นมังกร” หยานเทียนมองไปที่ฝนที่โปรยปรายลงมาและพูดขึ้นช้า ๆ